(ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว)
ครั้งที่ 2 คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองได้ให้ความเห็นไว้ในเรื่องเสร็จที่ 214/2558 โดยสรุปว่า การกันบุคคลหรือผู้ถูกกล่าวหาไว้เป็นพยานตามมาตรา 103/6 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มีผลเพียงทำให้ผู้ที่ได้มีมติกันไว้เป็นพยานไม่ถูกดำเนินคดีในทางอาญาและไม่ถูกชี้มูลความผิดทางวินัย แต่ไม่อาจทำให้คำสั่งทางปกครองในส่วนที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรงและชัดแจ้งดังกล่าวที่ไม่มีผลมาตั้งแต่ต้น กลับมามีผลตามกฎหมายได้ เว้นแต่จะมีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่ ตามมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ทั้งนี้ผู้ถูกกันไว้เป็นพยานรายหนึ่งได้ฟ้องศาลปกครองโดยศาลปกครองสูงสุดได้พิพากษายกฟ้อง ดังนั้นการเพิกถอนประกาศเรื่องผลการสอบคัดเลือก (บางส่วน) ดังกล่าว ซึ่งผู้ถูกกันเป็นพยาน รวมอยู่ด้วยจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ครั้งที่ 3 คณะกรรมการปฏิบัติราชการทางปกครองได้ให้ความเห็นไว้โดยสรุป (เรื่องเสร็จที่ 983/2562) ตามมาตรา 135 วรรคสาม(พ.ร.ป. ป.ป.ช.2561) เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ให้บุคคลที่ได้รับการกันไว้เป็นพยานได้รับความคุ้มครองทั้งตำแหน่งของพยานที่ดำรงอยู่และเลื่อนขั้นเงินเดือนรวมทั้งสิทธิประโยชน์อื่นด้วยนั้น บทบัญญัติดังกล่าวเป็นมาตรการกันบุคคลซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดไว้เป็นพยานและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของบุคคลดังกล่าวเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการประกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งสิทธิประโยชน์อื่นนั้นต้องเป็นสิทธิที่ชอบด้วยกฎหมายแต่กรณีนี้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าบุคคลที่คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติกันไว้เป็นพยานนั้นได้กระทำการทุจริตในการสอบคัดเลือกด้วยการผ่านการสอบคัดเลือกที่ทุจริตนั้น จึงไม่ใช่สิทธิประโยชน์อื่นตามความหมายของมาตรา 135 วรรคสามดังกล่าว
3.ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ถูกกันไว้เป็นพยานบางรายฟ้องต่อศาลปกครอง โดยศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ อบ 49/2562 ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2562 มีคำพิพากษาโดยสรุปว่า การที่ส่วนราชการไม่ได้ดำเนินการทางวินัยและทางอาญาต่อผู้ฟ้องคดีที่ถูกกันไว้เป็นพยานถือว่าเป็นคุณแก่ผู้ฟ้องคดีมากแล้ว แต่การที่ผู้ฟ้องคดีได้รับความคุ้มครองไม่ต้องถูกชี้มูลความผิดดังกล่าวนั้น ก็ไม่มีผลให้ผู้ฟ้องคดีซึ่งไม่มีสิทธิเข้ารับการศึกษาอบรมหลักสูตรนายอำเภอ กลับเป็นผู้มีสิทธิเข้ารับการอบรมในหลักสูตรดังกล่าวได้ เพราะว่าการที่ไม่ได้เข้ารับการอบรมเป็นผลมาจากการที่ผู้ฟ้องคดีสอบไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่ทางราชการกำหนดไว้ซึ่งแยกออกเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหากจากความรับผิดทางวินัยและทางอาญา และยังเป็นการขัดต่อหลักความเสมอภาคและความเป็นธรรมเพราะจะมีผลให้ข้าราชการรายอื่นที่สุจริตและสอบไม่ผ่านเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนดกลับมีสิทธิเข้าอบรมในหลักสูตรดังกล่าว
นอกจากนั้น การตีความในลักษณะนี้จะยังมีผลให้ข้าราชการหรือบุคคลผู้ถูกกล่าวหาซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตในการสอบ ต้องขวนขวายทุกวิถีทางเพื่อให้ตนเองได้รับการกันไว้เป็นพยาน เพราะนอกจากจะไม่ต้องถูกชี้มูลทางวินัยและทางอาญาแล้ว ยังจะมีผลให้ตนได้เข้ารับการศึกษาอบรมในหลักสูตรนี้ได้ทั้งที่ตนไม่มีความรู้ความสามารถตามเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนดอันเป็นการส่งเสริมให้มีการทุจริตมากยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นการขัดต่อนโยบายในการปราบปรามการทุจริตภาครัฐที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอีกด้วย จึงยกฟ้อง และเห็นว่าการที่ส่วนราชการได้ออกประกาศเรื่องยกเลิกผลการคัดเลือกข้าราชการเพื่อเข้าศึกษาอบรมหลักสูตรนายอำเภอปีงบประมาณดังกล่าวนั้น (บางส่วน) จำนวน 139 ราย (ซึ่งรวมถึงข้าราชการกลุ่มที่คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติให้กันเป็นพยานรวมอยู่ด้วย จำนวน 20 ราย) นั้น ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
(อ่านต่ออาทิตย์หน้า)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี