สนองนโยบาย ศบค.! "สภาผู้แทนฯ"ปรับมาตรการเข้มป้องโควิด ห้ามนั่งกินข้าวร่วมกันในโรงอาหาร-ลดรวมกลุ่ม ขณะที่"วุฒิสภา"ให้ ขรก.เวิร์คฟอร์มโฮมเต็มรูปแบบ 1 - 14 พ.ค.
เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ปรับเพิ่มมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ภายในอาคารรัฐสภา บริเวณโรงอาหารเพิ่มเติม ภายหลังจากที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.มีมติออกข้อกำหนดให้ 6 จังหวัด รวมถึง กทม.เป็นพื้นที่สีแดงเข้มควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามนั่งรับประทานอาหารที่ร้านนั้น ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนั้น ภายในโรงอาหารของรัฐสภาก็ได้ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนด โดยเจ้าหน้าที่ได้เก็บโต๊ะและเก้าอี้ที่เดิมจัดไว้บริการให้ผู้ที่เข้ามารับประทานอาหารได้นั่งรับประทานอาหารออกนอกพื้นที่ แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะมีมาตรการเว้นระยะห่างแล้วก็ตาม ทำให้ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่รัฐสภาจะต้องซื้ออาหารใส่ถุงนำกลับไปรับประทานที่ห้องทำงาน หรือในพื้นที่ส่วนตัวของตนเอง เพื่อลดการรวมกลุ่มระหว่างการรับประทานอาหาร
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทางรัฐสภาได้ดำเนินการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด อาทิ การจัดจุดสแกนวัดอุณหภูมิร่างกายบริเวณทางเข้า ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย ตลอดระยะเวลาที่อยู่ภายในรัฐสภา 100% การใช้ลิฟท์โดยสาร จำกัดครั้งละไม่เกิน 6 คน การจัดจุดบริการแอลกอฮอล์ในพื้นที่ต่างๆ การทำความสะอาดและพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อห้องประชุมใหญ่ ห้องประชุมกรรมาธิการ ห้องแถลงข่าว รวมถึงห้องสื่อมวลชน
สำหรับการประชุมกรรมาธิการชุดต่างๆ ของสภาผู้แทนราษฎร ได้แจ้งงดการประชุมหลายคณะ เพื่อให้ความร่วมมือต่อการลดการแพร่ระบาดโควิด-19 และลดการรวมตัวของคนจำนวนมากเกินกว่า 20 คน ส่วนกรรมาธิการของวุฒิสภา ได้สั่งงดการประชุมทั้งหมดออกไปก่อน
ทั้งนี้ ในส่วนของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรยังมีมาตรการเวิร์ค ฟอร์ม โฮม เพื่อลดปริมาณการรวมตัวของข้าราชการและเจ้าหน้าที่เข้ามาทำงานในอาคารรัฐสภาให้เหลือร้อยละ 30 และทำงานที่บ้านร้อยละ 70 เป็นต้น ส่วนสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้ประกาศให้ข้าราชการปฏิบัติงานจากที่บ้านทั้งหมด จนถึงวันที่ 31 พ.ค.นี้
ขณะเดียวกัน นายนัท ผาสุข เลขาธิการวุฒิสภาสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้ออกประกาศ เรื่อง แนวทางการให้ข้าราชการและบุคลากรของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติงานภายในที่พักอาศัยเต็มรูปแบบ กรณีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ยังคงแพร่ระบาดอย่างกว้างขวางในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ และแนวโน้มที่จะมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติราชการของข้าราชการและบุคลากรของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาโดยส่วนรวม
ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยเฉพาะในสถานที่ราชการของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เลขาธิการวุฒิสภา จึงเห็นควรขยายระยะเวลา ให้ข้าราชการรัฐสภาสามัญและบุคลากรในสังกัดสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติงาน ณ ที่พักอาศัย(Work from Home : WFH) อย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. - 14 พ.ค.2564 ทั้งนี้ ยกเว้น ข้าราชการรัฐสภาสามัญตำแหน่งผู้บริหาร อันประกอบด้วย เลขาธิการวุฒิสภา รองเลขาธิการวุฒิสภา ที่ปรึกษา ผู้อำนวยการสำนัก และผู้บังคับบัญชากลุ่มงาน รวมถึงข้าราชการรัฐสภาสามัญและบุคลากรที่มีราชการจำเป็นเรงด่วนที่จะต้องปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบ ให้มาปฏิบัติ ราชการ ณ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ตามปกติ
ทั้งนี้ สำหรับวิธีการมอบหมายการปฏิบัติราชการ รูปแบบวัน เวลาการปฏิบัติราชการ และสถานที่ปฏิบัติงานภายในที่พักอาศัย แนวทางการมอบหมายงานและกำกับติดตามงานสำหรับผู้ปฏิบัติงาน ภายในที่พักอาศัย (Work from Home : WFH) รวมทั้งมาตรการทางวินัย และการปฏิบัติตนในเรื่องอื่นๆ ให้เป็นไปตามประกาศสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เรื่อง แนวทางการให้ข้าราชการและบุคลากรของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาปฏิบัติงานภายในที่พักอาศัย กรณีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2564 ที่ผ่านมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี