อัยการสั่งฟ้อง‘แอมมี่’
คดีเผาหน้าเรือนจำคลองเปรม28ก.พ.
3ข้อหาหนักม.112-วางเพลิง-กม.คอมพ์
อัยการสั่งฟ้อง“แอมมี่”คดีเผาพระบรมฉายาลักษณ์ฯหน้าเรือนจำโดนอ่วม 3 ข้อหาหนัก ม.112-วางเพลิง-พ.ร.บ.คอมพ์ ศาลนัดสอบคำให้การ 09.00 น. 27 พฤษภาคมนี้ “ชวน”ยันเดินหน้าเปิดประชุมสภาฯตามกำหนด เบรกถกร่วมฯ แก้รธน.-ประชามติ ห่วงห้องประชุมแออัดย้ำระวังไม่ให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่ในสภา“หมอสุกิจ”ย้ำคุมเข้มมาตรการ-ป้องกันคัดกรอง ผงะแม่บ้านสภา
ติดโควิด หลังฉีดวัคซีน สภาฯประสาน สธ.สว็อปกลุ่มเสี่ยง ‘บิ๊กตู่’กำชับครม.อย่าปากไว ให้ชัดเจนก่อนค่อยพูด‘บิ๊กป้อม’ย้ำถกงบฯให้สส.เข้าพร้อมเพรียง
เมื่อวันที่ 25พฤษภาคม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ เดอะบอตท่อมบลูส์ อายุ32 ปี แกนนำกลุ่มราษฎรเป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินีรัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์,ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33, 83 ,91, 112, 217 พรบแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่6 ) พ.ศ 2526 มาตรา 4 พรบ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14
ดังนั้น การกระทำของจำเลยกับพวกข้างต้น จึงเป็นการกระทำอันไม่สมควรล่วงละเมิด เป็นการแสดงออกด้วยประการใดว่าจะทำให้เสียหายในทางใดๆไม่ว่าจะเป็นพยานอันตรายแก่ร่างกายทรัพย์สินสิทธิเสรีภาพหรือชื่อเสียงเกียรติคุณอันไม่ใช่การใช้สิทธิ์ตามปกตินิยมนับเป็นการแสดงอาฆาตมาดร้ายดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ทำให้ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงเสื่อมเสียพระเกียรติ ถูกดูหมิ่น หมิ่นพระเกียรติ ถูกลบหลู่ และมีเจตนาทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของปวงชนชาวไทย ไม่เคารพต่อพระมหากษัตริย์ซึ่งอยู่ในฐานะที่ผู้ใดจะละเมิดมิได้
อีกทั้ง จำเลยได้บังอาจนำเข้าและเผยแพร่สู่ระบบคอมพิวเตอร์ เป็นภาพที่ไฟกำลังลุกไหม้พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่ประดิษฐานติดตั้งอยู่บริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม และมีการพิมพ์ข้อความว่า”สื่อคงไม่กล้าออก มิตรสหายท่านหนึ่งแจ้งว่า เมื่อคืนเกิดเหตุไฟไหม้ พระบรมฯที่หน้าเรือนจำคลองเปรม คนละ1แชร์แด่อิสรภาพ #ปล่อยเพื่อนเรา///”โดยจำเลยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อเผยแพร่ที่ในบัญชีเฟสบุ๊กชื่อว่าThe Bottom Blues ของจำเลยซึ่งเปิดเป็นบัญชีสาธารณะประชาชนทั่วไป สามารถเข้าถึงได้ ดังนั้นพฤติกรรมของจำเลย จึงเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ โจทก์ จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย ศาลประทับฟ้องคดีไว้พิจารณาและนัดสอบคำให้การ นายไชยอมร จำเลย ซึ่งได้รับการปล่อยชั่วคราวในวันที่ 27พ.ค.เวลา 09.00น.
‘ชวน’ยันประชุมสภา/คุมเข้มโควิด
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรชี้แจงในรายการมองรัฐสภา สถานีโทรทัศน์รัฐสภาถึงกรณีแคมป์คนงานก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 519 คนว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19จำนวน 519คนจริง เป็นแรงงานเมียนมาและกัมพูชา แต่ส่วนใหญ่ปฏิบัติงานอยู่นอกอาคารรัฐสภา บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่เข้ามาภายในอาคาร และไม่พบมีเจ้าหน้าที่สภา เข้าไปสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อหรือกลุ่มเสี่ยง มั่นใจการแพร่ระบาดยังอยู่ในวงจำกัด แต่จะติดตามสถานการณ์ต่างๆอย่างใกล้ชิด
นายชวน กล่าวว่า ส่วนการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนั้น ยังต้องเป็นไปตามข้อบังคับที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ ให้มีสมัยประชุมสามัญปีละ 2 ครั้ง ไม่ใช่เปิดประชุมตามอำเภอใจ โดยจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ที่สภาฯ ต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน105วัน นับจากวันที่สภาฯได้รับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯจากครํรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อ17พ.ค.2564
“ขอยืนยันว่าการประชุมสภาฯจะระมัดระวังไม่ให้เกิดแหล่งระบาดการติดเชื้อใหม่ภายในรัฐสภา จะดำเนินการมาตรการสาธารณสุขต่างๆอย่างเคร่งครัด ลดความแออัดในสภาเช่น ลดจำนวนข้าราชการที่ยังให้ปฏิบัติราชการที่บ้าน ร้อยละ70 การลดการนั่งรวมตัวกัน การให้ สส.ลดจำนวนผู้ติดตามเหลือ 1คน ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติงานในห้องประชุมสภาฯนั้นผ่านการฉีดวัคซีนแล้ว แต่ยังต้องสวมหน้ากากอนามัยในห้องประชุมตลอดเวลา ขณะที่ ส.ส.กว่า50%ก็ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเช่นกัน”นายชวน กล่าว
เบรกประชุมร่วมรัฐสภาห่วงแออัด
นายชวนกล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภาว่ายังไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะการประชุมร่วมรัฐสภาทั้งส.ส.และส.ว.จะมีสมาชิก รวมกันถึง 750 คน ทำให้ภายในห้องประชุมแออัดจึงมีข้อเสนอว่ากฎหมายที่ต้องประชุมร่วมรัฐสภาทั้งร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงมติ จะต้องกลับไปทบทวนว่าจะดำเนินการอย่างไรได้ ส่วนกฎหมายที่มีความจำเป็นและถูกบังคับด้วยเรื่องกรอบเวลา ก็จะประชุมเฉพาะผู้เกี่ยวข้องที่ต้องอภิปรายเท่านั้น
ยันคนงานติดเชื้อไม่เข้าทำงานในสภา
ด้านนพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากแคมป์คนงาน จ.นนทบุรีว่า หลังปรากฏข่าวได้เชิญเจ้าหน้าที่บริษัทซิโน-ไทย ที่เข้ามาควบคุมการก่อสร้างอาคารรัฐสภาซึ่งทางบริษัทซิโน-ไทย ยืนยันว่าในการก่อสร้างอาคารรัฐสภา คนงานจากแคมป์นี้ได้มาทำงานจริงแต่การทำงานในอาคารรัฐสภาได้จบสิ้นแล้ว ตั้งแต่วันที่30เม.ย.ที่ผ่านมาแต่บริเวณภายนอกอาคารรัฐบาลที่ยังไม่เสร็จยังมีคนงานบริษัทซิโน-ไทย จากแคมป์นี้มาทำงานประมาณ 500 คน และคนงานจากแคมป์อื่น เช่นแคมป์พระราม9 อีก200คน เป็นงานเกี่ยวกับถนน ต้นไม้ ท่อน้ำ การขนย้ายอุปกรณ์ออกนอกสภา ทำภายนอกอาคารรัฐสภาจนถึงวันที่ 18 พ.ค. จากนั้นก็ไม่ได้เข้ามาอีกเลย อยู่ห่างจากส่วนที่ข้าราชการทำงานอยู่มาก จึงมีโอกาสน้อยมากที่จะมีการแพร่เชื้อจากคนงานเหล่านี้ เข้ามาสู่อาคารรัฐสภา
และคนงานเหล่านี้ได้มีการตรวจเชิงรุกที่แคมป์เมื่อวันที่22 พ.ค. ผลออกมาเมื่อวันที่ 24พ.ค.พบว่ามีผู้ติดเชื้อ 515 คน ที่ผลยังไม่ออก 83 คนและที่ไม่พบเชื้อ 361 คน
ย้ำคุมเข้มมาตรการ ป้องกันคัดกรอง
ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนฯ กล่าวอีกว่าส่วนที่ยังเห็นคนงานบางส่วนอยู่ในสภา ไม่ใช่คนงานที่มาจากแคมป์ที่มีการติดเชื้อ แต่เป็นคนงานจากอีกบริษัทหนึ่งที่เข้ามารับช่วงต่อจากบริษัทซิโน-ไทยในการทำงานเกี่ยวกับสายไฟและไอที ซึ่งสภาฯได้มีการกำชับบริษัทเหล่านี้ ให้มีคนงานเข้ามาทำงานน้อยที่สุดและให้คัดกรองคนงานอย่างดี ส่วนจะคัดกรองอย่างไร ไม่ได้อยู่ในวิสัยของสภาฯที่จะไปบีบบังคับได้
แม่บ้านสภาติดโควิดหลังฉีดวัคซีน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา11.45น.มีประกาศจากสำนักบริการทางการแพทย์ ประจำรัฐสภา แจ้งให้ข้าราชการ พนักงานและบุคคล ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ช่วงเวลา10.00น.รายงานตัวต่อสำนักบริการทางการแพทย์ด่วนเนื่องจากในวันและช่วงเวลาดังกล่าวนั้นพบแม่บ้านของสภาฯที่เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19มีผลการตรวจหาเชื้อโควิด เป็นบวกคือ ติดเชื้อจากไทม์ไลน์พบเป็นผู้ที่ได้บัตรคิวลำดับที่150 เข้าวัดความดัน และรับบัตรนัดฉีดวัคซีนเข้มที่2ในช่องที่ 3-4
โดย นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาฯยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงและทราบว่าแม่บ้านที่ติดเชื้อ เป็นภรรยาของคนในแคมป์คนงานก่อสร้างอาคารรัฐสภาที่พบว่ามีการติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมากก่อนหน้านี้ จากการตรวจสอบ เบื้องต้นจากหัวหน้าแม่บ้าน ทราบว่าแม่บ้านคนนี้ไม่สุงสิงกับบุคคลอื่น ทานอาหารคนเดียว ในการเข้ารับฉีดวัคซีน เมื่อวันที่ 22- 23 พ.ค.ที่สำนักงานเลขาธิการสภาฯจัดมีมาตรกาเว้นระยะห่างได้อย่างดีเยี่ยม จนได้รับคำชมจึงมั่นใจได้ระดับหนึ่งว่าไม่มีมีการแพร่กระจายเชื้อ
แจ้งบุคคลเลี่ยงแล้ว/อย่าตระหนก
“แต่จะมีช่วงจังหวะที่รอผล หลังฉีดเท่านั้นที่รอนานเพื่อความไม่ประมาท จึงได้แจ้งไปยังบุคคลที่คาดว่าอยู่ใกล้ชิดให้รับทราบแล้วเบื้องต้นคาดช่วงบ่ายจะทราบจำนวน ส่วนบุคลากรทางการแพทย์และผู้ให้บริการฉีดวัคซีนนั้นทราบว่าได้รับการฉีดวัคซีน 2 เข็มแล้วจึงมั่นใจไม่กระจายเชื้อ ทั้งนี้เรื่องดังกล่าว ขอให้อย่าตระหนก เพราะสภาฯมีมาตรการดูแลและเข้มงวดเรื่องกันโรคตามมาตรฐานของสาธารณสุข
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการให้บริการฉีดวัคซีนข้าราชการ,พนักงาน ลูกจ้างของสภาฯรวมถึง ส.ส.เมื่อวันที่22-23 พฤษภาคมนั้นเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐสภาโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กรมการแพทย์ โดยพบว่ามีผู้เข้ารับบริการฉีดวัควีนประมาณ 2,000คน
ประสานสธ.สว็อปกลุ่มเสี่ยง
ขณะที่ น.ส.ศุภพรรัตน์ สุขพุ่ม ที่ปรึกษาด้านระบบงานนิติบัญญัติโฆษกสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงถึงกรณีที่มีแม่บ้านทำความสะอาด สำนักงานสภาฯติดเชื้อโควิด-19ว่าทางสำนักงานทราบภายหลังว่าแม่บ้านรายดังกล่าว เป็นภรรยาของคนในแคมป์ก่อสร้างอาคารรัฐสภาและไม่ทราบมาก่อนว่าวันที่แม่บ้านรับวัคซีนนั้นเขาอยู่ระหว่างการรอผลตรวจหาเชื้อ ซึ่งตามข้อปฏิบัติจะต้องกักตัวจนกว่าผลตรวจจะออก ทั้งนี้ ทางสำนักงานฯได้ประสานสาธารณสุข มาตรวจหาเชื้อข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแบบสว็อปในบริเวณ ที่แม่บ้านคนดังกล่าว ปฏิบัติหน้าที่แล้ว
‘บิ๊กตู่’กำชับครม.อย่าปากไว
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ วันที่ 25พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เน้นย้ำเรื่องของการสื่อสารและประชาสัมพันธ์เป็นพิเศษซึ่งเป็นการเน้นย้ำเรื่องนี้มาหลายสัปดาห์ติดต่อกันแล้ว โดยเฉพาะกรณีถูกประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องการให้ข้อมูลที่สับสนเกี่ยวกับการแก้ไขโควิด-19และการกระจายวัคซีน โดยกำชับให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลมากขึ้นว่าไม่ต้องเร่งรีบ ให้ชัดเจนก่อน รอ 2-3วันก็ได้เพราะถ้าพูดไปแล้วคนจะมีความคาดหวัง มีผลกระทบเป็นวงกว้าง ทำให้ฝ่ายนโยบายต้องตามชี้แจง
นอกจากนี้ ยังสั่งการให้แต่ละกระทรวงประชาสัมพันธ์ผลงานของตัวเองว่าช่วงที่ผ่านมาได้ทำอะไรไปแล้วบ้างเพื่อให้ประชาชนรับรู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอีอีซี การพัฒนาดิจิทัล รวมถึงการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว และไม่จำเป็นต้องออกมาตอบโต้แต่ให้นำข้อเท็จจริงมานำเสนอ
บิ๊กป้อมย้ำสส.พร้อมร่วมถกงบฯ
รายงานข่าวแจ้งว่าในที่ประชุม ครม.ยังได้มีการหารือถึงการเตรียมความพร้อมประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ระหว่างวันที่ 31 พ.ค. - 2 มิ.ย.โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ขอความร่วมมือหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลต่างๆ ให้กำชับ ส.ส.ให้เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียง อย่าให้เขามาว่าได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี