อีกแล้ว! "อันวาร์"จี้"ปชป."ต้องถอนตัวร่วมรัฐบาล พร้อมสวน"จุรินทร์"ใครเตือนใครกันแน่ ยก 2 กรณีตอกทำผิดมติพรรค เหตุแห่งความเสื่อม พ่วงวลีพรรคหลักรัฐบาลขู่ "อยู่ด้วยกันต้องฟังกัน" ชี้ถูกหลอกร่วมรัฐบาล ทั้งที่ทำผิดเงื่อนไข 2 ใน 3 จี้เร่งทบทวนท่าที ก่อนถูกประชาชนสั่งสอนในการเลือกตั้งครั้งหน้า
เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ตนได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้ มีสาระสรุปได้ว่า ที่หัวหน้าพรรคระบุว่า เคยเตือนตนในหลานเรื่องและไม่คิดจะคุยด้วยแล้วนั้น ตนจึงขอชี้แจงให้สังคมทราบว่า ตนเคยเตือนผู้บริหารพรรคเรื่องอะไรบ้าง 1.พรรคเคยมีมติส่งชื่อ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.ให้เป็นกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบการทุจริตในการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ แต่สุดท้ายกลับไม่ได้ส่งชื่อ ทั้งที่มีมติที่ประชุม ส.ส.พรรค และไม่มีการแก้มติพรรค
2.พรรคเคยมีมติให้เสนอตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการใช้อํานาจตามมาตรา 44 ของนายกฯ เพราะเป็นเรื่องการใช้อํานาจของคนๆเดียว เรื่องนี้เข้าสภาฯ และสภาฯเห็นชอบ แต่ภายหลังประธานวิปของพรรคแจ้งว่า ให้กลับมติพรรคตามคําสั่งของแกนนํารัฐบาลโดยเหตุผลว่า "อยู่ด้วยกันก็ต้องฟังกัน" ตนและเพื่อน ส.ส.พรรคบางส่วนไม่เห็นด้วย จึงโหวตสวนในสภาฯ ดังนั้น การอ้างมติพรรค ควรอ้างด้วยความเคารพ ไม่ใช่อ้างพร่ำเพรื่อ สังคมจะมองว่า เป็นการอ้างเพื่อประโยชน์ส่วนตัว
"ผมเป็น ส.ส.เขต ต้องพบปะพี่น้องประชาชนต่างถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ จุดยืนและอุดมการณ์พรรคอยู่ที่ไหน หรือเดี๋ยวนี้พรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ผมจึงต้องเคลื่อนไหวเป็นครั้งแรกหลังเป็น ส.ส.มา 4 สมัย นานร่วม 20 ปี จากเดิมที่ผมนิ่งสงบรอฟังแต่คําสั่งของพรรค เพราะเมื่อประชาชนรู้สึกว่า พรรคเปลี่ยนไป ผมจึงจัดตั้ง "สภาประชาชนแดนใต้" เพื่อรับฟังและระดมความคิด และคอยเสนอให้พรรคพิจารณาว่า จะทําอย่างไรให้พรรคกลับมายืนเคียงข้างกับประชาชนได้อีก โดยข้อเท็จจริงแล้ว ผมต่างหากเป็นคนเตือนหัวหน้าพรรคว่า การกลับมติพรรค และทําตามคําสั่งของรัฐบาล โดยไม่ยึดหลักการ ทําสิ่งถูกให้เป็นถูก ผิดให้เป็นผิด แต่ไปยึดหลักว่า "อยู่ด้วยกันก็ต้องฟังกัน" นั้น จะสร้างปัญหากับประชาชน ทุกครั้งที่เตือนผู้บริหารพรรค จะมีลูกหาบบางคนออกมารับแทน ผมแค่เตือนให้รักษาคํามั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ผมเข้าใจว่า โลกเปลี่ยนคนเปลี่ยน แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรเปลี่ยนโดยเฉพาะสัญญาประชาคม ที่เคยให้ไว้กับประชาชนผู้มีพระคุณต่อพรรค ไม่ว่าเราจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน เราต้องทําตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ไม่ใช่แก้ตัว หรือหาข้ออ้างเบ่ายเบี่ยง หลีกเลี่ยงไม่ทําตามสัญญา เพราะจะทําให้ประเทศเกิดปัญหาขาดความเชื่อมั่น อย่างที่เป็นในปัจจุบัน” นายอันวาร์ กล่าว
นายอันวาร์ กล่าวต่อว่า กรณีผมเสนอให้พรรคถอนตัวออกจากรัฐบาลก็มีเหตุผล จาก 3 เงื่อนไขที่พรรคยื่นในการร่วมรัฐบาล ถามว่า วันนี้รัฐบาลได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถว้นหรือไม่ 1.นโยบายแก้จน สร้างคนสร้างชาติ โดยเฉพาะนโยบายการประกันรายได้เกษตรกร 2.การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น และเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลข้อที่ 12 แต่เป็นที่รับรู้กันว่า ในทางปฏิบัติพรรคแกนนํารัฐบาลไม่มีความประสงค์ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะคว่ำได้แม้กระทั่งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของตัวเอง 3.การบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตนั้น ถามว่าไม่ได้หมายรวมถึงการเกี่ยวข้องกับยาเสพติดของคนที่ถูกเลือกมาเป็นรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นก่อน หรือหลังการรับตําแหน่งเพราะล้วนเป็นมลทินทั้งสิ้น เพราะประชาคมโลกต่อต้านและไม่ยอมรับยาเสพติดกันทั้งโลก
เมื่อถามถึงเรื่องหัวหน้าพรรคเลี่ยงตอบว่า กรณีของ ร.อ.ธรรมนัส เป็น รมต.ในโควตาของพรรคพลังประชารัฐ เป็นหน้าที่ของเขาที่จะตอบคําถาม เราเป็นแค่พรรคร่วมรัฐบาล เมื่อเลี่ยงตอบ ไม่รู้ว่าสังคมจะคิดอย่างไร ถามว่าสามเงื่อนไขการร่วมรัฐบาล ที่ทําได้เพียงข้อเดียว คือที่กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรฯ เพราะคนของพรรคบริหารเองแต่อีกสองข้อ แกนนํารัฐบาลไม่สนใจนำพาจะแก้ไข เพราะมีอํานาจล้นฟ้าจากรัฐธรรมนูญเพื่อพวกเรา รวมถึง 250 ส.ว.ที่แต่งตั้ง โดยไม่คํานึงถึงกระแสสังคมว่า จะคิดอย่างไร จึงเกิดกระแสต่อต้านรุนแรง มีม็อบเรียกร้องให้แก้ไข ล่าสุด เกิดกระแสไม่เชื่อมั่นรัฐบาลกรณีบริหารตัดการวัคซีนโควิด-19 ล้มเหลวและยังสาละวนกับการแก้ไข เมื่อรัฐบาลผิดเงื่อนไขพรรคถึงสองในสามข้อ ทั้งยังบ่ายเบี่ยงปัดความรับผิดชอบก็แสดงว่า รัฐบาลไม่สนใจว่าอนาคตพรรคร่วมรัฐบาลจะเป็นอย่างไร พรรคประชาธิปัตย์จะอยู่ต่อไปอย่างไร้คําตอบไม่ได้ ด้วยเหตุผลนี้ ตนเห็นว่าเพียงพอแล้วที่เสนอให้พรรคถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลเพื่อให้พรรคแกนนํารัฐบาลได้สำนึกว่า อย่าดีแต่พูด การที่คอยบอกว่าอยู่ด้วยกันต้องฟังกัน ถึงตอนนี้ก็ไม่แน่ใจว่า เป็นวลีที่ใช้ผูกมิตร หรือเป็นสั่งกันต่อพรรคร่วมรัฐบาลกันแน่
"ทั้งหมดที่ผมเคลื่อนไหวเพราะต้องการให้พี่น้องประชาชน รู้สึกว่าพรรคประชาธิปัตย์จะกลับมายืนเคียงข้างเขาอีกครั้ง หลังจากที่ทําภารกิจไม่สําเร็จ เพราะถูกหลอก แต่ก็แปลกเพราะยังมีสมาชิกบางส่วนคิดว่า สิ่งที่ผมทําเป็นการทําให้พรรคเสียหาย ขอทบทวนให้ดี หากแม้ท่านมีความเห็นตรงกับสิ่งที่ประชาชน และสื่อสะท้อนมายังพรรค ก็เท่ากับเป็นการยอมรับในสิ่งที่ผมเสนอว่า เป็นความจริง ถามว่าทําไมไม่แก้ไขและทําสิ่งถูกให้เป็นถูก ผิดให้เป็นผิด ผมขอยืนยันอีกครั้งว่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ไม่เช่นนั้นประชาชนจะเป็นผู้ถอนพรรคประชาธิปัตย์ออกจากสนามการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า เราต้องจำให้ขึ้นใจเพราะเคยโดนมาแล้วในอดีต ที่เดิมเคยมี ส.ส.161 คน ลดเหลือเพียง 52 คน ภาคใต้จากเคยกวาดได้ 50 ที่นั่ง วันนี้เหลือไม่ถึงครึ่ง ล่าสุด ยังเสียพื้นที่เขต 3 นครศรีธรรมราช จากพรรคพันธมิตรเสียเอง เพราะนี่จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สําคัญที่สุดครั้งหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์" นายอันวาร์ ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี