"วัชระ เพชรทอง" ตอกกลับ "พรพิศ เพชรเจริญ" อ้างข้างๆคูๆตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง "สรศักดิ์" คุกคามทางเพศข้าราชการหญิง ไม่ต้องทำตามมติ ครม. อ้างสภาฯมีอำนาจนิติบัญญัติของตัวเอง
31 ก.ค.64 จากกรณีที่นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ ทำหนังสือถึงสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรคัดค้านคำสั่งสภาผู้แทนราษฎรลงวันที่ 16 มี.ค.64 และ 19 เม.ย.64 กรณีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงนายสรศักดิ์ เพียรเวช อดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร คุกคามข้าราชการสตรีซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าวดำเนินการขัดกับมติ ครม.เมื่อวันที่ 21 เม.ย.64 เนื่องจากไม่มีการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ หรือผู้แทนหน่วยงานที่มีประสบการณ์ในการทำงานเฉพาะด้านที่เกี่ยวกับความคุ้มครองผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศและการสอบสวนก็ไม่อนุญาตให้บุคคลที่ผู้เสียหายไว้วางใจเข้าฟังการให้ถ้อยคำด้วย
ซึ่งต่อมาสำนักงานเลขาธิการสภาฯโดยนางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีหนังสือเมื่อวันที่ 21 ก.ค.64 แจ้งต่อนายวัชระว่าอดีตอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เห็นว่ามติ ครม.ดังกล่าวเป็นกฎ หรือนโยบาย ไม่ได้มีสถานะเป็นกฏหมาย จึงเป็นเพียงคำสั่งทางบริหาร ไม่มีผลใช้บังคับกับหน่วยงานราชการในสังกัดสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอำนาจการปกครองของประเทศได้แบ่งไว้อย่างชัดเจนคืออำนาจฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ
ล่าสุด นางจินตนา จันทร์บำรุง อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มีหนังสือแจ้งมาที่นายวัชระว่า ได้ดำเนินการตามที่เคยร้องเรียนไปเมื่อวันที่ 1 ก.ค.64 ที่ขอให้คุ้มครองและช่วยเหลือข้าราชการสตรีที่ถูกนายสรศักดิ์คุกคามทางเพศ ขณะเดียวกันทางกรมฯ ได้มีหนังสือแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯพิจารณาช่วยเหลือข้าราชการสตรีคนดังกล่าว และให้แจ้งผลการดำเนินการให้ทราบภายในวันที่ 13 ส.ค.64 นี้
นายวัชระ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียใจมากที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี16 มิถุนายน 2558 และ 21 เมษายน 2563 เรื่องการคุ้มครองข้าราชการหญิงที่ถูกคุกคามทางเพศจากผู้บังคับบัญชาว่าหน่วยงานของรัฐทุกแห่งต้องปฏิบัติอย่างไร ให้มีผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้จากองค์กรภายนอกร่วมเป็นกรรมการสอบสวนด้วย แต่นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรไม่ปฏิบัติ ไปอ้างหนังสือของนางสาวอุษณี กังวานจิตต์ อดีตอธิบดีกรมกิจการสตรี กระทรวง พม.ว่า มติ ครม.ดังกล่าวไม่ครอบคลุมถึงข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และข้าราชการการเมืองอื่นๆ ซึ่งเป็นการตีความที่บิดเบือนมติ ครม.หรือไม่ และไม่เป็นการเคารพสิทธิสตรี และไม่ให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการสตรีสังกัดสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรที่ถูกคุกคามทางเพศ จะมาอ้างว่าประเทศไทยแยกอำนาจบริหารนั้นเป็นเรื่องไม่สมเหตุผล เวลาจะของบประมาณก็ขอมติคณะรัฐมนตรี เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติให้คุ้มครองข้าราชการหญิงผู้ถูกคุกคามทางเพศกลับอ้างว่าอยู่ฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งมติ ครม.เป็นเรื่องที่ส่วนราชการต้องปฏิบัติ แม้แต่อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว 2 คนก็ตีความมติคณะรัฐมนตรีต่างกัน ขอขอบคุณอธิบดีที่เคารพมติคณะรัฐมนตรีและคุ้มครองสิทธิสตรี
ส่วนนางพรพิศควรลาออกจากการเป็นข้าราชการไปจะดีกว่าหรือไม่ คนที่เป็นหัวหน้าส่วนราชการควรจะมีธรรมาภิบาล ยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรมและศีลธรรมให้มากกว่านี้ใช่หรือไม่ อนึ่ง การขึ้นมาดำรงตำแหน่งของนางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้รับการสนับสนุนจากนายสรศักดิ์ เพียรเวช อดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้ให้ข้อมูลกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนรษฎร ว่า ควรแต่งตั้งนางพรพิศ เพชรเจริญ เป็นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรต่อจากตนเอง.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี