เป็นเรื่องแล้ว กลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบันฯ ทำหนังสือส่งถึงอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จี้ตั้งกก.สอบสวนอบจ.จุฬาฯเป็นการเร่งด่วน หลังปล่อยให้ 3 ผู้ต้องหาในคดีม.112 "ปวิน-เพนกวิน-รุ้ง"มาพูดคุยในพิธีปฐมนิเทศนิสิตใหม่ทุกคณะ รุ่น 105 ทางออนไลน์ จี้ต้องหามาตรการลงโทษต่อเหตุการณ์อัปยศ พร้อมประณามการกระทำต่ำตม
22 ก.ค.64 ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ ศชอ. ภาคีประชาชนปกป้องสถาบัน อาชีวะปกป้องสถาบัน ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน ศปปส. ได้ทำหนังสือในนามกลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่งถึง ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อง สอบสวนข้อเท็จจริงรวมไปถึงบทลงโทษต่อกรณี อบจ.จุฬาฯ ที่นำโดย นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ได้เชิญ 3 ผู้ต้องหาในคดีม.112 ทั้งนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์หรือเพนกวิน น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล มาพูดคุยในพิธีปฐมนิเทศนิสิตใหม่ทุกคณะ รุ่น 105 ทางออนไลน์ โดยหนังสือระบุว่า
เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้มีการจัดพิธีปฐมนิเทศนิสิตใหม่ทุกคณะ รุ่น 105 ทางออนไลน์ แต่ได้บังเกิดสิ่งที่เลวร้ายไม่น่าให้อภัยได้นั่นก็คือ การที่อบจ.จุฬาฯได้เชิญผู้ต้องหาม.112 มาร่วมในพิธีอันสง่างาม ทรงคุณค่า และมีเกียรติของนิสิตใหม่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อีกทั้งพิธีฯได้จัดในสถานที่อันเป็นมงคลและศักดิ์สิทธิ์ (ถึงแม้จะเป็นทางออนไลน์เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดโควิค 19) เนื่องจาก “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ตั้งชื่อตามพระนามของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และเป็นมหาวิทยาลัยที่สถาปนาด้วยพระราชทรัพย์และที่ดินส่วนพระองค์ที่ทรงพระราชทานให้ ซึ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีประวัติอันยาวนานและเป็นเกียรติยิ่งสำหรับนิสิตที่มีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่ ณ ที่นี่
“จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” เป็นสถาบันอุดมศึกษาแห่งแรกของประเทศไทย ถือกำเนิดจากโรงเรียนสำหรับฝึกหัดวิชาข้าราชการฝ่ายพลเรือน โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งขึ้น ณ ตึกยาวข้างประตูพิมานชัยศรีในพระบรมมหาราชวัง เมื่อ พ.ศ.2442 และเปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนมหาดเล็ก เมื่อ 1 เมษายน พ.ศ. 2445 เพื่อผลิตบุคลากรให้รับราชการ ซึ่งมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว จากพระบรมราโชบายปฏิรูประบบบริหารราชการแผ่นดินเมื่อ พ.ศ.2425 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ภาคราชการและเอกชนต้องการบุคลากรทำงานในสาขาวิชาต่างๆ กว้างขวางมากขึ้น
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระอนุสรณ์คำนึงถึงพระบรมราโชบายในสมเด็จพระบรมชนกาธิราชที่จะ “ให้มีมหาวิทยาลัยขึ้นสำหรับเป็นสถาบันอุดมศึกษาของชาวสยาม” จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กเป็นสถาบันอุดมศึกษา พระราชทานนามว่า “โรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” เมื่อ 1 มกราคม พ.ศ.2453
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริที่จะขยายการศึกษาในโรงเรียนข้าราชการพลเรือนฯ ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น คือ ไม่เฉพาะสำหรับผู้ที่จะเล่าเรียนเพื่อรับราชการเท่านั้น แต่จะรับผู้ซึ่งประสงค์จะศึกษาขั้นสูงให้เข้าเรียนได้ทั่วถึงกัน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานโรงเรียนข้าราชการพลเรือนฯ ขึ้นเป็น “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” เมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2459 เพื่อเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์เฉลิมพระเกียรติแห่งสมเด็จพระบรมชนกาธิราชให้เจริญก้าวหน้ากว้างขวางแผ่ไพศาลต่อไป โดยในช่วงแรกมีการจัดการศึกษาเป็น ๔ คณะ ได้แก่ คณะรัฐประศาสนศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นที่น่าภาคภูมิใจแทนผู้ปกครองของเหล่าบรรดานิสิตใหม่ที่ลูกหลานได้มีโอกาสร่ำเรียนในสถานศึกษาที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก “สถาบันพระมหากษัตริย์” ล้นพ้นเป็นอเนกอนันต์
แต่พอมาถึง ณ ปัจจุบันนี้มหาวิทยาลัยแห่งแรกของสยามประเทศ (ประเทศไทย) ที่สร้างด้วยเงินและที่ดินส่วนตัวของพระมหากษัตริย์ กลับต้องมามัวหมองด้วยนิสิตบางคน – บางกลุ่มที่มีอุดมคติด้านลบและคิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วอาศัยความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องเอาความคิดและอุดมคติด้านลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาฝังหัวนิสิตรุ่นน้อง (ล้างสมอง) เหมือนอย่างเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ที่อบจ.จุฬาฯได้เชิญผู้ต้องหา ม.112 มาร่วมในพิธีฯโดยการอัดคลิปมาเผยแพร่
และที่เลวร้ายที่สุดคือคำพูดของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน (ผู้ต้องหาม.112) ที่มีอยู่ตอนหนึ่งพูดว่า “ทริคดีๆของการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยคือการแจก ค_ย. ให้ผู้บริหาร เจ้าของมหาวิทยาลัยทุกๆคนที่อยู่ในมหาวิทยาลัย ซึ่งผมคิดว่าก็เป็นกันทุกมหาวิทยาลัย นิสิตนักศึกษาคือประชากรส่วนมาก ดังนั้นเสียงของนิสิตนักศึกษามันต้องดังที่สุด สำคัญที่สุด ฉะนั้นเราต้องส่งเสียงของเราให้ดังๆ แรงๆ เพื่อให้เค้ารู้ว่าเรามีตัวตนนะ เราจ่ายเงินให้คุณไปบริหารมหาวิทยาลัย เพราะมีเราเข้าเรียนมันจึงยังมีมหาวิทยาลัยอยู่ ดังนั้นผู้บริหารจะต้องฟังเสียงนักศึกษา นักศึกษาเป็นเจ้าของมหาวิทยาลัย ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ เราจึงต้องตรวจสอบผู้บริหาร นายกรัฐมนตรี หรือคนที่สูงกว่านายกรัฐมนตรี ที่ใช้เงินของเราทำอะไรสักอย่าง ใช้อำนาจเหนือเรา”
นี่คือถ้อยคำที่ถ่อยสถุนและเลวร้ายที่สุดที่ไม่คิดว่าจะมีในพิธีปฐมนิเทศนิสิตใหม่ และที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือเหตุการณ์อันแสนอัปยศนี้เกิดขึ้นในสถานศึกษาที่ได้ขื่อว่าเป็นสถานศึกษาที่ถือกำเนิดก่อเกิดโดย “สถาบันพระมหากษัตริย์”
ดังนั้นทางกลุ่มรวมการเฉพาะกิจภาคประชาชนเพื่อปกป้องสถาบันฯภายใต้ชื่อ “พสกนิกรปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์”( ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ ศชอ. ภาคีประชาชนปกป้องสถาบัน อาชีวะปกป้องสถาบัน ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน ศปปส. ) จึงขอประณามการกระทำอันต่ำตม,ถ่อยสถุนนี้ของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์หรือเพนกวิน (ผู้ต้องหาม.112) และเรียกร้องให้ทางศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบอบจ.จุฬาฯเป็นการเร่งด่วน เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงและหรืออาจรวมไปถึงบทลงโทษต่างๆต่อเหตุการณ์อัปยศดังกล่าวนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี