ประกาศเดินหน้าจัดม็อบต่อ
‘กวิ้น’ยังเหิม
อ้างไม่ผิดเงื่อนไขศาล
แรมโบ้อัดไร้จิตสำนึก
‘รุ้ง’ติดเชื้อโควิดแล้ว
“เพนกวิน” อ้างเฉยไม่ผิดเงื่อนไขศาลหลังได้ประกันตัวประกาศจัดเดินหน้าจัดม็อบ เรียกร้องสารพัดเรื่อง “แรมโบ้อีสาน”อัดไร้จิตสำนึก ขณะที่“รุ้ง-ปนัสยา”ติดเชื้อโควิด หลังออกจากคุกโพสต์ขอโทษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ แกนนำกลุ่มราษฎร ผู้ต้องหาคดี ม.112 โดยมีเงื่อนไขว่าต้องไม่สร้างความเสื่อมเสียให้กับสถาบันและไม่เข้าร่วมในการชุมนุมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวินได้โพสต์ข้อความเป็นครั้งแรกลงในไลน์กลุ่ม สื่อมวลชนนักศึกษาและกิจกรรม หัวข้อ’สารแรกแห่งอิสรภาพ’ ว่า การคุมขังผม 93 วัน และการอดอาหารประท้วงความอยุติธรรมเป็นเวลา 57 วันของผมสิ้นสุดลงแล้ว โดยที่ศาลได้คืนสิทธิประกันตัวให้ผมและพี่แอมมี่แล้ว แม้จะเป็นการประกันตัวโดยที่ศาลกำหนดเงื่อนไขมาบางประการ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นเงื่อนไขที่ตั้งขึ้นเพื่อสกัดกั้นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ผมจะถือว่าการที่ศาลเอาเรื่องทางการเมืองมาตั้งเงื่อนไขนี้เป็นเรื่องที่ศาลจะต้องพิจารณาตัวเองว่าดำรงตนในความยุติธรรมหรือไม่อย่างไรก็ดี นี่คือการวางบรรทัดฐานว่าคดีมาตรา 112 ก็มีสิทธิได้รับการประกันตัว จากเดิมที่ในอดีตนั้นแทบไม่มีการได้ประกันตัวเลย และผมเชื่อว่ากฎหมายป่าเถื่อนมาตรานี้จะถูกยกเลิกไปในไม่ช้า
ในส่วนของเงื่อนไขนั้น ผมเห็นว่าไม่ได้ขัดข้องอะไรต่อการเคลื่อนไหว เพราะเงื่อนไขข้อที่ว่าห้ามมิให้สร้างความเสื่อมเสียต่อสถาบันกษัตริย์นั้น ผมก็ไม่เห็นว่าผมจะสร้างความเสื่อมเสียอะไรให้สถาบันกษัตริย์ เพราะผมไม่คิดว่าสถาบันกษัตริย์จะเสื่อมเสียลงเพียงเพราะการที่ประชาชนพูดความจริง เช่นเดียวกับเรื่องการเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 ทวงคืนทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (เช่น หุ้น SCB) ยกเลิกกองกำลังส่วนพระองค์ เหล่านี้ผมไม่เห็นว่าจะสร้างความเสื่อมเสียให้สถาบันกษัตริย์ได้อย่างไร หากจะมองว่าการเรียกร้องให้กษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญนั้นเป็นเรื่องเสื่อมเสีย ก็คงจะต้องถามกันต่อว่าประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์เป็นประมุข หรือปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์กันแน่ ดังนั้นแล้ว สำหรับผม การต่อสู้เพื่อปฏิรูปสถาบันกษัตริย์จะดำเนินต่อไป
สำหรับเงื่อนไขเรื่องห้ามเข้าร่วมการชุมนุมที่ก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองนั้น ผมยืนยันว่าตลอดการต่อสู้ที่ผ่านมา ผมยึดมั่นในหลักการไม่ใช้ความรุนแรง การชุมนุมที่ผมเข้าร่วม หรือได้มีส่วนร่วมจัดนั้นล้วนแต่เป็นการชุมนุมโดยสงบ สันติ และปราศจากอาวุธทั้งสิ้น เท่าที่เห็นก็มีแต่จะไม่สงบบ้าง เพราะถูกเจ้าหน้าที่ ผู้ชุมนุมฝ่ายรัฐ และผู้ไม่ประสงค์ดีมาใช้กำลังเพียงเท่านั้น ดังนั้น ผมจึงเห็นว่าเงื่อนไขข้อนี้จะไม่เป็นอุปสรรคในการต่อสู้ของผมเช่นกัน และผมพร้อมที่จะเข้าร่วมทุกกิจกรรมหลังจากที่วิกฤติการณ์โรคระบาดระลอกนี้(ซึ่งเกิดจากความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล)ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจะยังดำเนินต่อไปด้วยความเข้มข้นและเข้มแข็ง การต่อสู้ของเราดำเนินอยู่บนสัจธรรมความจริง เพราะไม่มีพลังใดจะยิ่งใหญ่เท่าพลังแห่งความจริง และความจริงย่อมเป็นสิ่งนิรันดร์ประดุจดวงดาว เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่มุมใดของฟ้า ดวงดาวก็จรัสแสง เช่นเดียวกับความจริง ไม่ว่าจะอยู่ในกรงขัง ในเครื่องทรมาน หรือที่หลักประหาร ความจริงก็ยังคงเป็นความจริงที่ทรงพลังและไม่มีวันตาย
ก้าวต่อไปเฉพาะหน้า เราจะต้องช่วยกันปลดปล่อยผู้พูดความจริงอีกหลายคนที่ยังถูกจองจำอย่างไม่เป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นทนายอานนท์ พี่ไมค์ ระยอง แฟรงค์ ณัฐชนน และอีกหลาย ๆ ท่าน เราผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลายยังจะต้องต่อสู้เพื่อพิสูจน์ให้เห็นอย่างสมบูรณ์ว่าการพูดความจริงไม่ผิด และความเท็จไม่อาจคุมขังปิดบังความจริงได้ตลอดไป
ผมยังคงเป็นผม และยังคงศรัทธาในความจริงที่ว่าไม่มีใครหมุนเข็มนาฬิกากลับได้ และสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงซึ่งกำลังพัดโบกจะพาเราไปสู่อีกด้านหนึ่งของขอบฟ้าในไม่ช้านี้
ส่วนในระหว่างนี้ ตัวผมขอพักฟื้นร่างกายและหาอะไรกินก่อนจะเดินไปกับพี่น้องทุกท่านอีกครั้ง ผมยังคงเป็นคนเดิม สู้เพื่ออุดมการณ์ดังเดิม และจะมุ่งมั่นต่อการต่อสู้มากกว่าเดิมครับ
ผู้สื่อข่าวรายงานในประเด็นการโพสต์ข้อความของเพนกวิ้น นั้นทาง นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ กล่าวว่า ทีแรกก็มองเจตนาดีว่า นายเพนกวิน จะกลับตัวกลับใจ หลังจากติดคุกติดตะรางมา 91 วันก็คงจะสำนึกผิดที่ได้ก้าวล่วงสถาบัน
“แต่พอผมเห็นข่าวและภาพนายเพนกวินชูสามนิ้วกับแม่ และสวมเสื้อ ยกเลิกม.112 และมีข้อความปฏิรูปสถาบันกษัตริย์เท่านั้นแหละตนและประชาชนส่วนใหญ่ที่ปกป้องสถาบันฯจึงมีความรู้สึกตรงกันว่า ทำไมนายเพนกวิน จึงยังไม่มีจิตสำนึก ที่ศาลท่านเมตตาปล่อยออกมา ราชทัณฑ์เขาก็ไม่อยากขังเพราะกลัวจะไปตายคาเรือนจำเพราะไปอดข้าวประท้วง แต่นายเพนกวินออกมาไม่ถึง24ชั่วโมงก็แสดงสันดานแบบเดิมคือ ก้าวล่วงสถาบันเหมือนเดิม ทั้งๆที่ได้ยืนยันต่อศาลแล้ว แบบนี้เป็นการโกหกหลอกลวงศาลและต้มคนทั้งประเทศกันชัดๆ”นายเสกสกล ย้ำ
นายเสกสกลกล่าวอีกว่าอยากให้หน่วยงานความมั่นคงจับตาให้ดีๆเพราะคนเหล่านี้คงจะมีท่อน้ำเลี้ยง เพราะเงินทองไม่ขาดมือ พอออกมากันหมดจะมาก่อการใหญ่สร้างความรุนแรงขึ้นมาอีก เพราะมี”นายทุน”ใหญ่เป็นแบล็คคอยหนุนหลังเพื่อต้องการที่จะล้มล้างสถาบัน จาบจ้วงก้าวล่วง อยู่ตลอดเวลา
“ผมคิดว่าคนพวกนี้หนักแผ่นดิน อยู่ไปก็ทำลายความสุขและบรรยากาศที่ดีของประเทศไทย ทำไมไม่ย้ายประเทศไปให้หมดๆเสียที บ้านเมืองจะได้สูงขึ้น นี่ขนาดนายเพนกวินยังโกหกใครต่อใครอีก มิหนำซ้ำคนเป็นแม่ ยังพลอยส่งเสริมลูก ทำไมไม่เคยคิดห้ามปรามลูกบ้าง แล้วตอนที่ขอกับศาลว่าอย่างไร วันนี้ทำไมลืมหมดแล้ว คงอีกไม่นานถ้าถูกถอนประกันอีกอย่ามาโทษว่ากฎหมายหรือกระบวนการศาลไม่เป็นธรรมก็แล้วกัน”นายเสกสกล กล่าว
วันเดียวกัน น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำกลุ่มราษฎร ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “สวัสดีค่ะทุกคน มีเรื่องจะแจ้งให้ทุกคนทราบนะคะว่าหลังจากที่ออกจากทัณฑสถานหญิงกลาง เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ที่ผ่านมา หนูเพิ่งได้รับทราบผลตรวจโควิด และพบว่า หนูติดเชื้อค่ะ กำลังเข้ารับการรักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์ทันที
พร้อมกันนี้ น.ส.ปนัสยายังได้แจ้งtimeline และกล่าวขอโทษต่อทุกคน และขณะนี้ทราบว่าพ่อกับแม่ของรุ้ง รวมถึงทีมทนายความ กำลังเดินทางไปตรวจโควิดกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี