“แรมโบ้” ซัด “เทพฤทธิ์” อย่าหูหนวกตาบอด ไม่รู้ว่านายกฯ-รัฐบาล แก้ปัญหาโควิด-19 อย่างไรบ้าง เตือน “พรรคไทยสร้างไทย” เป็นพรรคใหม่อย่าต้องให้ประชาชนตั้งชื่อพรรคใหม่ว่า “พรรคไทยทำลายไทย” เพราะยังชอบใช้วาทะตีกินทางการเมืองเหมือนแกนนำพรรค
14 เมษายน 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายเทพฤทธิ์ สีน้ำเงิน คณะทำงานด้านนโยบายและแผน พรรคไทยสร้างไทย ข้องใจเงินกู้ 40,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลกู้มารับมือโควิด-19 หายไปไหน นำไปใช้อะไรบ้าง ปล่อยปะละเลยให้เกิดการระบาดในรอบ 3 ว่า การกู้เงินนั้นรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงไปแล้วว่าเพื่อนำมาใช้ในแผนงานหรือโครงการทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้กับประชาชน เกษตรกร ผู้ประกอบการ และเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งนายเทพฤทธิ์ ก็เห็นแล้วว่ารัฐบาลได้ทำอะไรไปแล้ว มีมาตรการอะไรออกมาบ้างเพื่อช่วยประชาชน ไม่ใช่ว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรเลย จนเป็นที่พึงพอใจของประชาชนว่ารัฐเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจได้ผลดีกว่าหลายประเทศที่กำลังประสพปัญหายิ่งกว่าประเทศไทย
ส่วนที่บอกว่าความไม่พร้อมของการตรวจหาผู้ติดเชื้อ ที่ยังไม่เปิดให้คนไทยเข้าถึงการตรวจหาเชื้อได้ง่ายและฟรีนั้น ตนเองยืนยันยันว่าตามโรงพยาบาลรวมถึงในต่างจังหวัด ได้มีการตรวจหาเชื้อเชิงรุกมาโดยตลอด และตรวจฟรีสำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงก่อน ซึ่งการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อในแต่ละวันที่มีตัวเลขสูงนั้นก็มาจากการตรวจเชิงรุกทั้งนั้น
ขณะที่การบริหารจัดการวัคซีนนั้น นายกฯได้ย้ำอยู่ตลอดว่าต้องเป็นไปตามกระบวนการ และนายกฯได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาบริหารจัดการให้เข้าถึงประชาชนให้ได้มากที่สุด ให้ได้ตามแผนที่วางเอาไว้ ขณะเดียวกัน อย.ได้ขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ของจอนห์สันแอนด์จอห์สันแล้ว เป็นวัคซีนรายที่สามและวัคซีนที่มีคุณภาพที่อย.จะอนุญาตตามมาอีกหลายชนิด เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนครบทุกคนอย่างแน่นอน
“การที่นายเทพฤทธิ์บอกว่าโควิดรอบนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความไม่เชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของไทยนั้น นายเสกสกลมองว่า หากนายเทพฤทธิ์ไม่ชอบนายกฯ หรือรัฐบาล ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ควรออกมาพูดเช่นนี้เพราะนอกจากจะไม่ให้กำลังใจแล้ว ยังเป็นการทำร้ายจิตใจของบุคลากรทางการแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ทำงานมาอย่างหนักไม่ได้หยุดเลยในการช่วยเหลือประชาชน” นายเสกสกล กล่าว
นายเสกสกลยังระบุว่านายเทพฤทธิ์ อาจจะไม่เห็นการทำงานของนายกฯ รัฐบาล รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์และผู้ที่เกี่ยวข้อง จึงไม่เข้าใจอะไรเลย แต่ก็ไม่ควรออกมาพูดเช่นนี้ในขณะที่ทุกภาคส่วนรวมถึงประชาชนร่วมมือร่วมใจกันให้สถานการณ์ ระบาดคลี่คลายลง ไม่ใช่จ้องแต่จะใช้วาทะตีกินทางการเมืองไม่คำนึงผลเสียหายหรือเป็นบ่อนทำลายจิตใจคนปฏิบัติหน้าที่ ที่ทุ่มเททำงานหนัก พร้อมกันนี้ขอให้มองในส่วนดีของนายกฯและรัฐบาลบ้าง ซึ่งการระบาดที่ผ่านมานายกฯก็ทำได้ดี อย่าทำเป็นหูหนวก ตาบอดเลย อย่าคอยแต่จะจ้องโจมตี ทำลายความน่าเชื่อถือนายกฯ และรัฐบาล ในขณะที่ประเทศกำลังเกิดวิกฤติ ซึ่งหากยังทำเช่นนี้ในทางกลับกันนายเทพฤทธิ์ กับพรรคไทยสร้างไทย จะหมดความน่าเชื่อถือเอง ขอเตือนเป็นพรรคการเมืองใหม่ควรเอาเวลาไปทำประโยชน์ให้กับประชาชนจะดีกว่า ประชาชนจะได้ไว้วางใจให้มี ส.ส.ในสภาฯในการเลือกตั้งสมัยหน้าแต่ถ้ามีพฤติกรรมเช่นนี้ สมัยหน้าอาจจะไม่มี ส.ส.เข้าสภาแม้แต่คนเดียว
“เพิ่งตั้งพรรคใหม่ คุณหญิงสุดารัตน์อนุญาตให้ออกมาพูดหรือยัง ก่อนจะพูดช่วยเปิดหูเปิดตาศึกษาข้อมูลให้กระจ่างว่ารัฐบาลนำงบประมาณไปใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าให้ประชาชนอย่างไรบ้าง ก่อนที่จะอ้าปากใส่ความรัฐบาลให้เสียหาย อย่าคิดแค่สร้างกระแสตีกินให้พรรคใหม่มีชื่อในหน้าสื่อ พรรษายังอ่อนหัดทางการเมือง ไหนบอกพรรคเป็นความหวังใหม่ของคนไทย จะไปหวังอะไรได้ นี่ไม่น่าใช้ชื่อ พรรคไทยสร้างไทยหรอก เพราะไม่ช่วยคิดสร้างไทยเลยมีแต่จะทำลายไทย ตนจะขอเปลี่ยนชื่อไว้รอการเลือกตั้งใหญ่ที่จะถึงอีกปีเศษๆ ตั้งชื่อให้ใหม่ว่า พรรคไทยทำลายไทย จะดีกว่าไหม ถ้าคนในพรรคมีสมองมีความคิดได้เพียงแค่นี้ พรรคคงไปไม่รอดเป็นแน่ ฝากคุณหญิงสุดารัตน์เอาตัวนายเทพฤทธิ์ไปติวไปอบรมความคิดใหม่ๆที่สร้างสรรค์กว่านี้ด้วย ก่อนที่อนาคตพรรคจะตกต่ำไปยิ่งกว่านี้ ตนเตือนมาด้วยความหวังดีและห่วงใย” นายเสกสกล กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี