เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2564 เวลา 15.00 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายคริสเตียน เรเรน บาร์เกตโต (H.E. Mr. Christian Rehren Bargetto) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐชิลีประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสพ้นจากหน้าที่ โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณเอกอัครราชทูตฯ ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความแข็งขัน ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยไทยมุ่งหวังที่จะกระชับและขยายความสัมพันธ์ให้ก้าวหน้าร่วมกันต่อไป ซึ่งในปี 2565 ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ชิลีจะครบรอบ 60 ปี พร้อมฝากความปรารถนาดีไปยัง นายเซบัสเตียน ปิญเญรา ประธานาธิบดีชิลี รวมทั้งแสดงความยินดีกับความสำเร็จของชิลีในการเป็นประธานกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก (Pacific Alliance-PA) ซึ่งสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการส่งเสริมการค้าเสรี
เอกอัครราชทูตฯ กล่าวยินดีที่ได้มาดำรงตำแหน่งในไทยตลอดระยะเวลากว่า 3 ปี ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทั้งรัฐบาลไทยและภาคส่วนต่าง ๆ มาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเป็นความท้าทายของทุกประเทศ ในการดำเนินนโยบาย และแนวทางแก้ไขปัญหาและส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน พร้อมชื่นชมแนวทางการจัดการสถานการณ์โควิด-19 ของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการ Phuket Sandbox ที่จะสามารถเป็นแนวทางในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเชื่อมั่นว่าจะเป็นต้นแบบให้แก่จังหวัดอื่น ๆ ในไทยได้เช่นกัน พร้อมยืนยันว่า แม้จะพ้นจากหน้าที่ไปแล้ว จะยังคงสานต่อความร่วมมือระหว่างไทย-ชิลีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความร่วมมือทางเศรษฐกิจภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือผ่านกลไกทวิภาคี นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าการค้าของไทย-ชิลี ยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจากชิลีถือเป็นอีกหนึ่งประตูทางการค้าที่สำคัญของไทยในภูมิภาคลาตินอเมริกา โดยจะส่งเสริม FTA ไทย-ชิลี ซึ่งเอกอัครราชทูตฯ เห็นด้วย เพราะจะเป็นโอกาสในการเพิ่มมูลค่าการค้าและสร้างความหลากหลายของประเภทสินค้าระหว่างกันมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เสนอแนวทางเพื่อมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนของรัฐบาลไทยที่มุ่งขยายการลงทุนในมิติใหม่ ๆ ในสาขาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและพลังงานทดแทน ตามหลัก BCG โมเดล และการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมทั้งความร่วมมือด้าน Startup ระหว่างสำนักนวัตกรรมแห่งชาติของไทยและสำนักงานพัฒนาการผลิตแห่งชิลี (Chilean Production Development Agency-CORFO) เพื่อสร้างเครือข่ายธุรกิจและพัฒนานวัตกรรมทางการค้าร่วมกัน ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตฯ ได้สนับสนุนให้ไทยมีความร่วมมือกับชิลีในเเผนงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาไทย-ชิลี ซึ่งมีการส่งเสริมการปลูกและธุรกิจการเกษตรสำหรับสินค้าพืชคีนัวในไทยให้เกษตรกรสามารถเพาะปลูกและมีรายได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งเอกอัครราชทูตฯ สนใจที่จะมีความร่วมมือด้านการประมงกับไทยด้วย
ในส่วนของความร่วมมือทวิภาคี รวมถึงการพัฒนาในกรอบอาเซียน ประเทศไทยสนับสนุนนโยบายของชิลีในการกระชับความสัมพันธ์กับอาเซียนภายใต้กลุ่ม กลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก (PA) และ เวทีความร่วมมือระหว่างเอเชียตะวันออกกับลาตินอเมริกา (Forum for East Asia :FEALAC) เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคเอเชียและลาตินอเมริกาให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้มากยิ่งขึ้นในสาขาที่แต่ละประเทศมีความเชี่ยวชาญซึ่งเอกอัครราชทูตเห็นว่า จะเป็นโอกาสที่ดีเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี