“ไผ่ ดาวดิน”สิ้นฤทธิ์ หลังพาพวกบุกก่อกวนหน้า บช.ปส.ถูกล้อมจับดำเนินคดีทันควัน พร้อมจ่อรวบคาร์ม็อบอีกเพียบ ขณะที่“แรมโบ้”ลากไส้“ณัฐวุฒิ”ออกมาเคลื่อนไหวร่วมกับม็อบ 3 นิ้ว ช่วยนายใหญ่กลับบ้าน
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม เวลา 10.00 น.ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน นำมวลชนเดินทางมายังบริเวณหน้า บช.ปส. พร้อมนำแผ่นผ้า เขียนข้อความโจมตีรัฐบาล ติดไว้ตามรั้วของกองบัญชาการ ทั้งตะโกนให้เจ้าหน้าที่ปล่อยมวลชนที่ถูกคุมตัวมาในเหตุการณ์ชุมนุมวันที่ 1 สิงหาคม ทั้งนี้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมยังมีการนำรถยนต์มาปิดทางเข้าออกกองบัญชาการดังกล่าวอีกด้วย
โดยสาเหตุที่นายจตุภัทร์ นำมวลชนมาที่ บช.ปส. เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ระบุว่า ได้รับแจ้งว่ามีผู้ถูกจับกุมตัวจากม็อบ 1 สิงหาคม จำนวน 3 ราย ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ บช.ปส. ภายในสโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดีรังสิต โดยเป็นกลุ่มคนขับรถเครื่องเสียง
นายจตุภัทร์ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ที่มาวันนี้นั้นต้องการให้ตำรวจปล่อยผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุม โดยหากตำรวจปล่อยตัวกลุ่มที่ถูกจับกุม จะยุติการชุมนุม ทั้งนี้อยากให้ตำรวจเลิกสนับสนุนการทำงานให้นายกรัฐมนตรี เพราะทุกวันนี้รัฐบาลชุดนี้มีการบริหารงานที่ล้มเหลว ส่งผลให้มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงอยากเชิญชวนประชาชนทุกคนออกมาช่วยกันขับไล่
ขณะที่กลุ่มมวลชนกำลังปิดกั้นถนน ได้มีรถกระบะตำรวจ จำนวน 2 คัน แล่นเข้ามาในบริเวณ โดยท้ายกระบะมีตำรวจควบคุมฝูงชน สวมหมวกปราบจลาจลนั่งมาเต็มคันรถ เมื่อมวลชนเห็นจึงเดินไปกดดัน จนทำให้รถตำรวจต้องถอยร่นออกไปทันที
ต่อมา 11.50 น.นายจตุภัทร์ นำขบวนมวลชน เดินขบวนตามหารถเครื่องเสียงที่ถูกตรวจยึดมา ขณะที่ทางตำรวจได้ปิดประตูรั้วด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ทำให้มวลชนได้ตอบโต้โดยมีการนำสติ๊กเกอร์โจมตีรัฐบาลมาติดไว้ที่ประตู พร้อมเตรียมสีน้ำทาบ้าน มาวางไว้บริเวณหน้ารั้ว บช.ปส. จากนั้นมวลชนใช้มือจุ่มสีแดงทาตามรั้ว บช.ปส. โดยนายจตุภัทร์ ได้นำสเปรย์สีแดงมาพ่นตามกำแพง บช.ปส. ระบุข้อความโจมตีรัฐบาล
เวลา 12.20 น. ตำรวจควบคุมฝูงชน จำนวน 3 กองร้อย พร้อม โล่ กระบอง เรียกกำลังเข้ากระชับพื้นที่ ไล่จับพร้อมควบคุมตัว นายจตุภัทร์ พร้อมมวลชน จำนวนหลายคน ขึ้นรถผู้ต้องขังที่มาจอดรอรับ พร้อมทั้งกันสื่อมวลชนและผู้ไม่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่
ก่อนหน้านี้ที่ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. แถลงข่าวการชุมนุมของกลุ่มคาร์ม็อบเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมว่า เบื้องต้นในพื้นที่กรุงเทพฯ ตำรวจสามารถจับกุมผู้กระทำผิดในครั้งนี้ได้ 3 ราย ที่จ.นนทบุรี จับกุมได้ 7 ราย นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในความผิด 6 ข้อหาและยังตามจับอีกหลายคน
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. พร้อมคนเสื้อแดง ร่วมจัดขบวนคาร์ม็อบ ว่าในขณะที่ประเทศเกิดวิกฤตโควิด-19 แต่นายณัฐวุฒิกลับออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยไม่ห่วงว่าจะเกิดการระบาดคลัสเตอร์ใหม่หรือไม่ และยังไม่นึกถึงการทำงานของ ศบค. บุคลากรทางการแพทย์ และจิตอาสา ที่ทำงานอย่างหนักไม่ได้พักเหนื่อย
นายเสกสกลยังระบุว่าการที่นายณัฐวุฒิบอกว่าออกมาเคลื่อนไหวกับกลุ่ม 3 นิ้ว ครั้งนี้เนื่องจากนายกฯบริหารสถานการณ์โควิด-19 ล้มเหลวนั้นก็ถือเป็นข้ออ้าง เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่านายณัฐวุฒิ เคยเป็นรัฐมนตรี เป็น ส.ส. พรรคเพื่อไทย ดังนั้นการเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงเป็นการเอาใจนายใหญ่ที่อยู่ต่างประเทศ ต่อสู้เพื่อเอานายใหญ่กลับมา
นายเสกสกล กล่าวต่อว่า ตนเองยังมีความห่วงใยน้องๆที่ถูกชักจูงอย่าไปหลงเชื่อนายณัฐวุฒิและนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ในฐานะรุ่นพี่ที่เคยเคลื่อนไหวมา ตนเคยตกหลุมพราง เคยหลงเชื่อ หลอกให้ตนต่อสู้เพื่อให้คนอยู่เบื้องหลังตระกูลชินวัตรกลับมามีอำนาจ
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รัฐเสพติดความรุนแรงในการปราบปรามประชาชนหรือไม่ ทั้งการตั้งแนวโล่ รถฉีดน้ำแรงดันสูง แก๊สน้ำตาและกระสุนยางสลายการชุมนุม จัดหนัก กระทบสิทธิประชาชน
“เสียงแตรรถ ที่บีบไล่รัฐบาล ดังสนั่นหวั่นไหว ทั่วทั้งประเทศ ความเดือดร้อน ความสูญเสีย เสียงร้องไห้ของประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้ยินบ้างหรือ อย่ายืนข้างอำนาจรัฐที่ล้มเหลว หยุดมองคนเห็นต่างเป็นศัตรู” นายอนุสรณ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี