สะอึกทั้งรัฐบาล
‘บิ๊กตู่’ตัดพ้อน้อยใจ‘ปชป.-ภท.’
ปากบอกโอเคจะช่วยชี้แจง
กลับปล่อยลูกพรรคถล่มงบ
บี้รมว.-รมช.สธ.ตอบในสภา
สาธารณสุขได้งบพรก.กู้เงิน
สภาฯถกงบวันที่สอง“ปชป.”ห่วงผ่านงบหนี้ทะลุเพดานร้อยละ 60 ส่อผิดวินัยเงิน-การคลัง “รมว.คลัง”แจงคาดปี’65 เศรษฐกิจฟื้นตัว ยันจัดงบทำตามกม.ใช้เงินกู้ทำตามหลักการ ย้ำหนี้สาธารณะอยู่ในเพดาน “พิสิฐ” สวนกลับตัวเลขการคลังคนละเรื่องเงินคงคลัง“บิ๊กตู่”เผยเคลียร์“อนุทิน”ปม“ภท.”รุมถล่มงบฯแล้วชี้เข้าใจกันดี เมิน “ชาดา” โวยตัดงบสธ.ชวนหัวหน้ากลับบ้านโยนไปพิจารณากันเอง ปัดตอบสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อเวลา09.00น.วันที่ 1มิถุนายน ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน3.1ล้านล้านบาท วาระแรก วันที่ 2 โดยมีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ซึ่งได้ใช้เวลาอภิปรายงบประมาณวันแรกรวม13 ชั่วโมง55นาที42วินาที ภาพรวมการอภิปรายงบประมาณเป็นไปด้วยดี
ฝ่ายค้านซัดปล่อยทุนใหญ่กินSME
จากนั้นสมาชิกได้อภิปรายเนื้อหาลงรายละเอียดแต่ละกระทรวง นายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่าการจัดสรรงบรายจ่ายปี2565น่าผิดหวัง งบเอสเอ็มอี ถูกตัด รัฐบาลไม่เคยให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี การตัดงบบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.)คือ การตัดโอกาสที่เอสเอ็มอี จะได้กู้เงิน ตัวเลขล่าสุด รัฐบาลมียอดค้างจ่าย บสย.56,000ล้านบาท ทำให้ธนาคาร ไม่ปล่อยกู้เอสเอ็มอี 4 ปีที่ผ่านมา กลุ่มทุนใหญ่กู้เงินได้มากขึ้น 35%ผิดกับเอสเอ็มอี กู้ได้ลดลง ถูกตัดออกจากวงจรการเข้าถึงสินเชื่อ รัฐบาลปล่อยทุนใหญ่กลืนกินเอสเอ็มอี รัฐบาลไม่ต้องการช่วยเอสเอ็มอี ทำให้เอสเอ็มอีเสี่ยงต่อการปิดกิจการจำนวนมาก
ปชป.ห่วงหนี้ทะลุเพดาน/ผิดวินัยคลัง
นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายว่าอยากให้มีการสังคายนาระบบงบประมาณใหม่ ไม่ใช่เน้น แต่การสร้างรั้ว สร้างถนน แล้วบอกว่าเป็นการลงทุนเพราะการสร้างถนนที่ไม่มีรถวิ่ง ไม่ใช่การลงทุนทำให้เงินลงทุนที่จะนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นด้อยลง สิ่งที่น่าห่วงขณะนี้คือฐานะการคลัง และหนี้ของรัฐบาล จากพิษสถานการณ์โควิด-19กำลังจะเป็นปัญหาใหญ่ กำลังจะเข้าสู่ภาวะตัวเลขเกินเพดานหนี้ 60%อันเป็นผลจากการตั้งงบประมาณขาดดุลปี2564 และ2565 ค่อนข้างสูง รวมกับการกู้เงินตาม พรก.กู้เงิน1ล้านล้านบาทในปี2563 และ5แสนล้านบาทในปี2564 ขณะที่รัฐบาล มีรายได้ต่ำ ไม่อยากให้มีการทำผิดกฎหมายโดยการอนุมัติงบรายจ่ายปี2565เพราะที่ผ่านมา 3 ปี ตั้งแต่ปี2563-2565 ประเทศไทยขาดดุลเกิน1ล้านล้านบาท มาแล้ว3ปี ทำให้ตัวเลขหนี้ต่อจีดีพี จะสูงเกิน60% แน่นอน หากสภาฯอนุมัติงบปี2565 จะทำให้รัฐบาลก่อหนี้เกิน60% เท่ากับเปิดทางให้รัฐบาลทำผิดกฎหมายวินัยการเงินการคลัง
‘สมคิด’จี้กห.ลดงบบุคลากรสู้โควิด
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายงบประมาณของกรมราชทัณฑ์กระทรวงยุติธรรมว่าขณะนี้มีผู้ติดเชื้อในราชทัณฑ์ 320,000 คน ควรให้งบไปเลย เพราะเขาอยู่ในที่แออัด รัฐมนตรี ต้องตอบจะทำอย่างไรลดความแออัด เรื่องนี้อยากให้เอาใจใส่ รัฐบาลต้องชัดเจนให้ญาติพี่น้องเขาหายใจทั่วท้อง ส่วนกระทรวงกลาโหมลดจริง แต่ลดในส่วนทีไม่ควรลด ตรงที่มีความจำเป็นกับไม่ทำงบกระทรวงกลาโหมไปหนักที่บุคลากร จำนวนนายพลในประเทศไทย เริ่มตั้งแต่ปี2551มีจำนวน556คนและเริ่มเพิ่มขึ้นในปี 2557จำนวน1,092 คน และปัจจุบันมีจำนวน 792 คนถ้าไม่ลดงบบุคลากร กระทรวงกลาโหมต่อให้ทำยังไง ก็คือปัญหาประเทศตนไม่ได้รังเกียจทหาร แต่จัดงบแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้
“การจัดงบหลายอัน ต้องลดลงได้ แต่กระทรวงสาธารณสุขลดจำนวนลงในเรื่องบุคลากร1,000 กว่าล้าน กระทรวงศึกษาด้านการจ่ายบุคลากร1,3000 กว่าล้าน ขณะที่ กระทรวงกลาโหม เพิ่มมา 1,000 กว่าล้าน ประเทศที่พัฒนาเขาเลือกสุขภาพคนเป็นหลักวันนี้ มองแต่เรื่องความมั่นคง ในอนาคตถ้าเราไม่ลดจำนวนบุคคลากรหน่วยราชการไม่ลดลงอีก10ปี เราต้องเสียเงินบำเหน็จบำนาญปีละ 800,000ล้านบาทต่อปี ไหวหรือไม่ ถ้าไม่ไว้ต้องเริ่มตรงนี้ ฝากกมธ.งบ65 อะไรที่ไม่จำเป็นให้ตัดออกมาช่วยโครงการโควิดทั้งหมด จึงไม่เห็นด้วยกับการจัดงบฯครั้งนี้เพราะไม่ตอบสนองกับความต้องการของประชาชน”นายสมคิด กล่าว
ภท.ฉะจัดงบพิลึกพิลั่นตัดงบสธ.
นายกรวีร์ ปริศนานันทกุลส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทยอภิปรายว่าการจัดงบปี65 พิลึกพิลั่น กระทรวงสาธารณสุขที่เป็นหัวหอกแก้ปัญหาโควิดถูกตัดงบถึง4,308ล้านบาท เป็นการจัดงบแบบไม่เห็นความสำคัญทางสาธารณสุขโดยเฉพาะกรมควบคุมโรคได้งบปี65 แค่3,565ล้านบาท ลดลงจากปี64 ถึง479ล้านบาท กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้งบปี65จำนวน1,244ล้านบาท ลดลง144ล้านบาท การจัดทำงบครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายของรัฐบาลหรือสภาฯชุดนี้จึงควรจัดงบให้ดีพาชีวิตประชาชนกลับสู่ปกติ
‘อาคม’คาดปี65เศรษฐกิจฟื้นตัว
ด้าน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐรมว.คลังชี้แจงที่นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ว่า การจัดงบประมาณปี65 อยู่บนพื้นฐาน ที่รัฐบาล คาดว่าสถานการณ์โควิด-19 น่าจะคลี่คลายขึ้น ตนคาดหวังปี 65 เศรษฐกิจของเราน่าจะฟื้นตัวได้ ซึ่งสถานการณ์นี้เราไม่คาดคิดมาก่อน สองปีที่ผ่านมาจึงมีความจำเป็นต้องใช้เงินงบประมาณเพิ่มขึ้น จึงต้องแก้ไขสัดส่วนต่างๆที่กำหนดโดยนโยบายการเงินการคลังซึ่งทุกอย่างทำตามกฎหมายและการใช้เงินกู้ก็ทำตามหลักการ โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลัง ได้มีการแก้ไขสัดส่วนเพื่อผ่อนคลายระดมเงินมาใช้ช่วยการแพร่ระบาดโควิด
กรณีที่จะต้องมีการกู้เงินเพื่อชดเชยขาดดุลงบประมาณ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายวินัยการเงินการคลัง และกฎหมายการบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งคำแถลงของนายกรัฐมนตรีเขียนไว้ชัดว่า จะใช้2วิธีหลักในพ.ร.บ.ร่วมทุน คือ กิจการบางอย่างที่เป็นงบประมาณลงทุนของราชการ อาจจะไปใช้ลงทุนร่วมกับภาคเอกชนด้วยและการบรรจุโครงการไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ภายใต้แผนบริหารหนี้สาธารณะซึ่งมีหลายโครงการที่ส่วนราชการต่างๆขอใช้เงินกู้
แจงหนี้สาธารณะอยู่ในเพดาน
ส่วนกรณีหนี้สาธารณะ จะทะลุเพดานหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังอยู่ในกรอบร้อยละ60ที่คณะกรรมการวินัยการเงินการคลัง เป็นผู้กำหนด การพิจารณาแผนการบริหารหนี้สาธารณะ รัฐบาลมีการจัดทำทั้งแผนระยะสั้น คือ แผนการบริหารประจำปี และระยะปานกลางคือแผนการบริหาร3ปีข้างหน้า โดยดูจากสภาวะเศรษฐกิจและขีดความสามารถในการชำระหนี้ของเรา ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเสนอต่อคณะกรรมการวินัยการเงินฯ เพื่อพิจารณา ส่วนการจัดเก็บรายได้ของแผ่นดินส่วนใหญ่ จะเป็นการจัดเก็บภาษีโดยจะมีการใช้เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกให้ประชาชนมาเสียภาษีมากขึ้นและมีการออกภาษีแนวใหม่ที่ยังไม่เคยจัดเก็บเช่นภาษีอิเล็กทรอนิคส์ต่างๆเพื่อเป็นการขยายฐานจัดเก็บทั้งนี้ข้อมูลทางด้านสถานะการเงินการคลังนั้น มีการแสดงไว้ในเอกสารฉบับที่ 5 แล้วสมาชิกสามารถดูได้
‘พิสิฐ’สอนหลักบริหารงบที่ดี
ด้านนายพิสิฐได้ตอบโต้ว่า การชี้แจงรมว.คลังเป็นเพียงบางส่วน ไม่ใช่ส่วนที่ตนแสดงความเป็นห่วงเพราะการร่วมทุนกับเอกชน เป็นเรื่องที่ทำอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เป็นห่วง คือนายกฯประกาศในคำแถลงของสภาฯว่าวิธีการแก้ปัญหา เรื่องของงบลงทุนจะอาศัยการกู้เงินในการออกกฎหมายตามพ.ร.บ.หนี้ เพราะหลักของการบริหารจัดการงบประมาณที่ดีควรจะอยู่ส่วนกลาง ด้วยการเก็บภาษีทุกอย่างมารวมไว้ตรงกลางแล้วกระจายออกไปโดยให้สภาฯมีการตรวจสอบ เปิดเผยข้อมูล แต่ทุกวันนี้ตัวอย่างของพรก.กู้เงิน 5 แสนล้านหรือพรก.กู้เงิน1ล้านล้านบาท มีการออกกฎหมายอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาสั้น ไม่มีข้อมูลปรากฎให้สส.หรือ สว.ตรวจสอบและรัฐบาลก็ใช้ไปเรื่อยๆ ถือว่านี่คือการทดแทนที่เราใช้งบลงทุนต่ำจึงถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องในหลักบริหารจัดการงบประมาณที่ดี จึงขอให้ระมัดระวังไม่ทำอีกซึ่งรัฐบาลอาจมีเหตุผลเรื่องโควิด-19แต่งบประมาณประจำปี ควรจัดการ เพื่อมาทำเรื่องโควิดให้มากกว่านี้ แทนที่จะอาศัยการกู้เงินที่ง่ายแต่จะสร้างผลกระทบที่ตามมาในเรื่องตัวเลขหนี้ที่เราเห็นกันมาแล้ว
ชี้ฐานะคลังคนละเรื่องเงินคงคลัง
“การปฏิรูปไม่ควรเฉพาะเรื่องภาษี ควรปฏิรูปเรื่องระบบงบประมาณด้วย เพราะตัวชี้วัดต่างๆที่กำหนดไว้เป็นข้อจำกัดที่รุงรังเกินไปหรือไม่ หากตั้งตัวชี้วัดไว้มากมาย จะเป็นเรื่องปัญหาระหว่างหน่วยงานมากกว่า ส่วนที่ว่านายกฯแถลง ฐานะการคลัง มีการชี้แจงตัวเลขคงคลัง ขอยืนยันว่า เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง เพราะฐานะการคลังกับเงินคงคลังคนละเรื่องกัน โดยนายกฯพูดเฉพาะเงินคงคลัง แต่ฐานะการคลัง เป็นเรื่องของรายรับรายจ่ายและการขาดดุลเงินสดและผลที่จะมีต่อหนี้ในที่สุด”นายพิสิฐ กล่าวย้ำ
‘บิ๊กตู่’เคลียร์‘อนุทิน’ปมภท.ถล่มงบ
ช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เดินทางมาถึงรัฐสภาเพื่อรับฟังการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯปี2565 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ส.ส.พรรคภูมิใจไทย อภิปรายท้วงติงไม่พอใจในการจัดทำงบประมาณว่าตนชี้แจงได้อยู่แล้วและได้ทำความเข้าใจกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุขในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเรียบร้อยแล้วรวมถึงมีการพูดคุยกันในคณะรัฐมนตรี(ครม.)แล้วด้วยถึงการจัดทำงบประมาณปี2565หลายเรื่องมีงบประมาณทดแทนในส่วนอื่นเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะความเดือดร้อนของประชาชนที่รัฐบาลดูแลทุกเรื่อง บางอย่างก็ใช้วงเงินนอกกรอบงบประมาณ จะบอกว่าใช้งบประมาณน้อย ก็คงไม่ใช่ ซึ่งอาจจะไม่ได้ดูรายละเอียดตรงนี้ ดังนั้น การพูดอะไรต่างๆก็ตาม มันต้องมีรายละเอียดมากพอสมควร
โยนอนุทินตัดสินใจชวนกลับบ้าน
เมื่อถามว่านายชาดา ไทยเศรษฐ ส.ส.อุทัยธานี รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อภิปรายกรณีตัดลดงบของกระทรวงสาธารณสุข พร้อมชวนนายอนุทินว่า”ผมอยากจะบอกหัวหน้าครับว่าถ้าเขาไม่รักก็กลับบ้านเราเถอะ”พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า”ก็แล้วแต่ เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรค ที่จะไปพิจารณาเอง”
เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับนายอนุทินในเรื่องนี้หรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า“คุยกันหมดแล้วท่านเข้าใจ ท่านก็บอกแล้ว”เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาลยังดีอยู่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม
เสี่ยแฮ้งค์ยันพปชร.ไม่โดดเดี่ยว
ด้านนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ให้สัมภาษณ์กรณีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ที่พรรคร่วมรัฐบาลทั้งประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยต่างอภิปรายโจมตีการจัดทำงบประมาณซึ่งดูเหมือน พรรคพลังประชารัฐกำลังถูกโดดเดี่ยวหรือไม่ว่า ไม่มีอะไรหรอก ก็ธรรมดา ยืนยันพรรคร่วมรัฐบาล เหนียวแน่นอยู่แล้ว ส่วนตัวมองว่าการอภิปราย พรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้พูดถล่มรัฐบาล เป็นการพูดกันปกติ ถึงเรื่องที่ต้องทำร่วมกัน ไม่มีอะไรขัดแย้ง ส่วนที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อภิปราย บอกให้หัวหน้าพรรค กลับบ้านดีกว่า ถ้าเขาไม่รักนั้น นายอนุชาไม่ตอบคำถามก่อนโบกมือให้สื่อแล้วขึ้นไปประชุม ครม.
สภาถกพรก.เงินกู้5แสนล้าน9มิ.ย.
นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม วงเงินไม่เกิน 500,000 ล้านบาท ได้ส่งถึงสภาฯแล้ว เมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา และ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้สั่งให้บรรจุระเบียบวาระ เพื่อให้สภาฯ พิจารณาอนุมัติ พ.ร.ก.ดังกล่าว ในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ ตั้งแต่เวลา 09.30น.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี