11 พ.ค.64 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊กแสดงความคิดเห็น ในหัวข้อ"อย่าปล่อยให้ #นักร้อง ครองเมือง" (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ด่วนโดนยกก๊วน! ตร.พญาไทส่งสำนวนเห็นควรสั่งฟ้อง'ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ'คดีม.116)
โดยนายปิยบุตร ระบุว่า วันนี้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พรรณิการ์ วานิช และผม เดินทางไปสำนักงานอัยการ รัชดา เนื่องจากพนักงานสอบสวน สน.พญาไทมีความเห็นสั่งฟ้องพวกเราในความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 116 และนำตัวพวกเราส่งพนักงานอัยการ กรณีนี้ สืบเนื่องจากเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2563 นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ ที่สังคมรู้จักกันในชื่อ #พุทธอิสระ ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนว่า พวกเราสามคนกระทำการอันเป็นความผิดฐานยุยง ปลุกปั่น ตาม ป.อาญา มาตรา 116 ต่อมาพนักงานสอบสวนออกหมายเรียก และเราไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563
ในวันนั้น พนักงานสอบสวนได้นำบันทึกคำร้องทุกข์กล่าวโทษของนายสุวิทย์ให้เราดู และได้ทำบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาในคดีอาญาที่ 1702/2563 ให้เราลงนามรับทราบ ผมจึงได้ทราบว่านายสุวิทย์ ร้องทุกข์กล่าวโทษเราเรื่องอะไร
นายสุวิทย์ กล่าวโทษว่า พวกเราทั้งสามคนนั้นจัดรายการเสวนา โพสต์เฟสบุ๊ค ปรากฏตัวในที่ชุมนุม มีเจตนาชักชวนคนให้มาชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ วิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์โดยให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อสถานะของพระมหากษัตริย์ให้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญเท่ากับเป็นการลดความสำคัญของพระมหากษัตริย์ เป็นปฏิปักษ์หรืออาจเป็นการล้มล้างการปกครอง ก่อให้เกิดความแตกแยกหรือเกลียดชังในสังคม จนเป็นเหตุให้ผู้ชุมนุมได้ชุมนุมอย่างไม่สงบ ใช้กำลัง ประดิษฐ์ถ้อยคำมาจาบจ้วง ด่าทอ ล่วงละเมิด ไม่ว่าจะเป็นถ้อยคำพูด แผ่นป้าย รวมทั้งพฤติกรรมต่างๆ เช่น รวมตัวขัดขวางและประทุษร้ายพระราชินีในกรณีขบวนเสด็จเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563 การปราศรัยหน้าสถานทูตเยอรมนี การเดินแฟชั่นล้อเลียน รวมทั้งการทำร้ายตำรวจ สาดสี ทำลายด่านกั้นแบริเออร์ ทั้งหมดมีลักษณะแบ่งงานกันทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอนล้วนเป็นผลพวงจากการกระทำพวกเราทั้งสามคนที่ยุยง ปลุกปั่น
นายสุวิทย์ ยังได้แจกแจงโดยอ้างว่าพวกเรากระทำการต่างๆหลายประการที่เป็นความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 116
กรณีของธนาธร นายสุวิทย์อ้างการกระทำของธนาธร ได้แก่ การอภิปรายเกี่ยวกับ 2475 การยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560 การอภิปรายงบประมาณของสถาบันกษัตริย์ที่เพิ่มขึ้น การเสนอให้นำข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ 10 ข้อ มาพูดคุยกัน การอภิปรายงบประมาณส่วนราชการในพระองค์ การตั้งคำถามความไม่เหมาะสมของการสนับสนุนงบประมาณให้มูลนิธิปิดทองหลังพระ การเข้าร่วมชุมนุม การเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ชุมนม การอภิปรายกรณี #6ตุลา การชุมนุมแฟลชม็อบเมื่อ ธ.ค. 62 การก่อตั้งวารสารฟ้าเดียวกัน
กรณีของพรรณิการ์ นายสุวิทย์อ้างการกระทำ ดังนี้ การจัดรายการกับธนาธร และธนาธรอภิปรายเรื่องงบประมาณสถาบันกษัตริย์ การชุมนุม การถ่ายไลฟ์การชุมนุม
กรณีของผม นายสุวิทย์อ้างการกระทำ ดังนี้ ข้อเขียนหลายตอนในหนังสือ "ราชมัลลงทัณฑ์ บัลลังก์ปฏิรูป" บทความในวารสารฟ้าเดียวกัน การเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ การร่วมลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญกับกลุ่ม iLaw ข้อเสนอให้มีการพูดคุยเรื่องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ รายการสนามกฎหมาย กรณีประมุขของรัฐหนึ่งไปใช้อำนาจอธิปไตยในดินแดนอีกรัฐหนึ่ง การอภิปรายในงานเสวนาคณะนิติราษฎร์และงานต่างๆในช่วงปี 54 55 56 การบรรยายวิชา TU 101
นายสุวิทย์กล่าวหาว่า การกระทำทั้งหมดของเรานี้ คือ การยุยง ปลุกปั่น ให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนออกไปร่วมชุมนุม
วิญญูชนคนมีเหตุมีผล ไม่ว่าจะเรียนกฎหมายมาหรือไม่ก็ตาม ลองพิจารณาตามมโนธรรมสำนึกดู ก็คงเห็นได้ว่า การกระทำของพวกเราทั้งสามคนที่นายสุวิทย์กล่าวอ้าง (ซึ่งมีหลายตอนก็อ้างผิดๆ มั่วๆ ตัดแปะไปมา) นั้นไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐาน "ยุยง ปลุกปั่น" ตามมาตรา 116 แน่นอน
วิญญูชนคนมีเหตุมีผล ไม่ว่าจะเรียนกฎหมายมาหรือไม่ก็ตาม คงเห็นได้ว่า นี่คือ การหยิบเอาการกระทำต่างๆ บางเรื่องก็เกือบ 10 ปีก่อน บางเรื่องก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการชุมนุม เอามาโยงใย เชื่อมต่อ ราวกับแต่งนิยาย แล้วก็ควานหาข้อหาหนักๆ แรงๆ อย่าง 116 มาใช้แจ้งข้อหา
สำหรับคนที่เรียนนิติศาสตร์มา ผ่านการเรียนวิชากฎหมายอาญา และกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ก็คงวินิจฉัยได้ว่า กรณีนี้ไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 116 ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำและผลตามหลัก Causation
การร้องทุกข์กล่าวโทษของนายสุวิทย์ที่เสมือนกับเอกสารใบปลิวแบบนี้ พนักงานสอบสวนไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องสั่งฟ้อง แต่พนักงานสอบสวนเห็นควรสั่งฟ้อง
พนักงานสอบสวนเรียนกฎหมาย จบนิติศาสตรบัณฑิต ย่อมเคยเรียนกฎหมายอาญา และกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ลองเอาข้อเท็จจริงกรณีนี้ไปปรับเป็นข้อสอบวิชากฎหมายอาญา วิชากฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในชั้นปี 2 ปี 3 และให้พนักงานสอบสวนจินตนาการย้อนเวลากลับไปสมัยตนเองเป็นนักศึกษาต้องตอบข้อสอบนี้ เชื่อได้ว่า พวกเขาก็จะตอบว่า ไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 116 ต้องสั่งไม่ฟ้อง
แต่คนเหล่านี้ เมื่อเรียนจบ เข้ารับราชการเป็นพนักงานสอบสวน กลับลืมสิ่งที่ตนเองเคยเรียน เคยสอบมาทั้งหมด ใครร้องทุกข์กล่าวโทษมั่วๆมา ก็ทำสำนวนสั่งฟ้องไปหมด เอาเข้าจริง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพนักงานสอบสวนทั่วประเทศ ควรทำสถิติออกมาว่า "คดีเกี่ยวกับการแสดงออกทางการเมือง" ที่ถูกกล่าวหาว่าผิด 116 ที่พนักงานสอบสวนสั่งฟ้องไปนั้น เมื่อไปถึงชั้นพนักงานอัยการ สั่งไม่ฟ้องกี่คดี เมื่อไปถึงศาล ศาลยกฟ้องกี่คดี
พนักงานสอบสวน ไม่ใช่ "บุรุษไปรษณีย์" ที่ต้องนำ "เอกสารใบปลิว" ของนักร้องเรียน ไปส่งอัยการ
พนักงานสอบสวน ไม่ใช่ "หุ่นยนต์" ที่ถูกตั้งโปรแกรมให้สั่งฟ้องไปก่อน ปัดเรื่องให้พ้นตัวไปก่อน
แต่พนักงานสอบสวน เป็นเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจใช้และตีความกฎหมาย มีดุลพินิจในการสั่งไม่ฟ้องได้ตาม ป.วิ.อาญา
หากพนักงานสอบสวนคิดแต่ว่า "สั่งฟ้อง" ไว้ก่อน แล้วตนเองจะได้รอด ถือว่าทำเรื่องจบไปแล้ว ก็ทำให้มีคดีไปรกโรงรกศาล มีคดีไปกองที่อัยการเต็มไปหมด นอกจากทำให้เจ้าหน้าที่เสียเวลาการทำคดีอื่นๆ ยังเปิดทางให้ "นักร้อง" ใช้ "กฎหมาย" เป็นเครื่องมือปั่นป่วนคนอื่นได้อีกด้วย
เราต้องการให้ สังคมไทยมี "นักร้อง" เต็มบ้านเต็มเมือง วันๆ ไม่ทำอะไร ตื่นเช้ามา เที่ยวร้องเที่ยวฟ้องคนอื่นไปเรื่อย วันๆ ไม่ทำอะไรรับจ้าง รับงานคนมาฟ้องคดีแกล้งคนอื่นไปเรื่อย อย่างนั้นหรือ?
การหยุด "นักร้อง" ด้วยการ "ฟ้องกลับ" ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ตรงข้าม มันทำให้เกิด "นิติสงคราม" ฟ้องกันไปมา เสียเวลาทำมาหากิน เสียเวลาเจ้าหน้าที่ ส่งเสริมให้สังคมมีแต่ศรีธนญชัย เล่นแร่แปรธาตุ เอากฎหมายมากำจัดฝ่ายตรงข้าม วิธีการหยุด "นักร้อง" เหล่านี้ ง่ายๆ คือ พนักงานสอบสวนต้องสั่งไม่ฟ้อง สร้างบรรทัดฐานให้เห็นว่า การร้องทุกข์กล่าวโทษที่ไร้สาระนั้นไม่เกิดประโยชน์ พนักงานสอบสวนยุติเรื่องด้วยตนเอง แต่ส่วนใหญ่ พนักงานสอบสวนเลือกที่จะไม่ทำ แล้วกล่อมประสาทตนเองว่า "ผมทำตามหน้าที่ ถ้าผมไม่ทำ ผมโดน 157" โดยตนเองก็หลงลืมไปว่า หน้าที่ที่ต้องทำต้องเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย ก็ถ้าไม่เข้าองค์ประกอบความผิด ก็ต้องหยุดเรื่อง ต้องสั่งไม่ฟ้อง ตามอำนาจดุลพินิจที่ตนเองมีตาม ป.วิ.อาญา
ได้เวลาแล้วครับ พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ ผู้พิพากษาทั้งหลาย ใช้กฎหมายให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ ใช้กฎหมายให้เป็นไปตามหลักการที่เราเคยรำเรียนกันมาสมัยเรียนคณะนิติศาสตร์ ถ้าคิดไม่ออก ก็ลองหลับตา คิดย้อนกลบไปสมัยเราเรียน แล้วลองเอาเรื่องพวกนี้เป็นข้อสอบ เราจะตอบอย่างไรให้ถูกต้อง สอบผ่าน ได้คะแนนดี
ช่วยกันใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม ร่วมกันหยุด "นักร้อง" ที่คอยปั่นป่วนสังคมและผู้อื่น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี