อนุทินยัน7มิ.ย.ได้ฉีดวัคซีน
แอสตราฯมาแน่
ทยอยมาจนครบ6ล้านโดส
สธ.ขยายเตียงไอซียูรับผู้ป่วยหนัก
น่าห่วงกทม.แรงงานเถื่อนติดโควิดอื้อ
เร่งส่งรักษารพ.สนามนิมิบุตร
ไทยติดเชื้อรายวัน2,230-ดับ38ศพ
ไทยติดโควิดเพิ่ม 2,230 ราย ตาย 38 ศพ สะสม1,069 ราย ระบาดทั่วประเทศเริ่มลด เว้นกทม.-ปริมณฑลยังแรง เกิดคลัสเตอร์ใหม่ รง.อาหารแช่แข็งปากน้ำ ติดเชื้อกว่าครึ่งร้อย ส่วน“สระแก้ว”ที่กักตัวในจังหวัดไม่พอ ขอศบค.อนุมัติใช้สถานกักตัวจังหวัดใกล้เคียง ด้านกรมการแพทย์ห่วงแรงงานเถื่อนป่วยอื้อเร่งหาเตียงรองรับ ในรพ.สนามอาคารนิมิบุตร “อนุทิน”ย้ำ 7 มิถุนายนมีวัคซีนแอสตราฯฉีดแน่นอน โดยจะทยอยส่งมอบจนครบ 6 ล้านโดส ในเดือนมิถุนายนลั่นกระจายส่งตามแผนคนฝันลมๆแล้งๆ ขอวัคซีนไปบริหารไม่ใช่ง่าย ศบค.ปัดเบรกมติกทม.ไฟเขียวเปิด5กิจกรรมกิจการ แต่ทุกเรื่องต้องชงเข้าศบค.ชุดใหญ่ให้นายกฯเคาะ ขณะที่บิ๊กตู่ยันต้องยึดมติ ศบค.ไม่ผ่านศบค.ผมก็อนุมัติให้ไม่ได้ ที่สำคัญ โควิด กทม.ยังแรง ส่วนครม.เห็นชอบจัดหา”รถชีวนิรภัย-รถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ”22คัน วงเงิน 129ล้าน เร่งตรวจค้นหาเชิงรุกกลุ่มเสี่ยง
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตประจำวันของไทย
ติดเชื้อ2,132คนสะสม1.62แสนคน
โดยนพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.แถลงว่า วันนี้ไทยมีผู้ติดเชื้อใหม่ 2,230 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,132 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 1,326 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 806 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 77 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 21 ราย ในจำนวนนี้มี 2 ราย เป็นผู้เดินทางจากเส้นทางธรรมชาติทางเรือมาจากอินโดนีเซีย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 162,022 ราย หายป่วยเพิ่มเติม 3,390 ราย ทำให้มียอดหายป่วยสะสม 111,735 ราย อยู่ระหว่างรักษา 49,218 ราย อาการหนัก 1,236 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 378 ราย
ตายเพิ่ม38-กทม./ปริมณฑลยังแรง
นอกจากนี้ มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 38 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 1,069 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 171,460,654 ราย เสียชีวิตสะสม 3,564,817 ราย สำหรับ 5 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ กทม. 864 ราย สมุทรปราการ 253 ราย เพชรบุรี 166 ราย ตรัง 164 ราย นนทบุรี 112 ราย ขณะที่ภาพรวมการระบาดของประเทศลดลง แต่กทม.และปริมณฑลยังไม่ลดลง พบคลัสเตอร์ใหม่อยู่ที่โรงงานอาหารแช่แข็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ที่มีผู้ติดเชื้อ 55 ราย
ใช้บับเบิลแอนด์ซีลคุมรง.-เข้มตลาด
อย่างไรก็ตาม ในส่วนกทม. ผู้ติดเชื้อกระจายอยู่หลายเขต โดยผอ.ศบค.สั่งให้กำหนดมาตรการเข้มเป็นจุดๆ เพราะสิ่งที่เรียนรู้มาสถานที่จะซ้ำอยู่ที่ตลาด ชุมชน แคมป์คนงาน จึงให้เพิ่มมาตรการเฉพาะเจาะจง โดยให้ศปก.กทม.ดูแล แบ่งเป็นกลุ่มเขต เพื่อให้ได้ผลในการบริหารจัดการได้ดีกว่า ส่วนมาตรการที่จะออกมา เช่น บับเบิลแอนด์ซีล ให้พิจารณาผลของการควบคุมโรคประกอบกับผลกระทบทางสังคม เพราะหากมีการปิดแคมป์ ตลาด จะทำให้แรงงานไม่มีงานทำ คนกลุ่มเสี่ยงจะกระจัดกระจายออกไป อาจนำเชื้อออกไป ดังนั้น จึงพูดคุยกันว่าการทำบับเบิลแอนด์ซีล ถ้ามีกรอบชัดเจนแล้ว ส่งข้าวส่งน้ำเพื่อให้เขาทำงานได้ต่อ เช่นนี้จะทำให้เศรษฐกิจเดินได้ เนื่องจากเศรษฐกิจตอนนี้ขึ้นอยู่กับภาคอุตสาหกรรม การใช้มาตรการปิดไม่ได้เป็นคำตอบทั้งหมด มาตรการเหล่านี้เราเคยใช้มาแล้วในโรงงานและได้ผลด้วย
สระแก้วขอใช้จว.ใกล้เคียงตั้งที่กักตัว
นพ.ทวีศิลป์ยังกล่าวอีกว่า ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย 164 ราย โดยผอ.ศบค.ย้ำฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครองเข้มงวดป้องกันเรื่องดังกล่าว โดยที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กได้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับ จ.สระแก้ว ที่ติดกับกัมพูชาและมีคนเดินทางเข้ามาร่วมพันคน เชื่อว่าในคนกลุ่มนี้มีติดเชื้อจำนวนสูง หลายสิบเปอร์เซ็นต์ ขณะนี้โรงพยาบาล โรงพยาบาลสนามทั้งภาครัฐและเอกชนยังดูแลกันได้ มีเตียงพอ แต่กรณีผู้ไม่ได้เจ็บป่วย ต้องมีสถานที่กักตัวของรัฐ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสระแก้วรายงานว่า พื้นที่ตรงนี้อาจไม่พอ ขอพื้นที่เพิ่มอาจใช้จังหวัดใกล้เคียง ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กเห็นชอบเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเราเปิดให้เขาเข้ามาถูกต้อง ไม่ต้องลักลอบเข้ามา จึงต้องมีที่ให้เขาอยู่พักอาศัย
สธ.ยันได้ฉีดแอสตร้าฯตามแผน7มิย.
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตราเซเนกาที่กำหนดไว้ในเดือนมิถุนายนว่า วัคซีนเป็นไปตามกำหนด แอสตราฯ แจ้งว่าจะส่งภายในเดือนมิถุนายน ซึ่งวันนี้มิถุนายนแล้ว ทราบว่าส่งเอกสารตรวจมาตรฐานมายังกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แจ้งว่าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ส่วนจำนวนเท่าใดต้องสอบถามกรมควบคุมโรค แต่เบื้องต้นทั้งกรมควบคุมโรค และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันว่าเป็นไปตามแผนทันวันที่ 7 มิถุนายนแน่ สิ่งสำคัญอย่าลืมที่ตนพูดว่าวัคซีนมีฉีดให้คนไทยตามกำหนดการ ไม่ต้องลงไปถึงว่าวัคซีนยี่ห้ออะไร เพราะทุกยี่ห้อคุณสมบัติเท่าเทียมกัน สำหรับกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้มองว่าวันไหน เวลาไหน เพราะฉีดทุกวัน ทั่วประเทศประมาณ 4-5 ล้านเข็ม เริ่มมาเรื่อยๆ
“ทั้งนี้ การกระจายวัคซีน เป็นเรื่องของฝ่ายควบคุมโรคว่าจะเอาวิธีไหนมาใช้อย่างไร แต่วัคซีนทุกชนิดมีคุณสมบัติป้องกันโรคไม่ให้ป่วยหนักเสียชีวิต แอสตร้าฯ ภูมิขึ้นเร็วหน่อย มีการพูดว่าถ้ามีพื้นที่ระบาด ให้เอาแอสตราฯ อัดไปก่อน เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นเรื่องวิชาการและทางการแพทย์ ผมไม่มีสิทธิหืออืออยู่แล้ว ผมมีหน้าที่บริหารให้มีวัคซีน หางบปริมาณไปฉีด หาวัคซีน เวชภัณฑ์ ผมมีหน้าที่เท่านี้ ผมบอกแล้วว่าวันที่ 7 มิถุนายนมีวัคซีนฉีดทุกคน ใครนัดมาแล้วต้องมีวัคซีนฉีดตามนัด ส่วนใครขึ้นทะเบียนกับแอพพลิเคชั่นอื่น ก็ต้องไปถามคนรับผิดชอบแอพนั้น” นายอนุทิน กล่าว
ยันกระจายวัคซีนเป็นไปตามแผน
และว่า ส่วนกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์เมื่อมีวัคซีนทางเลือก อย่างซิโนฟาร์มแล้ว ไม่หวังพึ่งวัคซีนจากสธ.นั้น ทุกคนมีสิทธิคิด เมื่อเขามีแผนกระจายวัคซีนยืนยันว่า เป็นไปตามแผน ถ้าหลุดนอกแผนมีแผนสองรองรับ วัคซีนเริ่มทยอยเข้ามา วันไหนมาเท่าไหร่ก็ออกไปเท่านั้น ไม่มีเก็บหรือแม้แต่คนที่คิดหวังว่าจะมาเบิกไปมากๆไปเก็บไว้ เผื่อไปแจกเองก็ไม่ได้ คนจะมาเบิกวัคซีนจากสธ.ต้องทำแผนให้ชัดเจนว่าจะใช้ภายในวันไหน อย่างไร ไม่ให้เก็บไว้นาน ไม่ให้เก็บเหลือ เราต้องกระจายทุกวันทุกหน่วยงาน เพราะต้องการให้มั่นใจว่าเก็บรักษาเป็นไปตามมาตรฐาน ก็มีคนฝันลมๆ แล้งๆว่าทำไมไม่จัดไปให้ ปีหนึ่งขอมา 1 ล้านโด๊ส ให้บริหารเองก็ไม่เกิดประโยชน์ เพราะของพวกนี้ต้องดูแลอย่างดี ไม่ง่ายอย่างนั้น
แอสตร้าฯเข้ามิย.6ล.โดส-2ยี่ห่อต่อคิว
ผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงจำนวนวัคซีนแอสตราฯมีรายงานว่าลอตแรกจะได้ประมาณ 1-2 ล้านโดส ซึ่งไม่ถึงยอดที่กระทรวงสาธารณสุขเคยแจ้งไว้กับประชาชนว่าเดือนมิถุนายนจะมีอย่างน้อย 6 ล้านโดส นายอนุทินกล่าวว่า วัคซีนจะทยอยเข้ามาเดือนมิถุนายนต้องครบ 6 ล้านตามกำหนด หากมีปัญหา บริษัทต้องจัดหามาให้ได้ ขณะนี้มีการเจรจาวัคซีนอยู่หลายตัว เช่น ไฟเซอร์ เพื่อฉีดให้กลุ่ม 12-18 ปี ขณะเดียวกันเจรจากับจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันเบื้องต้นน่าจะอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านโดส แต่ทราบว่ากำหนดส่งประมาณไตรมาส 4 ของปี
พร้อมฉีดคนจองผ่านค่ายมือถือ7มิย.
วันเดียวกัน ที่สถานีกลางบางซื่อ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ พร้อมด้วย พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนังและผอ.ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ นำสื่อมวลชนดูความพร้อมการให้บริการวัคซีนให้กลุ่มองค์กร 5,000 คนและประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนนัดหมายผ่านเครือข่ายมือถือ 4 แห่งได้แก่ เอไอเอส ดีแทค ทรูและบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ 5,000 คน ซึ่งจะเริ่มให้บริการวันที่ 7 มิถุนายนเป็นต้นไป โดยพญ.มิ่งขวัญกล่าวว่า ระหว่างนี้ถึงวันที่ 6 มิถุนายน เป็นการทดสอบรับการฉีดวัคซีน โดยให้บริการกับคนขับรถสาธารณะ และบุคลากรกระทรวงคมนาคม จากการซักซ้อมฉีดได้วันละ 10,000-12,000 คนจากนั้นจะเปิดให้บริการแก่ประชาชนทั่วไป เชื่อว่าจะให้บริการได้แน่นอน
ห่วงผู้ป่วยสีแดงกทม.นับพันทำเตียงตึง
นพ.สมศักดิ์กล่าวว่า กรณีตัวเลขผู้ติดเชื้อแต่ละวันยังเป็นหลักพันต่อเนื่อง ในส่วนเตียงรองรับผู้ป่วยนั้น กรณีค้นหาเชิงรุกและนำผู้ป่วยออกจากชุมชนมารักษา ขณะนี้ทำได้เร็วมีประสิทธิภาพ ไม่มีปัญหาแล้ว ช่วยทำให้ผู้ป่วยระดับสีเขียวไม่พัฒนาเป็นสีเหลืองและสีแดง และทำให้โรงพยาบาลเอกชนปิดฮอสปิเทล (Hospirel) ไปแล้วหลายแห่ง แต่ที่น่ากังวลคือ กลุ่มผู้ป่วยระดับสีแดงต้องใช้เตียงไอซียู โดยเฉพาะจำนวนผู้ป่วยเป็นหลักพันในกรุงเทพฯทำให้เตียงไอซียูของ รพ.โรงเรียนแพทย์ รพ.รัฐของกรมแพทย์ ค่อนข้างตึง ที่ผ่านมาได้ส่งต่อให้รพ.พลังแผ่นดิน รพ.ไอซียูสนามไปแล้ว 10 เตียงและขยายได้ถึง 40 เตียง
เร่งหาเตียงรองรับแรงงานเถื่อนป่วยอื้อ
“แต่ปัญหาที่พบขณะนี้คือ การค้นหาเชิงรุกในกลุ่มแรงงานต่างด้าว และพบผู้ติดเชื้อเป็นแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย ซึ่งโรงพยาบาลเอกชนไม่สามารถรองรับได้ เพราะไม่สามารถเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้ แรงงานผิดกฎหมายกลุ่มนี้ก็ต้องมารักษาในโรงพยาบาลรัฐ และต้องนำออกมาโดยเร็ว ไม่ให้อาการพัฒนาจากสีเขียว เป็นเหลืองและแดง เพราะจะกระทบการใช้เตียงไอซียูของโรงพยาบาลรัฐที่ตึงอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังพบแรงงานต่างด้าวชาวกินี พูดไทยไม่ได้ พูดอังกฤษไม่คล่อง 30 คน ขณะนี้ต้องให้โรงพยาบาลสนามอาคารนิมิบุตร รับไปดูแลก่อน” นพ.สมศักดิ์กล่าว
ศบค.ปัดเบรก5กิจการแค่รอนายกฯเคาะ
ด้านพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค. ) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกทม.มีมติเปิด 5 กิจการและกิจกรรมตั้งแต่วันนี้ (1 มิถุนายน) แต่ไม่กี่ชั่วโมงศบค.มีมติให้กทม.ขยายระยะเวลาปิดกิจกรรมกิจการดังกล่าวต่อไปอีก 14 วันว่า ไม่มีอะไรเพราะคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพฯ พิจารณามาตรการผ่อนคลายตามที่ภาคเอกชนขอมา เมื่อพิจารณาว่าไม่ขัดแย้งกับข้อกำหนดหรือแนวทางที่ศบค.กำหนดไว้ แต่นายกฯในฐานะผอ.ศบค.มองภาพรวม ย้ำว่าไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ซึ่งกรุงเทพฯให้ข่าวแค่เบื้องต้น ยังไม่ออกเป็นคำสั่งทางการ ยืนยันไม่ได้เป็นการที่ศบค.เบรกกทม.ไว้ ยังไม่ใช่คำสั่งทางการนายกฯพิจารณาตัวเลขผู้ติดเชื้อยังสูงอยู่ และระบาดจำนวนมาก ขณะที่นายกฯเป็นห่วงภาพรวมจึงให้ชะลอเรื่องไว้ก่อน แต่นายกฯเข้าใจทั้งกทม.และผู้ประกอบการ จึงสั่งให้ตนหารือสธ.เร่งฉีดวัคซีนให้กลุ่มอาชีพที่กรุงเทพฯจะผ่อนคลาย ได้แก่ พนักงานนวดแผนโบราณ พนักงานเสิร์ฟอาหารช่างตัดผม ในกรุงเทพฯ เพื่อเตรียมการไว้ เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นจะอนุญาตให้ผ่อนคลายต่อไป
ชงกก.วัคซีนปมอบจ.ขอซื้อทางเลือก
ส่วนกรณีองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น(อบจ.)จังหวัดปทุมธานีจะขอซื้อวัคซีนทางเลือก โดยให้ศบค.เป็นผู้ตัดสินใจ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า วันเดียวกันนี้ตนจะรับข้อเสนอจากสธ. ซึ่งมีนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธานคณะกรรมการวัคซีนทางเลือก จะมาหาหรือร่วมกันและรายงานนายกรัฐมนตรี เพื่อเห็นชอบแนวทาง เรื่องนี้มีอยู่ 2 ประเด็นคือ 1.การสั่งวัคซีนเข้ามาและการซื้อวัคซีนในประเทศ 2.การที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะขอซื้อทำให้เกิดความสับสนสนและไม่ใช่การสั่งซื้อเองจากต่างประเทศเข้ามาภายในราชอาณาจักร แต่เป็นการสั่งจองวัคซีนผ่านทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ทุกอย่างต้องฟังความคิดเห็นในที่ประชุม ทั้งด้านกฎหมายและให้นายกฯตัดสินใจ
กทม.สั่งปิด35กิจการต่อถึง14มิ.ย.
ขณะที่วันเดียวกัน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงนามออกประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่ชั่วคราว (ฉบับที่31) สาระสำคัญคือ เพื่อป้องกันและควบคุมโรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร จึงมีมติที่ประชุมครั้งที่ 16/2564 เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 มีคำสั่งดังต่อไปนี้ 1.ให้ปิดสถานที่และใช้บังคับมาตรการ ที่ระบุไว้ในประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 25) ลงวันที่ 25 เมษายน 2564 (ฉบับที่ 26) ลงวันที่ 30เมษายน 2564 และ (ฉบับที่ 29) ลงวันที่ 16 พฤษภาคม 2564 โดยขยายเวลาปิดกิจการ 35ประเภท ต่อไปอีก 14วัน ตั้งแต่วันที่ 1-14 มิ.ย.64
ไม่ผ่านศบค.อนุมัติไม่ได้-กทม.ยังแรง.
ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. ยกเลิกมติกทม.สั่งเปิดสถานประกอบการ 5 ประเภทว่า ตนบอกไปแล้วว่าการพิจารณามติต้องผ่านที่ประชุมศบค.ก่อน เพราะสถานการณ์ในกทม.มีการระบาดของโควิด-19 จำนวนมาก จึงต้องชะลอไปก่อน ดังนั้น จึงพูดไปก่อนไม่ได้ หากไม่มีมติขึ้นมาจากศบค. ตนจะอนุมัติให้ไม่ได้
มติกก.โรคติดต่อกทม.แค่ผลประชุม
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวเพื่อตอบคำถามสื่อมวลชนแทนนายกฯที่มอบหมายให้ทำหน้าที่ ถึงเหตุผลที่ศบค.ชะลอมติกทม.เรื่องการผ่อนคลายกิจการกิจกรรม 5 ประเภทว่า สถานการณ์ระบาดในภาพรวมของกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันยังคงมีอยู่ ดังนั้นการที่คณะกรรมการโรคติดต่อ ของกรุงเทพมหานคร ประชุมและมีผลสรุปออกมานั้น ยังไม่ได้เสนอเข้าศบค.ในกทม.และปริมณฑล ดังนั้น มติของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครจึงยังไม่มีผล เป็นเพียงการแถลงข่าวผลประชุม ซึ่งต้องนำเข้าศบค.ชุดใหญ่อีกครั้งก่อน เพื่อพิจารณารายละเอียด จึงได้ชะลอมติดังกล่าวไว้ ยืนยันว่าคำสั่งดังกล่าวของ กทม.ยังไม่มีผล แต่ยอมรับว่าอาจส่งผลให้ประชาชนสับสนในเบื้องต้น
ทุ่ม129ล.จัดหารถชีวนิรภัย-วิเคราะห์ผล
นายอนุชากล่าวถึงที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)วันนี้อนุมัติกรอบวงเงิน 129.3028 ล้านบาท สำหรับจัดหารถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยแบบ 2 จุดบริการ (Biosafety Mobile Unit) 11 คัน และรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ (Express Analysis Mobile Unit) 11 คัน เพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อระดับพื้นที่ และเป็นห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่ในการตรวจวิเคราะห์ผลโรคโควิดรวม 22 คัน โดยมีแผนที่จะใช้รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยและรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษเดือนสิงหาคมและกันยายน เพื่อช่วยสนับสนุนค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกโดยเฉพาะในชุมชนแออัด ตลาด แคมป์คนงาน รวมถึงคลัสเตอร์ใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตซึ่งปัจจุบันไทยใช้งานรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ 5 คัน ควบคู่กับรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย 21 คัน
“รัฐบาลและประชาชนซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ จากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย ซึ่งประสบความสำเร็จช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบเฝ้าระวังและค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 เชิงรุก ควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ให้อยู่ในวงจำกัดช่วยลดผลกระทบด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สังคม และเพิ่มความมั่นคงของประเทศด้วย”นายอนุชากล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี