"อาคม"แจงหนี้สาธารณะอยู่ในเพดาน ปัด"นายกฯ"ปิดฐานะการคลัง แนะไปดูในเอกสารงบฯ ด้าน"ส.ส.พิสิฐ"สวนกลับถามช้างตอบม้า สอนมวยตัวเลขการคลังคนละเรื่องเงินคงคลัง
เมื่อเวลา 11.55 น.วันที่ 1 มิถุนายน 2564 ที่รัฐสภา นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ชี้แจง นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ว่า การจัดงบประมาณปี 65 อยู่บนพื้นฐานที่รัฐบาลคาดว่าสถานการณ์โควิด-19 น่าจะคลี่คลายขึ้น สองปีที่ผ่านมาเราเผชิญวิกฤตโควิดอย่างมาก ดังนั้น จึงจำเป็นต้องใช้เงินเพิ่มมากขึ้น โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังได้มีการแก้ไขสัดส่วน เพื่อผ่อนคลายระดมเงินมาใช้ช่วยการแพร่ระบาดโควิด โดยมีงบประมาณ 3 ฉบับ ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง คือ พ.ร.บ.วิธีงบประมาณปี 61 , พ.ร.บ.การเงินการคลัง และ พ.ร.บ.ระเบียบการบริหารหนี้สาธารณะ ในมาตรา 11 ของ พ.ร.บ.วิธีงบประมาณ ระบุชัดว่ากรณีจัดเก็บรายได้ต่ำกว่ารายจ่ายให้แถลงวิธีการหาส่วนที่ขาดดุลต่อรัฐสภาด้วย ในกรณีที่จะต้องมีการกู้เงินเพื่อชดเชยขาดดุลงบประมาณ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายวินัยการเงินการคลัง และกฎหมายการบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งคำแถลงของนายกรัฐมนตรี เขียนไว้ชัดว่าจะใช้ 2 วิธีหลักใน พ.ร.บ.ร่วมทุน คือ กิจการบางอย่างที่เป็นงบประมาณลงทุนของราชการอาจจะไปใช้ลงทุนร่วมกับภาคเอกชนด้วย และการบรรจุโครงการไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ภายใต้แผนบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งมีหลายโครงการที่ส่วนราชการต่างๆ ขอใช้เงินกู้
ส่วนโครงการกิจการร่วมทุน PPP ซึ่งเป็นโครงการของราชการ ปกติจะใช้งบประมาณแผ่นดิน เราก็จะใช้เป็นงบประมาณร่วมทุน เช่น กรณีมอเตอร์เวย์ ในส่วนที่เป็น O&M ในเรื่องการบริหารจัดการมอเตอร์เวย์ หรือโครงการบำบัดน้ำเสียของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือโครงการทางหลวงแผ่นดินที่เชื่อมไปยังพื้นที่ชายแดน ในเขตอาเซียน ก็จะใช้หลักการกฎหมายหนี้สาธารณะ ในกรณีที่เป็นเงินกู้ต้องออกคนละครึ่ง โดยรัฐกู้เพียงครึ่งเดียว อีกครึ่งใช้งบประมาณแผ่นดิน
รมว.คลัง กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีหนี้สาธารณะจะทะลุเพดานหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังอยู่ในกรอบร้อยละ 60 ที่คณะกรรมการวินัยการเงินการคลัง เป็นผู้กำหนด อย่างไรก็ดี การพิจารณาแผนการบริหารหนี้สาธารณะ รัฐบาลมีการจัดทำทั้งแผนระยะสั้น คือ แผนการบริหารประจำปี และระยะปานกลาง คือ แผนการบริหาร3ปีข้างหน้า โดยดูจากสภาวะเศรษฐกิจและขีดความสามารถในการชำระหนี้ของเรา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเสนอต่อคณะกรรมการวินัยการเงินฯ เพื่อพิจารณา
นายอาคม กล่าวด้วยว่า ส่วนการจัดเก็บรายได้ของแผ่นดิน ส่วนใหญ่จะเป็นการจัดเก็บภาษี โดยจะมีการใช้เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกให้ประชาชนมาเสียภาษีมากขึ้น และมีการออกภาษีแนวใหม่ที่ยังไม่เคยจัดเก็บ เช่น ภาษีอิเล็กทรอนิคส์ต่างๆ เพื่อเป็นการขยายฐานจัดเก็บ ทั้งนี้ ข้อมูลทางด้านสถานะการเงินการคลังนั้น มีการแสดงไว้ในเอกสารฉบับที่5 แล้วสมาชิกสามารถดูได้
ด้าน นายพิสิฐ กล่าวโต้ตอบว่า การชี้แจงของ รมว.คลัง เป็นเพียงบางส่วน และไม่ใช่ส่วนที่ตนแสดงความเป็นห่วง เพราะการร่วมทุนกับเอกชนเป็นเรื่องที่ทำอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เป็นห่วง คือ นายกฯ ประกาศในคำแถลงของสภาฯว่าวิธีการแก้ปัญหา เรื่องของงบลงทุน จะอาศัยการกู้เงินในการออกกฎหมายตาม พ.ร.บ.หนี้ เพราะหลักของการบริหารจัดการงบประมาณที่ดีควรจะอยู่ส่วนกลาง ด้วยการเก็บภาษีทุกอย่างมารวมไว้ตรงกลางแล้วกระจายออกไป โดยให้สภาฯ มีการตรวจสอบ เปิดเผยข้อมูล แต่ทุกวันนี้ตัวอย่างของ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้าน หรือ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท มีการออกกฎหมายอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาสั้น ไม่มีข้อมูลปรากฎให้ ส.ส.หรือ ส.ว.ตรวจสอบ และรัฐบาลก็ใช้ไปเรื่อยๆ และถือว่านี่คือการทดแทนที่เราใช้งบลงทุนต่ำ จึงถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องในหลักบริหารจัดการงบประมาณที่ดี ตนจึงขอให้ระมัดระวังไม่ทำอีก ซึ่งรัฐบาลอาจมีเหตุผลเรื่องโควิด-19 แต่งบประมาณประจำปีควรจัดการ เพื่อมาทำเรื่องโควิดให้มากกว่านี้ แทนที่จะอาศัยการกู้เงินที่ง่ายแต่จะสร้างผลกระทบที่ตามมาในเรื่องตัวเลขหนี้ที่เราเห็นกันมาแล้ว
นายพิสิฐ กล่าวด้วยว่า ส่วนการปฏิรูปไม่ควรเฉพาะเรื่องภาษี ควรปฏิรูปเรื่องระบบงบประมาณด้วย เพราะตัวชี้วัดต่างๆ ที่กำหนดไว้เป็นข้อจำกัดที่รุงรังเกินไปหรือไม่ เพราะหากตั้งตัวชี้วัดไว้มากมาย มันเป็นเรื่องปัญหาระหว่างหน่วยงานมากกว่า ส่วนที่บอกว่านายกฯแถลงฐานะการคลังมีการชี้แจงตัวเลขคงคลัง ตนขอยืนยันว่าเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง เพราะฐานะการคลังกับเงินคงคลังคนละเรื่องกัน โดยนายกฯพุดเฉพาะเงินคงคลัง แต่ฐานะการคลังเป็นเรื่องของรายรับรายจ่าย และการขาดดุลเงินสด และผลที่จะมีต่อหนี้ในที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี