ลุยแก้ไขรธน.
‘ไพบูลย์’ลั่นเสร็จทัน
สมัยประชุมสภาฯนี้
คาดวาระ3ก่อน18ก.ย.
กมธ.แก้ไขรธน.นัดแรก “ก้าวไกล”โวยลั่นถูกปิดปาก ไม่ให้จ้อ “ไพบูลย์”ปธ.กมธ.ขู่เดี๋ยวจะไล่พ้นห้อง ก่อนสงบศึกไปดื้อๆ พร้อมมั่นใจแก้ไข ผ่านฉลุย คาดเสร็จทันสมัยประชุมนี้ คาดวาระ3 ก่อน18กย.นี้ ก่อนเดินหน้าแก้ไขกฎหมายลูกในสมัยประชุมหน้า เมินม็อบกดดันไร้ผล รัฐบาลต้องอยู่ครบเทอม ‘สุทิน’คาดแก้ไขในชั้น กมธ.เสร็จสิ้น13สิงหาคม
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2564ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ(ฉบับที่…)พ.ศ…. แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา83และ91 ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง รัฐสภา มี นายไพบูลย์ นิติตะวัน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ประธานกมธ.ฯเป็นประธานการะชุมโดยที่ประชุมมีมาตรการเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดโดยจัดให้กมธ.นั่งเว้นระยะห่าง มีแอลกอฮอล์ให้ทุกที่นั่งและจัดชุดตรวจ Rapid Antigen testไว้หน้าห้องประชุมกว่า 10ชุด ส่วนกมธ.ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดและคิดว่าตนเองมีความเสียง ซึ่งก่อนเข้าห้องประชุมยังไม่มี กมธ.คนใดขอชุดตรวจ โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายไพบูลย์ได้แจ้งว่ามีทั้งหมด 48คำแปรญัตติและมีผู้แปรญัตติทั้งหมด 54 คน แบ่งเป็นสส.50และสว.4คน
สภาฯเริ่มถกปมแก้ไขรัฐธรรมนูญ
จากนั้นเริ่มเข้าสู่การพิจารณาทันทีโดย นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะกมธ.ฯได้ทักท้วงเรื่องการแก้ไขระบบเลือกตั้งเกินกว่ามาตราที่รับหลักการมา จะกระทำการขัดข้อบังคับข้อที่124 ทำให้ นายไพบูลน์ เบรกว่า ขอให้พิจารณณาไปตามวาระการประชุม ทำให้นายธีรัจชัยไม่พอใจและพูดเสียงดังลั่นห้องประชุมว่า “ประธานปิดปาก ไม่ให้ผมแสดงความคิดเห็น คุณเป็นประธานต้องทำงานเป็นกลาง ไม่ใช่ขัดขวางไม่ให้เสนอความคิดเห็น”
แต่ นายไพบูลย์ ก็ยังย้ำว่าให้ดำเนินการไปตามระเบียบวาระ และหากนายธีรัจชัย ยังไม่หยุดโวยวาย ตนจะใช้อำนาจประธานเชิญออกจากห้องประชุม จนนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะรองประธานกมธ.ฯ ต้องแทรกเข้ามา ทำให้นายธีรัจชัย ยอมพร้อมกล่าวว่า ถ้าจะใช้อำนาจแบบนี้ ตนหยุดก็ได้จากนั้นที่ประชุมก็เดินหน้าไปตามระเบียบวาระ
‘ไพบูลย์’คาดแก้รธน.เสร็จกันยายน
นายไพบูลย์ ให้สัมภาษณ์ว่า การแก้ไขมาตรา83และ 91 ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง กรณียังมีข้อถกเถียงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระแรก ว่า การประชุมวันนี้จะเสนอที่ประชุมตามข้อบังคับรัฐสภาข้อที่124 ซึ่งมีความชัดเจนอยู่แล้วว่า การจะขอแปรญัตติในเรื่องที่เป็นไปตามหลักการสามารถทำได้ โดยเฉพาะเรื่องแบ่งเขตการเลือกตั้งและการใช้บัตร 2ใบ รวมถึงยังมีเรื่องที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งตามหลักการสามารถทำได้เพราะข้อบังคับรัฐสภาข้อที่124 มีความชัดเจนอยู่แล้ว เมื่อมีผู้แปรญัตติมาถือเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละคน ในส่วนของ กมธ.ก็มีหน้าที่อย่างเดียวคือ นำคำแปรญัตติไปพิจารณาว่า จะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในคำแปรญัตติเหล่านั้น ส่วนการพิจารณาข้อบังคับที่มีฝ่ายโต้แย้งหากมีปัญหาที่ต้องตีความก็ต้องเป็นไปตามข้อบังคับข้อที่ 151 ที่เป็นอำนาจของรัฐสภาไม่ใช่เป็นอำนาจของ กมธ.โดยสมาชิที่มีความสงสัยต้องเข้าชื่อกันไม่น้อยกว่า 40 คนจากนั้นก็ยื่นเรื่องต่อประธานรัฐสภาเพื่อพิจารณา หากเสียงที่ประชุมเกินกึ่งหนึ่งเท่าที่มีที่มีผู้ไม่เห็นด้วยและเห็นด้วยที่สุดแล้วแต่ตีความถือว่า จะเป็นไปตามนั้น แต่ในชั้นกมธ.จะมาตีความข้อบังคับเองนั้นทำไม่ได้ เพราะก้าวล่วงอำนาจรัฐสภาและเราจะไปตัดสิทธิ์ของผู้แปรญัตติโดยพลการไม่ได้
เมื่อถามว่า ตามไทม์ไลน์แล้วในวาระ3 จะเสร็จทันสมัยประชุมนี้หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตนคิดว่าทันในวาระ3 คือก่อนวันที่ 18กันยายน จะพิจารณาเสร็จในวาระ3 จากนั้นสามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯ และเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะมีประเด็นไปส่งศาลรัฐธรรมนูญได้ เพราะเป็นเรื่องที่เสนอในการประชุมสภาเพื่อตีความในข้อบังคับ เว้นแต่ฝ่ายที่ไม่อยากให้แก้ระบบเลือกตั้งและเสียผลประโยชน์ก็จะพยายามขัดขวางทุกวิถีทาง ถามว่าคิดว่าคนอื่นไม่รู้หรือว่า ตัวเองจะพยายามขัดขวางอย่างไร ยืนยันว่าเรื่องนี้ขัดขวางไม่ได้เพราะเราทำตามรัฐธรรมนูญ ส่วนจะเป็นใครที่ขัดขวางขอให้ไปดูในสภาฯ หากพิจารณาผ่านวาระ3ก็จะยื่นแก้ไขพระราชบัญญัติ (พรบ.) การเลือกตั้งและพรบ.พรรคการเมือง ซึ่งจะอยู่ช่วงปลายเดือนกันยายน จากนั้นต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา77 เพื่อรับฟังความคิดเห็นและคาดว่าจะบรรจุเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาของรัฐสภาได้ในสมัยประชุมต่อไป คือประมาณเดือนพฤศจิกายน หรือธันวาคม
เมื่อถามว่ามีการคาดว่าเมื่อกฎหมายลูกเสร็จสิ้นจะมีโอกาสในการยุบสภาหรือนายกฯ ลาออกจากตำแหน่ง นายไพบูลย์ กล่าวว่า เป็นคนละเรื่อง เพราะการยุบสภาอยู่อีกสถานการณ์หนึ่งและอีกเหตุผลหนึ่งที่จะเกิดขึ้น ไม่ได้มีเขียนไว้ว่า จะเกิดขึ้นจากเหตุแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ม็อบชุมนุมไม่มีผล+รบ.อยู่ครบเทอม
เมื่อถามว่าการออกมาชุมนุมของกลุ่มต่างๆเป็นจำนวนมาก รัฐบาลจะอยู่ครบเทอมหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่ได้เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญว่า คนออกมาชุมนุมแล้วเราจะต้องทำตาม ซึ่งมันไม่มีผลอะไร แต่คนที่ออกมาชุมนุมต่างหาก ควรจะตระหนักว่า จะไม่ทำผิดกฎหมาย’เท่าที่ผ่านการชุมนุมมามาก ไม่เคยเห็นการชุมนุมอะไรที่กระจิ๊บกระจ้อยขนาดนี้ ซึ่งผมก็เคารพสิทธิ์ทุกสิทธิ์ แต่หากจะพูดอะไรก็ต้องเคารพสิทธิ์ของผมด้วย เพราะหนึ่งเสียงของผมคือ ไม่เห็นด้วยกับเขา เพราะทุกคนมีเสียงเท่ากัน เราเป็นประชาชนคนไทยต่างคนต่างมีหนึ่งเสียงเท่ากัน ไม่มีใครใหญ่กว่าใคร’
‘สุทิน’คาด13สิงหาคมปิดจ็อบแก้รธน.
นายสุทิน คลังแสง สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ของรัฐสภา กล่าวถึงการประชุมกรรมาธิการฯ นัดแรกในวันนี้ (4 ส.ค.) หลังต้องเลื่อนการประชุมมาถึง 3 สัปดาห์ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ว่า ที่ประชุมจะนำข้อบังคับการประชุมรัฐสภามาพิจารณาว่การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ สามารถทำได้มากน้อยเพียงใด และจะทำให้การแก้ไขระบบการเลือกตั้งสมบูรณ์หรือไม่ เพราะยังมีบางพรรคการเมืองเห็นว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่รัฐสภารับหลักการยังไม่สมบูรณ์ คาดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญในชั้นกมธ.ฯจะแล้วเสร็จในสัปดาห์หน้า หรือวันที่ 13สิงหาคม เพราะนายไพบูลย์ วางกรอบการพิจารณาแล้วว่า จะใช้เวลาการประชุมเพื่อพิจารณาในชั้นกมธ.ฯเพียง 4นัดการประชุม
‘ราเมศ’เผยปชป.ยังตามติดแก้รธน.
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อยู่ในชั้น กมธ.ฯว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญยังคงเดินหน้าตามกระบวนการที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้คืออยู่ในชั้นการพิจารณา ยังคงติดตามและทำงานในชั้นกมธ.ฯอย่างเต็มที่ ทั้งการแสวงหาแนวร่วม พูดคุยเพื่อให้กมธ.ฯมีความเห็นสอดคล้องทิศทางเดียวกัน ซึ่งคาดว่าเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ก็จะมีการประชุมพรรคเพื่อพูดคุยเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เหตุเพราะมีสมาชิกรัฐสภายื่นคำแปรญัตติมาหลายคน ก็มีความจำเป็นต้องพูดคุยทำความเข้าใจกับ สส.ของพรรคเพื่อให้ได้ทราบว่า ทิศทางของกมธ.ฯจะเป็นไปในทิศทางใดในเรื่องโครงสร้างระบบเลือกตั้งทั้งหมด
พท.ขู่ไม่ทิ้ง‘บิ๊กตู่’รับผลกรรมเลือกตั้ง
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลออกมาย้ำภาพความสัมพันธ์ ท่ามกลางกระแสเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว หลังล้มเหลวแก้ปัญหาโควิด ว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่ง ผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยิ่งกว่านิวไฮ จนอาจเป็นนิวนิวไฮ มาตรการล็อกดาวน์ต้องขยายจาก 13จังหวัด เป็น29จังหวัดสีแดงเข้ม เป็นหลักฐานยืนยันว่า มาตรการล็อกดาวน์ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แม้รัฐบาลจะไอโอว่า ไม่ทิ้งประชาชน แต่ประชาชนเกือบทั้งประเทศได้ทิ้งรัฐบาลไปนานแล้ว พรรคร่วมรัฐบาลเชื่อมั่น พล.อ.ประยุทธ์ สวนทางกับประชาชนที่ไม่หลงเหลือความเชื่อมั่นให้กับรัฐบาล ดารา คนรุ่นใหม่ ประชาชนทุกภาคส่วนออกมาคอลเอาต์ เดือดร้อนกันถ้วนหน้า ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลยืนยัน 3ข้อ ดังนี้ 1.พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคควรออกมายืนยันจะไม่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล 2.พรรค พปชร.ควรออกมายืนยันให้ชัดว่าจะเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งหน้า 3.พรรคร่วมรัฐบาลควรออกมายืนยันจะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้งครั้งหน้า
‘การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะเกิดขึ้น จะเป็นการทำหน้าที่ครั้งสำคัญของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ส่วนจะอภิปรายรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่จะหารือกันต่อไป ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคจำวันที่พวกท่านเชื่อมั่น พล.อ.ประยุทธ์ จำวันที่ท้าทายประชาชนไว้ให้ดี เมื่อได้ตัดสินใจแล้ว ต้องรอรับผลการตัดสินใจของประชาชนในวันเลือกตั้งและก้มหน้ายอมรับผลนั้น’นายอนุสรณ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี