เดือดเป็นระยะ!‘ส.ว.วันชัย’ เดือดซัดพรรคการเมืองเป็นชุด เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่วุฒิสภา จ้องแต่แก้ระบบเลือกตั้งเอาชนะกัน ไม่เห็นหัวปชช. ดีแต่จ้อให้ป้องทุจริต แต่ก็ละเลย เจอสวนกลับ ‘รอยด่างปชต.’ ลาออกไปซะ ด้านพปชร.ฉุนนายใหญ่ถูกเสียดสี ขณะที่’สุรชัย’แขวะหยุดเอาสิทธิเสรีภาพเป็นตัวประกัน
23 มิถุนายน 2564 ที่รัฐสภา มีการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา จำนวน 13 ฉบับ ที่พรรคพลังประชารัฐเสนอ 1 ฉบับ พรรคร่วมฝ่ายค้าน 4 ฉบับ และพรรคร่วมรัฐบาล 8 ฉบับ โดยหลังจากที่แต่ละพรรคชี้แจงหลักการแก้ไขรัฐธรรมนูญครบ 13ร่างแล้ว ที่ประชุมจึงเปิดให้สมาชิกรัฐสภาอภิปรายแสดงความคิดเห็น
นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.อภิปรายเป็นคนแรกถึงประเด็นปิดสวิตช์ส.ว.ว่า ตนยืนยันมาตั้งแต่ต้นว่าสนับสนุนในการตัดมาตรานี้และจะสนับสนุนในการโหวตเกี่ยวกับการตัดอำนาจส.ว. แต่ที่เสนอมากันหลายพรรค ตนอยากใช้คำพูดว่ากินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้องคำที่เรียกร้องประชาธิปไตยเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่ส.ว. การแก้รัฐธรรมนูญตนเห็นว่าเป็นเรื่องของการได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง เป็นเรื่องการเอาชนะทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องของประชาชน เป้าใหญ่คือระบบของการเลือกตั้งแพ้ชนะกันทางการเมืองมองว่าใครจะได้ส.ส.มากกว่ากัน การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในครั้งหน้า สภาแห่งนี้มีการพูดกันมาตลอดว่า มีการเลือกตั้งกันกี่ครั้งไม่ว่าจะเป็นอบจ.อบต.หรือส.ส.สภานี้พูดกันมาตลอดว่ามีการทุจริตมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง แต่เราไม่เคยคิดแก้รัฐธรรมนูญเพื่อการนี้เลย เคยหรือไม่ที่จะให้การแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้เลือกตั้งสุจริต
นายวันชัย อภิปรายว่า รัฐธรรมนูญปี60 ในฉบับปัจจุบันในเรื่องระบบเลือกตั้งและพรรคการเมืองนั้น ต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองประชาชนเป็นเจ้าของพรรคมีส่วนในการร่วมบริหารพรรคมีส่วนร่วมในการคัดคนลงสมัครเลือกตั้ง ทุกคะแนนมีราคามีความหมาย ทำให้ประชาชนมีโอกาสได้คนรุ่นใหม่ พรรคการเมืองใหม่ๆ ส่วนที่เสนอกันจะทำให้พรรคเล็กพักน้อยหายไปใหญ่อาจจะพลังงานลดบทบาทภาคประชาชนตามรัฐธรรมนูญปี 60 ไปอย่างสิ้นซาก นายทุนพรรคจะครอบงำพรรค คนมีเงินมีอำนาจจะมีบทบาททางการเมือง ธุรกิจการการเมืองจะกลับ เรากำลังปิดสวิตช์คนเล็กคนน้อยคนอยากคนจนที่จะเข้ามามีบทบาททางการเมือง
ด้านนายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วงว่า ผู้อภิปรายกำลังเสียดสีสมาชิกรัฐสภาตนเห็นด้วยกับการอภิปรายครั้งนี้ ต้นอยากให้นายวันชัยทำตามการแสดงออกในการอภิปรายครั้งนี้ด้วยการลาออกจากการเป็นวุฒิสมาชิกเพื่อไม่ให้เกิดการรอยด่าง ในระบบประชาธิปไตยขณะนี้ นายวันชัยเป็นรอยด่างในระบอบประชาธิปไตยอยู่ ถ้ารู้ตัวก็ลาออกประธานในที่ประชุมต้องควบคุมไม่ให้เสียดสีสมาชิกรัฐสภา เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่นไม่ได้
ขณะที่นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงว่า ผู้อภิปรายได้พูดเสียดสี ด่าท่อไปเรื่อย การแก้รัฐธรรมนูญมุ่งหมายเพื่อให้ประเทศดีขึ้นไม่ใช่ว่าคนอื่นแย่เลวไปเสียหมดท่านประธานต้องกำชับผู้อภิปรายให้หยุดกล่าวหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
จากนั้นนายวันชัย อภิปรายต่อว่า ไม่ได้ว่าใครเลยความจริงแต่พูดในภาพรวมในส่วน ตัดมาตรา 272 ปิดสวิตช์ส.ว.เห็นว่าเรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิดและก็หลงประเด็นกันเป็นวาทะกรรมที่กล่าวหาโจมตีส.ว.มาทุกครั้งแท้ที่จริงแล้ว ถ้าเราพิจารณาดูจากรัฐธรรมนูญโดยละเอียดแบบนี้ใจที่เป็นกลาง อำนาจในการสถาปนานายกหรือรัฐบาลคืออำนาจของประชาชนที่เดินทางผ่านทางส.ส. รัฐธรรมนูญกำหนดให้ความเป็นใหญ่อยู่ที่ส.ส.มีอำนาจสูงสุดที่จะให้ใครเป็นนายกฯเป็นรัฐบาลรัฐบาลจะอยู่สั้นหรืออยู่ยาวจะล้มหรือไม่ล้มอยู่ที่ส.ส. ไม่เกี่ยวกับส.ว.ทั้งสิ้น ถ้าส.ส.รวมกันได้เกินกว่า 250 เสียง ยังไงส.ว. เลือกคนนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี หากไปเลือกคนอื่นมาเป็นรัฐบาลนั้นก็อยู่ไม่ได้ส.ว.ก็อยู่ไม่ได้เพราะกำลังโหวตสวนกระแสประชาชน ทุกวันนี้ก็เห็นว่ารัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีนั้น อยู่ได้ด้วยพรรคการเมืองและส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนไม่ได้อยู่ได้เพราะส.ว.เลย
“รัฐธรรมนูญฉบับนี้โดยแท้อยู่ที่ส.ส.ทั้งสิ้น ไม่อยากให้เพื่อนสมาชิกนั้นเข้าใจในประเด็นนี้ผิดดังนั้นมาตรา 272 จะมีหรือไม่มีผมจึงไม่ได้ติดใจ เพราะอำนาจอยู่ที่ส.ส.มีของดีอยู่ในตัวอยู่แล้วต่างแต่ว่าท่านรวมกันเองไม่ได้ 250 เท่านั้น อย่างไรก็ตามถ้าเลือกตั้งครั้งหน้าส.ส.รวมกันได้ 300 เสียง พรรคการเมืองกลุ่มนั้นก็ได้เป็นรัฐบาลอยู่แล้ว ผมจึงเห็นว่ามาตรานี้ไม่ได้มีความหมายอะไรจึงสนับสนุนโดยส่วนตัวไม่ขัดข้อง นอกจากนี้ การแก้รัฐธรรมนูญถ้าเห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดบกพร่องและเป็นปัญหาอยู่เราร่วมกันแก้ในสิ่งนั้นผมสนับสนุนแต่แก้แล้วถอยหลังเข้าคลองแก้แล้วตัดอำนาจบทบาทของประชาชนและทำให้การปราบปรามทุจริตหรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ผมไม่เห็นด้วย” นายวันชัย อภิปราย
ด้านนายคารม ลุกขึ้นประท้วงอีกครั้งว่า เราให้ความเคารพส.ว.แต่ถ้าอภิปรายเสียดสีบ่อยๆ ทำตัวเหมือนวิเศษ และต่อว่าเพื่อนสมาชิกท่านประธานต้องกำชับ ทำให้นายวันชัย ตอบกลับว่า ขอให้ท่านหาพรรคอยู่ให้ได้ก็แล้วกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภา ยังพบการอภิปรายของฝ่ายค้าน ที่กระทบและเอ่ยถึงชื่อของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐและ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ทำให้เกิดการประท้วง และขับไล่ให้ออกจากตำแหน่งสมาชิกรัฐสภา
โดยในการอภิปรายของนายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ย้ำไม่เห็นด้วยต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญจากระบบเลือกตั้งด้วยการใช้ส.ส.ที่พึงมี พร้อมระบุว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการทำเพื่อตัวเอง เพื่อให้กลับมาใหญ่ จากเดิมที่เขียนรัฐธรรมนูญพ.ศ.2560 เพื่อกดไม่ให้พรรคเพื่อไทยกลับมาใหญ่ แต่ตอนนี้ต้องการแก้ไขเพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์ ตนขอให้พรรคพลังประชารัฐถอนญัตติออกไป หากดันทุรังแก้ไข แล้วเลือกตั้งแพ้พรรคเพื่อไทยอีก อย่าไปแย่งจัดรัฐบาลอีก ขอให้มียางอาย
ทั้งนี้ ทำให้นายนิโรธ ประท้วงว่าการอภิปรายคือการก้าวร้าวบุคคลอื่นและหัวหน้าพรรคคนอื่น ดังนั้นขอให้ประธานควบคุมการอภิปราย แบบนี้ถึงต้องเอาบัตร สองใบ เพื่อไม่ให้ท่านเข้ามา และแบบนี้ไม่น่าเป็นสมาชิกรัฐสภา ควรไปข้างถนนดีกว่า
ขณะที่นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.อภิปรายว่า เรื่องบัตรเลือกตั้ง 2ใบ อดห่วงไม่ได้ว่า จะถอยหลังไปสู่รัฐธรรมนูญปี2540 ที่ไม่มีหลักการใหม่ช่วยพัฒนาระบบการเมืองประเทศให้เป็นสถาบันการเมืองของประชาชน เพราะไปตัดสิทธิมาตรา45 การมีส่วนร่วมของประชาชนที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองออก ขณะที่การแก้ไขมาตรา144 เรื่องการห้ามส.ส.และส.ว.แทรกแซงการแปรญัตติงบประมาณนั้น มีการไปตัดบทลงโทษของส.ส. และส.ว.ที่ไปแทรกแซงงบประมาณลงไป ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สังคมสนใจ จึงเห็นกระแสต่อต้านค่อนข้างสูง
ส่วนการตัดมาตรา272 ยกเลิกอำนาจส.ว.โหวตนายกฯนั้น ตนไม่ขัดข้อง เพราะส.ว.เป็นแค่อำนาจปลายทางในการเห็นชอบนายกฯ แต่ต้นทางอยู่ที่ส.ส.เป็นผู้เสนอชื่อ ประเด็นทั้งหมดที่เสนอเข้ามาเรื่องสิทธิเสรีภาพประชาชน เชื่อว่า ส.ว.เห็นด้วย แต่อย่าเอาเรื่องสิทธิเสรีภาพเป็นตัวประกันไปผูกรวมเรื่องอื่น ส.ว.หนักใจในการให้ความเห็นชอบที่มัดมือชก เอาสิทธิเสรีภาพบังหน้า เอาประโยชน์ส.ส.มาผูกรวมกัน นี่คือความจำเป็นต้องมีสองสภาคอยกลั่นกรอง นี่คือ คำตอบมีส.ว.ไว้ทำไม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี