‘ฝ่ายค้าน’ มาตามนัด! เรียงหน้ายื่น‘ชวน'ระเบิดศึกซักฟอก‘นายกฯ-5 รมต.’ โวน้ำลายแตกฟอง รอบนี้ไม่เหมือนก่อนๆ ข้อมูลล้มรัฐบาลหลั่งไหลเข้ามา ลั่นไม่มีอะไรสุดๆกว่านี้แล้ว
16 ส.ค.2564 ที่รัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และเลขานุการผู้นำฝ่ายค้านฯ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคามพรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อเลขาธิการพรรคก้าวไกล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคประชาชาติ (ปช.) นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ (พช.) นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรรีรวมไทย และนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิดญัตติเดือดซักฟอก'บิ๊กตู่-5รมต.' ฝ่ายค้านกระหน่ำข้อกล่าวหาร้ายแรง)
โดยนายสมพงษ์ กล่าวว่า เราเห็นความบกพร่องของรัฐบาลในการบริหารงานตลอดปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องโควิด-19 และเรื่องเศรษฐกิจ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จึงขอให้ประธานได้บรรจุญัตติเข้าสู่การประชุมของรัฐสภา อย่างไรก็ตาม การที่เสนอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้เราได้กำหนดไว้ว่าจะอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ประกอบด้วย 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 2.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 3.นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกะทรวงคมนาคม
นายสมพงษ์กล่าวว่า 4.นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 5.นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ 6.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เราได้พิจารณากันอย่างถ่องแท้ และได้ปรึกษาหารือกันแล้ว แม้จะมี ส.ส.เสนอรายชื่อบุคคลมามากมาย และได้นำรายชื่อมาตรวจสอบ สุดท้ายจบที่ 6 ท่านนี้
ด้านนายชวนกล่าวว่า เมื่อฝ่ายค้านยื่นญัตติมาแล้ว เจ้าหน้าที่จำการตรจสอบรายชื่อและข้อบังคับ โดยต้องบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน แต่ต้องแจ้งให้นายกฯทราบเพื่อกำหนดช่วงเวลา ครั้งนี้เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ 3 ซึ่ง 2 ครั้งแรกเสนอญัตติในช่วงเดือน ม.ค. ซึ่งเป็นสมัยประชุมที่ 2 แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เสนอญัตติในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นสมัยประชุมแรก โดยตามกฎหมายแล้วจะยุบสภาช่วงนี้ไม่ได้ นอกเสียจากจะมีการถอนญัตติออกไป
เมื่อถามว่า พิจารณาตัวบุคคลที่ถูกอภิปรายจากอะไร นายสมพงษ์ กล่าวว่า เรามีการพูดคุยกัน ที่ประชุมมีการเสนอชื่อคนมาพอสมควร แต่เราก็สอบถามกันถึงเรื่องที่จะอภิปราย เราตั้งเป้าไว้ที่เรื่องเศรษฐกิจ และการทุจริต การจะอภิปรายบุคคลใดเราต้องตรวจสอบว่าการอภิปรายเราจะชี้แจงให้ประชาชนทราบถึงข้อผิดพลาดของเขาได้อย่างไร ทั้งนี้ เราทำงานร่วมกันเป็นคณะ โดยเราประชุมกันมาหลายครั้ง นอกจากนี้ เรามองรัฐมนตรีที่รับผิดชอบโดยตรง ใหญ่สุดคือตัวนายกฯ โดยแต่ละบุคคลที่เราใส่ชื่อลงไปถือเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบโดยตรงในหน่วยงานนั้นๆ
เมื่อถามถึงการจัดสรรเวลาในการอภิปราย นายสมพงษ์ กล่าวว่า สายๆ วันนี้คงจะได้มีการประชุมกับทางประธานสภาฯ เรื่องเกี่ยวกับวันและเวลาในการอภิปราย เบื้องต้นเราคิดว่าอยากได้เวลาเหมือนเดิมอย่างที่เคยอภิปรายไปครั้งที่แล้ว ประมาณ 3 วันบวกๆ
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีชื่อของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เหตุใดภายหลังจึงไม่มีชื่อแล้ว นายพิธากล่าวว่า เราต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ของฝ่ายค้านที่มีมติให้โฟกัสเฉพาะ 6 คน ดังนั้น เพื่อรักษาบรรยากาศการทำงานร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่ไม่ได้มีปัญหาร่วมกันในการทำงาน แม้จะมีความเห็นต่างกัน เราตั้งใจอภิปรายเพื่อใช้กลไกสภาแก้วิกฤติ ลดความขัดแย้ง ถอดสลักชื่อพล.อ.ประยุทธ์ ให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้
นายพิธา กล่าวอีกว่า การอภิปรายครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้ง เพราะความเดือดร้อนของประชาชนไปในวงกว้าง ทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากพอสมควร มีคนส่งข้อมูลมาให้พรรคไม่ขาดสาย ซึ่งบรรยากาศนอกสภาและในสภาขณะนี้ตรงกันว่าควาชอบธรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เหลือแล้ว ต้องให้กลไกในสภาช่วยสร้างแรงสั่นสะเทือนอีกครั้ง
เมื่อถามว่า หลังการอภิปรายจะมีการรวบรวมเอกสาร และหลักฐานต่างๆ ไปยื่นร้องต่อองค์กรอิสระ หรือร้องศาลเพื่อดำเนินการสอบต่อไปหรือไม่ นายสมพงษ์กล่าวว่า จะทำแบบทุกครั้ง เชื่อว่ามีแน่
เมื่อถามว่า จะเสนอชื่อนายกฯมาแทนที่เลยหรือไม่ นายสมพงษ์กล่าวว่า คงไม่ ถ้ารัฐธรรมนูญเป็นเหมือนทุกครั้งคงจะเสนอ แต่ถ้ารัฐธรรมนูญยังเป็นรัฐธรรมนูญฉบับนี้ พวกตนคงไม่เสนอ
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาการอภิปรายไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ นายสมพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่อภิปรายครั้งนี้ เรามั่นใจว่าหลักฐานต่างๆ มีความครบถ้วน ส่วนจะเอาชนะรัฐบาลในสภาได้หรือไม่นั้น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลต้องคิดว่า นอกจากจะฟัง ส.ส.ฝ่ายค้านอภิปรายแล้ว ต้องฟังความเดือดร้อนของประชาชนด้วย ขอให้พิจารณาเรื่องนี้ และฝากประชาชนที่เลือก ส.ส.ว่าบุคคลที่เลือกไปเห็นแก่ความเดือดร้อนของประชาชนที่กำลังล้มตายหรือไม่ ส.ส.รัฐบาลต้องตัดสินใจเพื่อประชาชน เพราะไม่มีอะไรสุดๆ กว่านี้อีกแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี