"กลุ่มไทยไม่ทน"โหมโรงประกาศภารกิจเดียวไล่"ประยุทธ์"นัดระดมพลสี่โมงเย็นพรุ่งนี้ เริ่มที่สะพานผ่านฟ้าฯ ก่อนเคลื่อนมาทำเนียบ ส่วนจะปักหลักค้างคืนหรือไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ด้าน"จตุพร'ลั่นถ้าไม่ได้รับการตอบสนอง การลงถนนคือมาตรการสุดท้าย ปลุกคนไทยออกมาไม่ต้องกลัวโควิด-19 เริ่มนับหนึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศ ลั่นไม่สนว่าใครจะมาเป็นนายกฯคนต่อไป แต่ต้องมีสัญญาประชาคมว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อรีเซ็ทประเทศไทยใหม่
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 23 มิถุนายน 2564 ที่สถานีพีซทีวี กลุ่มไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับการจัดการชุมนุมในวันที่ 24 มิถุนายน 2564 เพื่อขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
โดยนายจตุพร พรหมพันธ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า พรุ่งนี้ (24 มิ.ย.) จะเป็นสมรภูมิที่ใหญ่ขึ้น ตนเคยบอกไว้แล้วเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ว่าพลเอกประยุทธ์จะอยู่ไม่เกินสามเดือน นอกจากนี้พวกตนขอประกาศว่าพวกเรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประเด็นที่เราพูดถึงสถาบันฯมีเพียงเตือนกลุ่มคนที่มักแอบอ้างเพื่อผลประโยชน์ตนเองเพื่อรักษาอำนาจและอ้างเพื่อทำร้ายประชาชน รวมถึงพลเอกประยุทธ์ที่เป็นตัวการสำคัญเรียกได้ว่า“สถาบันฯเดือดร้อนจากพลเอกประยุทธ์”
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ตนเตือนหลายครั้งแล้ว ในอดีตนายกรัฐมนตรีทุกคน ยามมีวิกฤติ ควรถวายรายงาน แต่พลเอกประยุทธ์ไม่ทำ จึงเป็นข้อสงสัยเรื่องความจงรักภักดี และเหล่าคนที่ปกป้องสถาบันฯมากเกินไป มักเป็นคนที่หาประโยชน์จากเรื่องนี้ รวมถึงมักมีประวัติไม่ดี ที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อย่างไรก็ตาม การอยู่หรือไปของรัฐบาลเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของหลายภาคส่วน
นายจตุพร ยังกล่าวย้ำด้วยว่า ภารกิจหลักเดียวคือ ขับไล่พลเอกประยุทธ์ และขอบอกกับเพื่อนพ้องนักการเมืองด้วยว่า งาช้างไม่งอกจากปากหมาฉันท์ใด ประชาธิปไตยก็ไม่งอกจากปากเผด็จการฉันท์นั้น การแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นฉบับประชาชนไม่มีทางสำเร็จในยุคนี้ จึงขอชวนพวกพ้องนักการเมืองขับไล่พลเอกประยุทธ์ก่อน รวมถึงพรุ่งนี้เราจะอธิบายเรื่องทุนเหนือรัฐ อย่างไรเสียตนเชื่อว่าพลเอกประยุทธ์ไม่ออกในวันพรุ่งนี้ แต่เราต้องทำทุกวิถีทางให้ออกไปให้ได้ ตลอด 7 ปีเศษ ท่านพอใจการบริหารงานของพลเอกประยุทธ์หรือไม่ ถ้าพอใจก็นอนอยู่บ้าน ถ้าไม่พอใจก็ออกมา พรุ่งนี้เราจะวัดหัวใจพี่น้องว่าเราจะอยู่ภายใต้ระบอบประยุทธ์ต่อหรือไม่ ระบอบประยุทธ์จะอยู่ต่อไป หากคนไทยยอมก็จะถูกกดขี่แบบนี้
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า เราจะปราศรัยอย่างเป็นระบบ แม้จะต้องแลกอะไรอีกมากมายหลังวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ ตนสามารถคุยกับทุกคนที่ไม่สามารถทนพลเอกประยุทธ์ได้เชิญชวนร่วมกันสู้ มิเช่นนั้นเราจะถูกแบ่งแยกปกครองต่อไป อย่ากลัวโควิด 19 เมื่อเราพยายามทุกวิถีทางแล้ว แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง การลงถนนคือมาตรการสุดท้าย ขอเน้นย้ำว่าเรายึดมั่นแนวทางสันติวิธีเท่านั้น ด้วยเรามีหน้าที่ส่งประเทศให้คนรุ่นลูกหลานเราอย่างดีที่สุด นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ เราไม่ได้สนใจว่าใครนายกรัฐมนตรีคนต่อไป แต่นายกรัฐมนตรีคนต่อไปต้องแก้ไขประเทศได้
"หลังพลเอกประยุทธ์ออก ประชาชนต้องมีสัญญาประชาคม กำหนดว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไปต้องทำอย่างไร เพื่อรีเซ็ทประเทศไทยใหม่ให้จงได้ หลังสี่โมงเย็น สถานการณ์จะเป็นตัวกำหนดค้างคืนหรือไม่สถานการณ์กำหนด ถ้ารัฐไม่ซื่อก็อาจยืดเยื้อ อย่างไรประชาชนยึดสันติวิธีเท่านั้น หน้าที่รัฐบาลคือต้องจัดการไม่ให้มีมือที่สาม คิดว่าแม้มีหลายกลุ่มจัดชุมนุมในวันพรุ่งนี้ก็ไม่มีปัญหา ด้วยแต่ละกลุ่มมีแนวทาง สถานที่ชัดเจน ของใครของมัน แต่มีเป้าหมายเดียวกัน"นายจตุพร กล่าว
ด้าน นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น กล่าวว่า รัฐบาลนี้เข้าสู่อำนาจด้วยคำสัญญาคืนความสุข แต่สิ่งที่ประชาชนได้คือ คำโกหกหลอกลวง สืบทอดอำนาจ บริหารจนประเทศชิบหาย ข้ออ้างในการรัฐประหารที่ว่า เข้ามาแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น แต่เมื่อเข้าสู่อำนาจ การคอร์รัปชั่นกลับเพิ่มมากขึ้น ในฐานะองค์กรตรวจสอบคอร์รัปชั่น ภาคประชาชน เราคงจะทนต่อไปไม่ได้อีกแล้วที่กบฏจะสืบทอดอำนาจ อยู่ยาวคืนความสุขให้แต่นายทุนเจ้าสัวไม่กี่ราย
นอกจากนี้ คืนนี้ (23มิ.ย.)เวลา 19.00 น. ขอเชิญชวนทุกท่าน ถ่ายทอดสดผ่านเฟสบุ๊ก บอกคนทั้งโลก ถึงเหตุผลที่ควรขับไล่พลเอกประยุทธ์ เพื่อพิสูจน์ว่า ถึงเวลาแล้วที่ควรออกไป แล้วพรุ่งนี้สี่โมงเย็น เรามีนัดกันที่สะพานผ่านฟ้าฯหันหน้าเข้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ชวนคนไทยทุกคนที่ไม่ทนเตรียมตัวเคลื่อนไปทำเนียบรัฐบาลพรุ่งนี้พบกัน
ขณะที่ นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า ตนและเครือข่ายฯในฐานะภาคประชาชน เห็นตรงกันว่า พลเอกประยุทธ์ เป็นอุปสรรคของประเทศ รวบอำนาจผูกขาดเศรษฐกิจ การเมือง เอื้อนายทุนพวกพ้อง อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้น เราจึงมีมติเข้าร่วม กลุ่มไทยไม่ทนฯ รวมพลังทางความคิด ก่อเป็นปรากฏการณ์แม่น้ำร้อยสาย อันเป็น “ปฐมบทแห่งการขับไล่ประยุทธ์”
ทั้งนี้ ตนคาดหวังประเทศไทย เหมือนประเทศเกาหลีใต้ เกิดมาตรฐานคุณธรรม จริยธรรม หลังการต่อสู้ครั้งใหญ่ของประชาชน พร้อมยืนยันเจตนารมย์เรายืนยัน แก้ไขระบอบประยุทธ์
โดยการเดินทางของแม่น้ำร้อยสาย มีเป้าหมายหลักเดียวคือไล่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
นางณัทพัช อัคฮาด แกนนำผู้เสียหายจากเหตุการณ์พฤษภา 2553 กล่าวว่า กลุ่มผู้มีอำนาจในรัฐบาลปัจจุบัน 90% มีส่วนในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. ที่สลายการชุมนุมปี 2553 ซึ่งเรากลุ่มญาติผู้เสียชีวิตฯได้ต่อสู้มาโดยตลอด 11 ปี มีคดีความมากมาย แต่ปัจจุบันหลายคดีที่เกี่ยวกับการสลายการชุมนุม ยกฟ้อง เป็นสิ่งที่เรารับไม่ได้ เราจึงออกมาร่วมต่อสู้ พรุ่งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบ รัฐบาลทหาร
ส่วนนายนันทพงศ์ ปานมาศ แกนนำเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า แม้ทาง เครือข่ายรามคำแหงฯ จะยังคงยึดมั่นในข้อเรียกร้อง สามข้อ แต่ในวันนี้เห็นได้ชัดว่า พลเอกประยุทธ์ คือปัญหาหลักของประเทศ เราในฐานะองค์กรของคนรุ่นใหม่ จึงขอมาร่วมขับไล่พลเอกประยุทธ์ จนกว่าจะออกไป โดยทางเครือข่ายรามฯจะรวมตัวกันเวลา 12.00 น. ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อร่วมเดินทางไปสมทบกับ คณะไทยไม่ทนฯ
ทางด้าน นายไทกร พลสุวรรณ เลขาธิการแนวร่วมอีสานกู้ชาติ กล่าวว่า ต้นตอแห่งความแตกแยก ล้มเหลวในชาติ คือ พลเอก ประยุทธ์ ต่อจากนี้ เราจะไม่ยอม ให้มีการ แบ่งแยกปกครองอีกแล้ว ด้วยความสามัคคีของประชาชนทุกภาคส่วน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี