"ทวีศิลป์"กำชับเข้ม"สถานดูแลผู้สูงอายุ-สถานปฏิบัติธรรม" ยอมรับตัวเลขทะลุหลักพันมีผลกระทบแน่ เร่งจัดหาเตียงไอซียู ประเมินถ้าติดวันละ 1.5 พันคน มีพอถึง 3 สัปดาห์ สั่งกทม.-ศธ.เร่งหาทางออกด่วน ถกเปิดไอซียูภาคสนาม พร้อมให้เลขาฯสมช.ยกเครื่องสายด่วน หลังเจอปัญหาเยอะ
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 23 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงสถานการณ์ประจำวัน ตอนหนึ่งว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่าวันที่ 23 เม.ย.จะมีการประกาศเคอร์ฟิวในกทม. ยืนยันว่าไม่มีเด็ดขาดและไม่มีการประชุมใดๆ ที่หารือเรื่องนี้
อย่างไรก้ตาม ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ได้รับทราบถึงความเสี่ยงในกลุ่มก้อนของสถานดูแลผู้สูงอายุ โดยมีการยกตัวอย่างสถานดูแลผู้สูงอายุแห่งหนึ่งใน กทม. ที่พบว่ามีผู้ช่วยพยาบาลติดเชื้อจากสามีซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลเอกชน โดยผู้ช่วยพยาบาลรายดังกล่าวมีหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุ ทำให้มีผู้สูงอายุติดเชื้อ 2 ราย จึงได้ให้เจ้าของสถานดูแลผู้สูงอายุและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีกรณีการติดเชื้อในสถานปฏิบัติธรรมที่ จ.เชียงใหม่ จึงประสานสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและกระทรวงวัฒนธรรม นำชุดข้อมูลนี้นำไปสู่การป้องกันรายอื่นๆ ที่มีกิจกรรมคล้ายกัน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในที่ประชุมอีโอซีของกระทรวงสาธารณสุขได้รับทราบถึงสถานการณ์ปัญหาทั้งหมด และมีการพยากรณ์เรื่องเตียง ที่มีความห่วงใยเรื่องเตียงไอซียูของ กทม. ที่เหลือ 262 เตียง จึงต้องใช้วิธีการเบ่งเตียงหรือวิธีการเพิ่มจำนวนเตียงขึ้นในพื้นที่เดิม ขณะที่ห้องแยกความดันลบ มีเตียงทั้งหมด 479 เตียง ใช้ไปแล้ว 410 เตียง ยังว่างอยู่ 69 เตียง ซึ่งที่ประชุมมีความห่วงใยและคิดไปข้างหน้าว่าถ้ามีอัตราติดเชื้อเพิ่มจะต้องทำอย่างไร โดยมีการประเมินว่าถ้าติดเชื้อ 1,500 รายต่อวัน ทั้งประเทศจะต้องใช้ 52 เตียงต่อวัน ขณะที่ในส่วนของ กทม. 10-13 เตียงต่อวัน ซึ่งใช้ได้ 6-8 วัน โดยทั้งประเทศขณะนี้เหลือประมาณพันเตียง ถ้าต้องใช้ 52 เตียงต่อวัน จะรับได้อีก 19 วัน หรือ 3 สัปดาห์ และถือเป็นภาวะเร่งด่วนของ กทม. กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามบูรณาการเตียงและบุคลากรทางการแพทย์
เมื่อถามว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ทะลุ 2 พันรายจะกระทบต่อระบบสาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ และเตียงหรือไม่ ศบค.มีแผนอย่างไร นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มีผลกระทบแน่นอน และยังไม่รู้ว่าจุดปลายทางจะเป็นอย่างไร แต่นี่เป็นการประเมินในภาวะร้ายแรงที่สุดว่าจะทำอย่างไร คือ นอกจากใช้วิธีเบ่งเตียงคือ เพิ่มจำนวนเตียงในสถานที่เดิมในบรรยากาศที่เหมาะสมแล้วอาจจะใช้หอผู้ป่วยเตียงรวมที่ไม่มีห้องแยก (cohort COVID-ICU) หรืออาจต้องมีไอซียูสนาม ซึ่งมีการพูดคุยกันอยู่ แต่มีความยุ่งยาก ต้องปรับปรุงสถานที่
เมื่อถามว่า มีระบบคัดกรองผู้ติดเชื้อมีปัญหาหรือไม่ เพราะผู้ป่วยหนักบางรายยังไม่ได้รับการรักษาและบางรายเสียชีวิตระหว่างรอ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ศบค.กราบขออภัยทุกสายที่รอ โดยที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ทางปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้อนุญาตให้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นผู้บูรณาการสายด่วนเพื่อนำไปสู่การจัดการตรงนี้ อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมรับทราบว่ามีสายเข้ามาจำนวนมาก แม้มีระบบแชทบอทขึ้นมาก็ยังไม่เพียงพอ จึงมีการปรับระบบ โดยขอผู้ที่โทรเข้ามาเป็นผู้ที่มีผลบวกจริงๆ เมื่อโทรไปแล้วให้ฝากเบอร์ ฝากข้อมูลสำคัญไว้ เราจะจัดชุดคู่สายขึ้นมา 1 ทีม 50 สาย ชุดแรกจะรับสายและเก็บข้อมูล และให้ชุดที่สองโทรกลับไป จากนั้นจะมีการแยกกลุ่มเป็นสีเขียว สีเหลือง สีแดง โดยเมื่อวันที่ 22 เม.ย.มีคนรออยู่ 1,423 ราย รับไปรักษาแล้ว 474 ราย และในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีคนรอเพิ่มขึ้นมาอีก 264 ราย
อย่างไรก็ตาม ตามที่มีข่าวว่ามีคนรอ 7 วัน 14 วัน ทำให้ไม่สบายใจเป็นอย่างมาก รวมถึงที่มีการแชร์ภาพสายด่วนสุขภาพทำไมนั่งโต๊ะเอกสาร ตนอยากชี้แจงว่าการทำงานมีหลายมุม แต่บางมุมที่ออกไปก็บั่นทอนกำลังใจคนทำงาน ในยามนี้เราต้องให้กำลังใจกัน โดยเราจะขยับมาตรการขึ้นเพื่อให้ตอบสนองตามสถานการณ์ ถึงแม้จะมีจำนวนเพิ่มกว่านี้เราก็จะทำให้เต็มที่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี