22 มิ.ย.64 น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟชบุ๊กส่วนตัว "Bow Nuttaa Mahattana" ในหัวข้อเรื่อง "นับถอยหลัง 120 วัน อะไรที่ต้องมีก่อนเปิดประเทศ?" โดยมีเนื้อหาดังนี้
การประกาศเป้าหมาย 120 วัน เพื่อนำสู่การเปิดประเทศเมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมาโดยนายกรัฐมนตรี เป็นเป้าหมายที่ได้รับการตอบรับจากภาคเอกชน ดังเห็นได้จากบทสัมภาษณ์คุณเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่ให้สัมภาษณ์กับประชาชาติธุรกิจไว้ว่า “ตอนที่ประกาศผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจผมก็ดีใจ และแปลกใจที่ท่านนายกรัฐมนตรีออกมาพูดบอกว่า เราจะเปิดประเทศใน 120 วัน ยอมรับความเสี่ยงไปด้วยกัน คำว่ายอมรับความเสี่ยง ผมว่ามีนัยเยอะนะ ผมพูดมาโดยตลอดเวลาว่า เรื่องสาธารณสุข เรื่องของเศรษฐกิจ ภาวะสมดุลของทั้ง 2 เรื่อง เป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้น วันนี้ที่บอกว่ายอมรับความเสี่ยง แสดงว่าท่านเริ่มยอมรับระหว่างสาธารณสุขกับเรื่องปากท้อง เรื่องของเศรษฐกิจ เพราะมันอยู่ไม่ได้หรอกแบบนี้…”
แน่นอนว่ากลุ่มผู้ประกอบการระดับบริหารล้วนเข้าใจว่าการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเคยทำรายได้เป็นสัดส่วนสูงถึง 10% ของ GDP คิดเป็นเงินนับล้านล้านบาทในแต่ละปี และสำคัญมากสำหรับระบบเศรษฐกิจโดยเฉพาะในวันที่เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจดับแทบครบทุกตัว แต่ในอีกทางเสียงของประชาชนจำนวนหนึ่งกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม เพราะยังผวาและหวาดกลัวกับตัวเลขผู้ติดเชื้อ ประกอบกับความไม่มั่นใจในศักยภาพของรัฐบาลในการบริหารสถานการณ์โดยเฉพาะการจัดการวัคซีนในช่วงเวลาที่ผ่านมา ในฐานะประชาชนผู้ติดตามสถานการณ์และยุทธศาสตร์การบริหารสถานการณ์โควิด คิดว่ายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำและต้องมีก่อนจะบรรลุเป้าหมายได้จริง จึงขอเสนอความเห็นถึงสิ่งที่คิดว่าขาดไม่ได้ไว้ดังนี้
1. Prioritization การจัดลำดับความสำคัญ
“กำหนดกลุ่มกิจการสำคัญ และเมืองท่องเที่ยว”
สิ่งสำคัญที่ต้องมีแน่ๆในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบและผ่านการตรวจเชื้อก่อนเดินทางแล้ว คือพื้นที่และสถานบริการที่พร้อมให้บริการ ซึ่งนั่นหมายถึงความพร้อมทั้งในภาคการท่องเที่ยว และความพร้อมทางสาธารณสุขที่จะดูแลนักท่องเที่ยวได้หากเกิดมีการติดเชื้อระหว่างการท่องเที่ยวในเมืองไทย จึงควรต้องมีการ “จัดลำดับความสำคัญ” ว่ากิจการประเภทใดบ้างที่ต้องได้รับการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ระหว่างนี้ ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมในการให้บริการ และความพร้อมด้านสุขอนามัยของผู้ให้บริการเอง ซึ่งถ้าทำพร้อมกันทั่วประเทศไม่ได้ ก็จะต้องกำหนดโซนจังหวัดที่เป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของการท่องเที่ยวให้พร้อมก่อน
2. Preparation การเตรียมความพร้อม
“ให้เงินสนับสนุนกิจการที่เกี่ยวข้องให้พร้อมเปิดบริการ ฉีดวัคซีนกลุ่มเป้าหมาย”
เมื่อจัดลำดับความสำคัญทั้งในการทำโซนนิ่งและระบุประเภทกิจการแล้ว ก็สามารถดำเนินการตามแผนเพื่อเตรียมความพร้อม ในทางปฏิบัติอาจหมายถึงการสำรวจความพร้อมของผู้ประกอบการ และให้การสนับสนุนทางการเงินเพื่อฟื้นฟูกิจการที่ขาดความพร้อมจากวิกฤตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารผับบาร์ โรงแรม ร้านนวด ผู้ให้บริการทัวร์ ขนส่งสาธารณะ หรือร้านค้าต่างๆสำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งความพร้อมเหล่านี้จะช่วยสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวที่เป็นปกติมากที่สุด ไม่เซ็ง ซบ เซา นอกจากนี้ การระดมฉีดวัคซีนในพื้นที่ดังกล่าวรวมถึงกลุ่มเป้าหมายนอกพื้นที่ให้ได้ถึงระดับที่ตั้งเป้าไว้ก็มีความสำคัญ เพราะเมื่อมีการเปิดพื้นที่สำหรับการท่องเที่ยวแล้ว นักท่องเที่ยวชาวไทยก็จะเข้าไปร่วมใช้บริการ จึงต้องมีการป้องการการแพร่เชื้อระหว่างคนไทยด้วยกันเองด้วย
3. Precaution ความรอบคอบ
“ตั้งเกณฑ์กรองนักท่องเที่ยวและขั้นตอนการตรวจสอบที่รัดกุม มีแผนสำรองและการชดเชยหากต้องยกเลิก”
การตั้งหลักเกณฑ์ที่รัดกุมในระดับที่สมเหตุสมผลและสื่อสารล่วงหน้าจะทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรู้ตัวล่วงหน้าว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรหรือคาดหวังอะไรได้บ้าง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ต้องวางแผนล่วงหน้า คุณสมบัติอย่างไรบ้างที่เราจะให้ผ่านเข้าประเทศ ต้องฉีดวัคซีนล่วงหน้าให้ครบถ้วนอย่างไร การคัดกรองเชื้อก่อนบิน หรือการระบุกลุ่มประเทศปลอดภัยก็เป็นไอเดียที่เราสามารถประยุกต์จากประเทศที่เคยทำมาแล้ว นอกจากนี้ ทุกฝ่ายคงรับรู้ได้ตรงกันว่าทุกอย่างมีความเสี่ยงและเชื้อโควิดก็มีพัฒนาการใหม่ๆอยู่เสมอ ดังนั้นสิ่งที่ต้องมีเสมอคือ “แผนสำรอง” และความพร้อมที่จะยืดหยุ่น ปรับตัวรับกับสถานการณ์ได้ในทุกรูปแบบ แม้กระทั่งการยกเลิกที่จะต้องมีการชดเชยความเสียหายให้กับผู้เกี่ยวข้อง
4. Prerequisite สิ่งที่เป็นเงื่อนไขที่ต้องมีก่อน
“ระดับการระบาดในประเทศต้องลดลง จนมีเตียงว่างเพียงพอในระบบสาธารณสุข”
หัวใจของการรับมือกับโรคระบาดคือการปกป้องระบบสาธารณสุข เมื่อระบบสาธารณสุขอยู่ในภาวะที่ผ่อนคลายได้เมื่อไหร่ เราจะมีพื้นที่ให้รับความเสี่ยงและเกิดการขยับตัวทางเศรษฐกิจได้อีกมาก การตั้งเป้าหมายจำนวนเตียงคนไข้ที่ว่างลงในระยะเวลาที่เหมาะสมก่อนถึง 120 วัน (เช่น อีก 60 วันนับจากนี้เราจะต้องมีจำนวนเตียงว่างจากผู้ป่วยสะสมที่ลดลง 5,000+ เตียง) จึงเป็นอีกหมุดหมายสำคัญที่จะทำให้ทุกคนมองเห็นภาพความเป็นไปได้จริง อัตราการฉีดวัคซีนในโซนสำคัญให้ได้ตามแผนจึงเป็นอีกปัจจัยสำคัญ
*** เพราะความเสี่ยงที่แท้จริงของการเปิดประเทศไม่ได้เกิดจากนักท่องเที่ยวที่ผ่านการคัดกรองและฉีดวัคซีนแล้วเดินทางเข้ามา แต่คือการติดเชื้อเพิ่มขึ้นในหมู่คนไทยด้วยกันเองจากการออกไปใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติมากขึ้นระหว่างที่เศรษฐกิจกำลังจะฟื้นตัว ***
สุดท้าย การสื่อสารกับประชาชนอย่างสม่ำเสมอถึงแผนงานและสถานการณ์ปัจจุบันตามความเป็นจริงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ทุกขั้นตอนสำคัญและมีความพร้อมกับสิ่งที่กำลังจะมาถึง เพราะหากทำได้จริง คนไทยก็จะต้องเป็นเจ้าบ้านผู้สามารถต้อนรับผู้มาเยือนด้วยรอยยิ้มอย่างมั่นใจได้อีกครั้ง ไม่ใช่ด้วยแววตาของความหวาดกลัวตั้งข้อรังเกียจจากการขาดข้อมูลและทิศทางที่ชัดเจนค่ะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี