"วิโรจน์"สับแหลกเงินกู้ 5 แสนล้านเหมือนถูกวางยาสลบซ้ำ ถลุงมาแก้โควิดเหลว ลั่นจะไม่ยอมให้"ลุง"ผลาญจนลูกหลานมาตามใช้หนี้
เมื่อเวลา 16.16 น.วันที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายต่อที่ประชุมสภาฯ วาระพิจารณา พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาทว่าว่า เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทก่อนหน้านี้ ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ เยียวยา สาธารณสุข และฟื้นฟู เปรียบเหมือนกับประเทศเป็นคนที่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรง จากขาหัก สะโพกหัก เงินเยียวยาก็เหมือนยาสลบ เพื่อให้หมอผ่าตัดรักษา ซึ่งคืองบสาธารณสุข จากนั้นค่อยไปทำกายภาพบำบัดให้กลับมาเดินเหินได้เหมือนคนปกติ นั่นคืองบฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่สิ่งที่รัฐบาลทำคือ ฉีดยาชา วางยาสลบ แล้วพอตื่นขึ้นมาก็ตกใจที่หมอยังไม่ผ่าตัดอะไรให้ มองไปมีแต่ทิงเจอร์มาทา พอยาชาหมดฤทธิ์ก็กลับมาเจ็บปวดเหมือนเดิม การกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ก็หวังผลอะไรไม่ได้เลย ทุกอย่างที่ทำลงไปก็พังพาบไปทันทีเมื่อเกิดการระบาดโควิด-19 อีก
"การรายงานการฉีดวัคซีนต้องไม่ใช่การรายงานจำนวนโดสที่ฉีดไปแล้ว 4.6 ล้านโดสมาหลอกประชาชน หากรายงานแบบนี้ก็ฉีดอีกแค่ 1.1 ล้านโดสก็ชนะประเทศสิงคโปร์แล้ว ที่มีประชากรแค่ 5.7 ล้านคน หากเป้าหมายคือการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ต้องฉีดให้ประชากรให้ถึง 70 % การรายงานจะต้องรายงานสัดส่วนประชากรที่ได้รับวัคซีนเป็นดัชนีสำคัญ ซึ่งวันนี้ประเทศไทยฉีดเข็มแรกยังไม่ถึง 5% ของ และเข็มสองเพียงแค่ 2% เท่านั้นเพียง ถือว่า ล่าช้าอยู่มาก" นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ อภิปรายว่า ธุรกิจที่ได้รับการบอบช้ำที่สุดคือ ธุรกิจการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นภาคธุรกิจที่สำคัญของประเทศ การที่รัฐบาลยังไม่ชัดเจนในการควบคุมการระบาด ได้ทำให้โรงแรมในภาคใต้ปิดตัวไปแล้วไปกว่า 90% ที่แย่กว่านี้คือไม่รู้จะแย่แบบนี้ไปอีกเมื่อไหร่ การระบาดของ โควิด-19 ทำคนในภาคธุรกิจท่องเที่ยวตกงานไปแล้วกว่า 1 ล้านคน และอาจจะไหลไปถึง 2 ล้านคน รายได้จากการท่องเที่ยวเมื่อปี 2563 มีมูลค่าสูงถึง 3 ล้านล้านบาท ตอนนี้เหลืออยู่เพียง 8 แสนล้านบาทเท่านั้น และมีแนวโน้มจะลดลง ส่วนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟสหนึ่ง และฟสสองที่ผ่านมาก็ไม่ได้เสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ และโรงแรมคนไทย แต่เป็นการนำเงินภาษีของประชาชน ไปดึงสภาพคล่องให้เอเจนซี่รับจองที่พักออนไลน์ ซึ่งเป็นเอเจนซี่ต่างชาติ เป็นการบีบให้ผู้ประกอบการคนไทยต้องไปแข่งขันกับต่างชาติ และต้องจ่ายค่าโฆษณาให้กับแอพพลิเคชั่นต่างชาติ
นายวิโรจน์ กล่าวว่า การขอกู้เงินเพิ่ม 5 แสนล้านบาท เหมือนเป็นการวางยาสลบอีกรอบหนึ่ง ซึ่งเป็นค่ารักษาที่ต้องจ่ายแน่ แต่ควรเปลี่ยนไปรักษาโรงพยาบาลอื่นที่ไม่ใช่ โรงพยาบาลจันทร์โอชา รัฐบาลนี้กู้มาถลุงแล้ว 1.1 ล้านบาท ทั้งยังขาดสติปัญญาในการจะจัดลำดับความสำคัญ ไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน ล้มเหลวในการกระจายความเสี่ยง ในการจัดซื้อจัดหาวัคซีน ทั้งยังจัดฉีดวัคซีนล่าช้า กระจายวัคซีนเหลื่อมล้ำ แต่ยังมีหน้าไปโทษโรงพยาบาลว่าที่ต้องเลื่อนฉีดวัคซีน เพราะโรงพยาบาลฉีดเร็ว ตนก็สงสัยว่าถ้าโรงพยาบาลฉีดช้าแล้วสต๊อกวัคซีนจะงอกออกมาตามธรรมชาติหรืออย่างไร ทั้งนี้รัฐบาลต้องจัดส่งวัคซีนให้แต่ละแห่งเท่าไหร่ สามารถดูจากยอดจองผ่านหมอพร้อม แต่ความล้มเหลวในการบริหารระบบสาธารณสุข ทำให้ประชาชนต้องตายคาบ้าน เพราะหาเตียงรักษาไม่ได้ แถมยังใช้จ่ายเงินกู้ที่ประชาชนต้องแบกรับในอนาคต
"เงินกู้ 5 แสนล้านบาท มีความจำเป็น แต่จะปล่อยให้รัฐบาลนี้กู้ไปถลุงแบบนี้ต่อไปไม่ไหว จะปล่อยให้ลุงกู้ไปผลาญแล้วให้ลูกหลานตามใช้หนี้แบบนี้ไม่ได้ และนายกรัฐมนตรีที่จะกู้ต้องไม่ใช่คนที่ชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายวิโรจน์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี