โดนแล้ว‘สมศักดิ์-เจี๊ยบ’

ทีมนายกฯแจ้งจับม.112

ทีมนายกฯแจ้งความดำเนินคดี “สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” กับ “เจี๊ยบ-อมรัตน์” สส.ก้าวไกล ผิด ม.112 ปมโพสต์ข่าวลือ ขณะที่ อัยการเลื่อน สั่งคดี “มายด์-อั๋ว” กับพวก คดีหมิ่นเบื้องสูง ชุมนุมหน้าสภาฯเป็นวันที่ 15 กรกฎาคมมีรายงานว่า นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ให้ดำเนินคดีตามความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ. ความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2) กับนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่หลบหนีคดีมาตรา 112 และได้รับสถานะผู้ลี้ภัยที่ประเทศฝรั่งเศส ที่โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กเกี่ยวกับข่าวลือ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 และนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส. พรรคก้าวไกล ที่โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2564 สอดรับกับกรณีสมศักดิ์โพสต์เฟซบุ๊กในเวลาดังกล่าว

ขณะเดียวกัน ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์, น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ หรืออั๋ว, นายชนินทร์ วงษ์ศรี หรือบอล และนายเกียรติชัย ตั้งภรพรรณ หรือบิ๊ก แนวร่วมกลุ่มราษฏรและเยาวชนปลดแอก เดินทางมาเป็นตัวแทนเข้าพบอัยการตามนัด เพื่อฟังคำสั่งอัยการ คดีที่พนักงานสอบสวนสน.บางโพ ส่งสำนวนพร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตาม ป.อาญา ม.112, มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายฯ ม.215 และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กรณีเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2563ผู้ต้องหาจัดชุมนุมและปราศรัยในกิจกรรม #ไปสภาไล่ขี้ข้าศักดินา ที่หน้ารัฐสภา

โดย น.ส.ภัสราวลี เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่าอัยการได้นัดทั้ง5คนมาฟังคำสั่งคดีอีกครั้งวันที่ 15 ก.ค. เวลา 10.00 น. ส่วนสาเหตุที่เลื่อนทางอัยการไม่ได้ชี้แจงเหตุผล แต่ส่วนตัวคาดว่าน่าจะเกี่ยวเนื่องกับสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงนี้ ส่วนนายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี หรือฟอร์ด แกนนำเยาวชนปลดแอก หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ ที่ไม่ได้เดินทางมาตามนัดส่งสำนวนคดีเมื่อวันที่ 1 เม.ย.นั้น ส่วนตัวไม่ได้ติดต่อกับนายทัตเทพ มานานแล้ว จึงไม่ทราบรายละเอียดเลย

วันเดียวกัน ที่กระทรวงยุติธรรม ถ.แจ้งวัฒนะ กทม.นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นางสาววรรณวลี ธรรมสัตยา นางสาวณัฏฐิดา มีวังปลา และนายเอกชัย หงษ์กังวาน ตัวแทนกลุ่มราษฎรที่เคยถูกดำเนินคดีในคดีการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งเคยถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนกับว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม และนายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม กรณีให้กระทรวงยุติธรรมเร่งแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเรือนจำต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้น รวมทั้งชี้แจงข้อเท็จจริงและให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับปัญหาการแพร่ระบาดในเรือนจำ

ทั้งยังได้เสนอแนะ10ข้อคือ1.อยากให้กระทรวงที่ทำและกรมราชทัณฑ์ยอมรับความจริง และเปิดเผยข้อมูลการแพร่ระบาดอย่างตรงไปตรงมา หากไม่มีข่าวว่ามีแกนนำกบุ่มราษฎรติดเชื้อ สาธารณชนก็จะไม่มีวันทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในเรือนจำ 2.การคาดโทษเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ไม่สามารถควบคุมการแพทยระบาดในเรือนจำได้นั้นถือว่าไม่มีความเป็นธรรม เพราะเจ้าหน้าที่ต่างทำงานดีกว่าอย่าลำบากและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ จึงควรได้รับเยี้ยเบี้ยงค่าตอบแทนให้คุ้มค่ากับการปฎิบัติหน้าที่3.ควรจ่ายเงินชดเชยเยียวยาผู้ติดเชื้อในเรือนจำ โดยคำนวณตามอัตราประกันภัยทั่วไปจากการโควิด-19 เพราะมาจากความบกพร่องและได้ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคของหน่วยงานรัฐ 4.ให้เปิดเผยความจริงและรายละเอียดการแพทยระบาดในเรือนจำให้ญาติผู้ต้องขัง และสาธารณชนรับทราบ รวมทั้งจัดให้มีการอำนวยความสะดวกเพิ่มข่องทางเยี่ยมญาติทางออนไลน์ให้มากขึ้น 5.จัดหาวัคซีนให้กับเจ้าหน้าที่และนักโทษโดยเร็ว

6.ประสานงานให้ศาลอยู่ทำให้ประกันตัวผู้ถูกกล่าวหาทุกรายแผนการสั่งคุมขัง หลีกเลี่ยงการขอฝากขังของพนักงานสอบสวน 7.จัดสวัสดิการพื้นฐานสำหรับผู้ถูกกักกันโรค เช่นการแจกหน้ากากอนามัยเจลล้างมือให้เพียงพอ และปรับปรุงคุณภาพอาหาร รวมทั้งจัดผ้าอนามัยให้กับผู้ต้องขังหญิงที่ถูกกักกันโรคที่ยังขาดแคลน 8.กรณีผู้ต้องขังที่ติดเชื้อที่รักษาอยู่ในห้องขังให้ส่งตัวไปรักษายังสถานพยาบาลอื่นเพื่อลดความแออัดของผู้ป่วยในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 9.จัดการสาธารณูปโภคให้เพียงพอเช่น ไฟฟ้า น้ำประปา และผ้าห่ม 10.จัดยารักษาให้เพียงพอกับผู้ป่วยในเรือนจำ รวมทั้งอำนวยความสะดวกการปล่อยตัวนักโทษที่ติดเชื้อและติดตามผลหลังการปล่อยตัวไป

ด้าน เลขานุการ รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรมพยายามแก้ปัญหาปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งการเร่งแก้ปัญหาการแพร่ระบาด และปัญหาความแออัดในเรือนจำ ซึ่งก็ยอมรับในข้อบกพร่องที่มี การแก้ปัญหาต้องใช้เวลา และที่สำคัญคืองบประมาณการสนับสนุน ซึ่งจะนำข้อเรียกร้องดังกล่าวไปเสนอต่อ รมว.ยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป