1. ในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 จะมีคณะกรรมการและ
คณะอนุกรรมการที่เป็นกลไกของการดำเนินการตามที่กฎหมายให้อำนาจหน้าที่ไว้หลายคณะเช่น คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) คณะอนุกรรมการวิสามัญ(อ.ก.พ.วิสามัญ) คณะอนุกรรมการสามัญ (อ.ก.พ.สามัญ)
2. ในการประชุมของก.พ.นั้น มาตรา 11 บัญญัติให้นำบทบัญญัติว่าด้วยคณะกรรมการที่มีอำนาจ
ดำเนินการพิจารณาทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช้บังคับแก่การประชุมก.พ.โดยอนุโลมเว้นแต่กรณีตามมาตรา 36 วรรคสอง (มติก.พ.ในการพิจารณายกเว้นลักษณะต้องห้ามการเข้ารับราชการซึ่งต้องได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสี่ในห้าของจำนวนกรรมการที่มาประชุม)
3. ขณะเดียวกันการประชุมของอ.ก.พ.วิสามัญ และอ.ก.พ.สามัญนั้น มาตรา 23 บัญญัติให้นำ
มาตรา 11 มาใช้บังคับแก่การประชุมของอนุกรรมการทั้งสองประเภทก็เลยต้องหันมาดูว่ากฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง บัญญัติเกี่ยวกับการนับองค์ประชุมไว้ประการใดบ้าง ก็ปรากฎว่ามาตรา 79 บัญญัติความโดยสรุปว่า การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมอย่างน้อยกึ่งหนึ่งจึงจะเป็นองค์ประชุมเว้นแต่บทบัญญัติแห่งกฎหมาย หรือกฎหรือคำสั่งที่จัดให้มีคณะกรรมการชุดนั้นจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
4. เมื่อเป็นเช่นนี้ อ.ก.พ.วิสามัญและอ.ก.พ.สามัญ จึงต้องนับองค์ประชุมเช่นเดียวกับก.พ.โดยถือ
ว่าต้องมีอนุกรรมการมาประชุมอย่างน้อยกึ่งหนึ่งจึงจะเป็นองค์ประชุมพิจารณาเรื่องต่างๆ ตามวาระการประชุมได้
5. ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น คือการที่กรรมการหรืออนุกรรมการมาลงชื่อประชุมแล้วออกจากที่
ประชุมไปก่อนปิดการประชุมโดยมีราชการด่วนออกจากที่ประชุมโดยไม่กลับมาประชุมอีก เช่นนี้จะถือว่าสามารถนับเป็นองค์ประชุมได้หรือไม่
6. ประเด็นนี้ คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองได้พิจารณาปัญหาดังกล่าว แล้วมี
ความเห็นโดยสรุปว่า การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมอย่างน้อยกึ่งหนึ่งจึงจะเป็นองค์ประชุมเพื่อที่จะปรึกษาหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและลงมติตามอำนาจหน้าที่ จึงต้องมีกรรมการอยู่ครบองค์ประชุมในการพิจารณาและลงมติด้วย ดังนั้น แม้ว่าจะมีอนุกรรมการมาลงชื่อมาประชุมครบ 6 คน ก็ตามเมื่อข้อเท้จจริงปรากฎว่ามีอนุกรรมการอยู่ในที่ประชุมเพื่อพิจารณาและมีมติในแต่ละเรื่องไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนอนุกรรมการทั้งหมด การพิจารณาและลงมติโดยองค์ประชุมไม่ครบ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย (เรื่องเสร็จที่ 175/2553)
7. จากความเห็นของคณะกรรมการดังกล่าว คงจะเป็นอุทาหรณ์ให้กรรมการและอนุกรรมการที่
เป็นนักบินลงชื่อแล้วออกจากที่ประชุมเพื่อไปประชุมอีกคณะหนึ่ง ตระหนักได้ว่าอาจก่อให้เกิดความสูญเสียแก่การประชุมในแต่ละครั้งได้นะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี