นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึง การเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ที่จะถึงนี้ว่า มีระเบียบวาระการประชุมที่น่าสนใจคือการพิจารณา เรื่องด่วนพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2564 ที่มีการแก้ไขในเรื่องอัตราดอกเบี้ยเพื่อป้องกันมิให้เจ้าหนี้เรียกดอกเบี้ยจากลูกหนี้ในอัตราหรือด้วยวิธีการที่ก่อให้เกิดภาระแก่ลูกหนี้สูงเกินสมควรสาระสำคัญของการแก้ไขต้องยอมรับว่า เป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบโดยได้ แก้ไขมาตรา 7 กำหนดว่าถ้าจะต้องเสียดอกเบี้ยแก่กันและไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้โดยนิติกรรมหรือโดยบทกฎหมาย ให้ใช้อัตราร้อยละสามต่อปี
ซึ่งจากเดิมกรณีดังกล่าวให้คิดดอกเบี้ยได้ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ความหมายคือ หากมีการกู้ยืมเงินที่ไม่ได้มีการกำหนดในเรื่องอัตราดอกเบี้ย กฎหมายเดิมให้คิดดอกเบี้ย ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี แต่ที่แก้ไขใหม่ให้คิดได้ร้อยละสามต่อปี ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และมีการแก้ไข มาตรา 224 โดยกำหนดหนี้เงินให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดในอัตราตามมาตรา 7 คือร้อยละ 3 ด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปีถ้าเจ้าหนี้จะเรียกดอกเบี้ยได้สูงกว่านั้นโดยอาศัยเหตุอย่างอื่นอันชอบด้วยกฎหมายก็ให้ส่งดอกเบี้ยต่อไปตามนั้น
จากเดิมที่กฎหมายให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี เมื่อมีการแก้ไขใหม่แล้วความหมายก็คือหนี้เงินที่มีการผิดนัดให้คิดดอกเบี้ยร้อยละสามต่อปีและมีการ บวกอัตราเพิ่มร้อยละสองต่อปี ซึ่งก็เป็นการแก้ไขให้มีการ กำหนดกรอบอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง มีการแก้ไขโดยเพิ่มมาตรา 224/1 กรณีที่ลูกหนี้มีหน้าที่ผ่อนชำระหนี้เงินเป็นงวดและลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ในงวดใดเจ้าหนี้อาจเรียกดอกเบี้ยระหว่างเวลาผิดนัดได้เฉพาะต้นเงินของงวดที่ลูกหนี้ผิดนัด
กรณีดังกล่าวนี้เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนเป็นอย่างยิ่งเหตุ เพราะว่า หากไม่มีการแก้ไข การที่พี่น้องประชาชนผิดนัดในการชำระหนี้เป็นงวดไม่ว่าจะเป็นการผ่อนบ้าน ผ่อนรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือผ่อนอย่างอื่น หากไม่มีการบัญญัติเพิ่มดังกล่าวก็จะทำให้เกิดภาระกับลูกหนี้ เจ้าหนี้ก็จะคิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ย คิดดอกเบี้ยจากยอดเงินที่กู้รวมกับดอกเบี้ยในส่วนรายงวดอีกก็จะเกิดการซ้ำซ้อน เมื่อผิดนัดชำระหนี้ตามงวด กฎหมายใหม่ให้คิดดอกเบี้ยเฉพาะต้นเงินของงวดที่ลูกหนี้ผิดนัดเท่านั้น หากเจ้าหนี้มีข้อตกลงแตกต่างไปจากที่กล่าวมาข้อตกลงนั้นเป็นโมฆะ
นายราเมศ กล่าวต่อว่า โดยส่วนตัวสนับสนุนการแก้ไขกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในเรื่องดอกเบี้ยดังกล่าว เพราะกฎหมายเดิมใช้บังคับมาเป็นระยะเวลานานมากแล้ว ไม่ได้มีการแก้ไขปรับปรุงให้สอดคล้องกับสภาวะและสภาพเศรษฐกิจทำให้ประชาชนที่เป็นลูกหนี้ได้รับความเดือดร้อนจากภาระดอกเบี้ยที่คิดเกินสมควรเป็นอย่างมาก
ดังนั้นการปรับปรุงอัตราดอกเบี้ยและวิธีการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงในปัจจุบันเพื่อให้เกิดความเหมาะสมและที่สำคัญขณะนี้มีการระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด 19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมากประชาชนจำนวนมากมีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่ไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันก่อให้เกิดภาระอย่างมากต่อลูกหนี้ หากไม่มีการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยก็จะเกิดความเสี่ยงสูงที่จะทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้
อย่างไรก็ตามการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวโดยออกเป็นพระราชกำหนดและนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเป็นเรื่องด่วน เรื่องแรกเชื่อว่าสมาชิกรัฐสภาจะอนุมัติพระราชกำหนดฉบับดังกล่าว เพราะเป็นประโยชน์และเป็นธรรมต่อประชาชนโดยทั่วกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี