ศบค.ยกระดับคุมโควิด ปรับระดับพื้นที่ 6 จังหวัดเป็น “สีแดงเข้ม” ห้ามรับประทานอาหารในร้าน งดข้ามจังหวัด ขอ “เวิร์คฟอร์มโฮม” 100% เริ่มบังคับใช้ 1 พ.ค. ยันไม่ใช่เคอร์ฟิว สั่งหน่วยงานปรับแนวทางลงโทษคนไม่ใส่หน้ากาก ระบุ 14 วันนี้หากตัวเลขดี อาจลุ้นผ่อนคลาย
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 29 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ครั้งที่ 6/2564 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. เป็นประธาน (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ด่วน!!!เช็กที่นี่ ศบค.ขยับ 6 จว.ขึ้นโซน‘แดงเข้ม’ เปิดมาตรการคุมโควิด‘ทุกโซน’) ว่า ที่ประชุม ศบค.เห็นชอบการปรับระดับพื้นที่ของสถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ประกอบด้วย
1.พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือสีแดงเข้ม 6 จังหวัด ได้แก่ กทม. ชลบุรี เชียงใหม่ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ
2.พื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือสีแดง จากเดิม 18 จังหวัด เป็น 45 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชัยภูมิ เชียงราย ตาก ตรัง นครปฐม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ นราธิวาส น่าน ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก เพชรบุรี เพชรบูรณ์ ภูเก็ต มหาสารคาม ยะลา ร้อยเอ็ด ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี ลำปาง ลำพูน ศรีสะเกษ สระแก้ว สงขลา สมุทรสาคร สระบุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี อ่างทอง อุดรธานี อุบลราชธานี
3.พื้นที่ควบคุม หรือสีส้ม จากเดิม 59 จังหวัด เป็น 26 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ กาฬสินธุ์ ชัยนาท ชุมพร ตราด นครนายก นครพนม หนองคาย บึงกาฬ บุรีรัมย์ พังงา พะเยา แพร่ มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร เลย สกลนคร สตูล สมุทรสงคราม สิงห์บุรี สุรินทร์ หนองบัวลำภู อุตรดิตถ์ อุทัยธานี อำนาจเจริญ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับการยกระดับมาตรการตามระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรนั้น ได้แก่
+ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า เมื่อออกนอกเคหะสถานหรืออยู่ในที่สาธารณะ ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 20 คน งดรับประทานอาหารในร้าน โดยให้ซื้อกลับบ้านได้ไม่เกิน 21.00 น. ร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่ง เปิดบริการ 04.00 - 23.00 น. ปิดสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ส่วนศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เปิดบริการตามปกติไม่เกิน 21.00 น. โดยจำกัดจำนวนคน งดกิจกรรมส่งเสริมการขาย
ขณะที่สถานศึกษาทุกระดับและสถาบันกวดวิชา ห้ามใช้อาคาร สถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอน กิจกรรมการที่มีการรวมคนจำนวนมาก ปิดสถานที่เสี่ยงหรือสถานที่ที่มีกิจกรรมเสี่ยง ยกเว้นสถานที่เล่นกีฬากลางแจ้งเปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. แข่งขันโดยไม่มีผู้ชม
“นอกจากนี้ ให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดงดการเดินทางออกนอกพื้นที่โดยไม่มีเหตุจำเป็น เพื่อลดการเดินทางที่อาจเสี่ยงต่อการติดโรค ถ้ามีสาเหตุจำเป็นสามารถขออนุญาตเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่ตั้งด่านอยู่ได้ ยืนยันว่าไม่ใช่เคอร์ฟิว แต่เป็นการขอความร่วมมือ”
+ พื้นที่ควบคุมสูงสุด ให้สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า เมื่อออกนอกเคหะสถานหรืออยู่ในที่สาธารณะ ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 50 คน บริโภคในร้านอาหารได้ไม่เกิน 21.00 น. สั่งกลับบ้านไม่เกิน 23.00 น. แต่งดจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน ส่วนร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่ง เปิดบริการได้ตามปกติ แต่ไม่เกิน 23.00 น.โดยสถานที่ที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมงให้เริ่มเปิดดำเนินการได้ตอน 04.00 น. ปิดสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ส่วนศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เปิดบริการตามปกติไม่เกิน 21.00 น. โดยจำกัดจำนวนคน งดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ขณะที่สถานศึกษาทุกระดับและสถาบันกวดวิชา ห้ามใช้อาคาร สถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอน กิจกรรมการที่มีการรวมคนจำนวนมาก ในส่วนของสถานที่ออกกำลังกาย ยิม ฟิตเนส เปิดให้บริการได้ไม่เกิน 21.00 น. สามารถจัดแข่งขันกีฬาได้โดยจำกัดผู้ชม สำหรับการตั้งจุดสกัดหรือจุดคัดกรอง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการเท่าที่จำเป็นและต้องไม่เป็นการก่อความเดือดร้อนแก่ประชาชนเกินกว่าเหตุ
+ พื้นที่ควบคุม ให้สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า เมื่อออกนอกเคหะสถานหรืออยู่ในที่สาธารณะ ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 50 คน บริโภคในร้านอาหารได้ไม่เกิน 23.00 น. แต่งดจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน ส่วนร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่ง เปิดบริการตามปกติตามมาตรการที่กำหนด ปิดสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ส่วนศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เปิดบริการตามปกติไม่เกิน 21.00 น. โดยจำกัดจำนวนคนและงดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ขณะที่สถานศึกษาทุกระดับและสถาบันกวดวิชา ห้ามใช้อาคาร สถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอน กิจกรรมการที่มีการรวมคนจำนวนมาก สถานที่เล่นกีฬาเปิดปกติแข่งขันได้โดยจำกัดผู้ชม/ผู้เล่น
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการควบคุมและบูรณาการทุกพื้นที่คือ การสวมกากอนามัยและหน้ากากผ้าที่ก่อนหน้านี้เคยมีปัญหาเรื่องบทลงโทษสำหรับผู้ที่ไม่ยอมให้ปรับ และอ้างว่าต้องให้ศาลเป็นผู้ปรับนั้น กรมควบคุมโรคได้เสนอคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติเพื่อออกระเบียบเปรียบเทียบปรับ โดยมาตรการต่างๆ จะให้กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม คณะกรรมการกฤษฎีกา กระทรวงมหาดไทย และกทม.ดำเนินการออกระเบียบคาดว่า ภายใน 1 สัปดาห์น่าจะได้ข้อกำหนดแนวทางใหม่ขึ้นมา ระหว่างนี้ให้ดำเนินการตามมาตรการที่เหมาะสมไปก่อน
อย่างไรก็ตาม ก่อนเปรียบเทียบปรับ อาจให้มีมาตรการอื่น เช่น ตักเตือน หรือให้บำเพ็ญสาธารณะประโยชน์แก่สังคม นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนงดกิจกรรมทางสังคมในลักษณะที่เป็นงานสังสรรค์ รื่นเริง ในช่วงนี้ก่อน ยกเว้นกิจกรรมตามประเพณีนิยม เช่น งานศพ หรือกิจกรรมในครอบครัว โดยต้องมีมาตรการป้องกันที่เพียงพอ สำหรับการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง ให้หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ เจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการภาคเอกชน พิจารณาดำเนินการขั้นสูงสุดอย่างน้อย 14 วัน เพื่อลดการเดินทาง ขอความร่วมมือทำให้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเราไม่ได้ล็อคดาวน์ ถ้าทำไม่ได้ให้ลดหลั่นลงมา ทั้งนี้ ข้อกำหนดเหล่านี้จะประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มาตรการต่างๆ ที่พยายามทำกันขึ้นมาโดยหลักการไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้เกิดความลำบากในชีวิตของท่าน แต่อย่างน้อยต้องขอให้ลดการเดินทาง ลดการพบปะ และให้ทำงานที่บ้านกันให้มาก เพราะการติดต่อเกิดจากคนต่อคนเพราะฉะนั้นหากรถการติดต่อก็จะลดการระบาดจึงขอแรงพี่น้องประชาชนทุกท่านทำความเข้าใจให้ปฏิบัติและทำตามเรื่องที่เราได้ช่วยกันคิดช่วยกันทำขึ้นมา 14 วันนี้หากตัวเลขลดลงการผ่อนคลายก็จะเกิดขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี