17 ก.ย. 2564 เวลา 10.30 น.ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ (อาคาร B) คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) นำโดย รศ.ดร.อนุสรณ์ อุณโณ อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผศ.ดร.ชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นายบารมี ชัยรัตน์ ผู้ประสานงานสมัชชาคนจนเ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นักกิจกรรมทางการเมือง เดินทางมายื่นหนังสือยังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ละเมิดสิทธิและเสรีภาพที่บุคคลพึ่งได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ
รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นประธาน ครช. ซึ่งเป็นกลุ่มที่ประสานงานกับมวลชนหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มเยาวชนที่เคลื่อนไหวในขณะนี้ ตลอดจนกลุ่มชาวบ้านและประชาชน การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อยื่นหนังสือผ่านผู้ตรวจการแผ่นดิน ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจาก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มีลักษณะที่ขัดรัฐธรรมนูญ ทั้งในแง่เนื้อหาและการบังคับใช้ อาทิ เมื่อเกิดสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 รัฐบาลได้ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยอ้างว่าจะสามารถใช้เป็นเครื่องมือเพื่อรับมือกับโรคระบาดได้
“นอกเหนือจากความไม่จำเป็นของกฎหมายฉบับนี้ เพราะเรามี พ.ร.บ.โรคติดต่อ อยู่แล้ว ซึ่งมันให้อำนาจอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว ขาดแต่เพียงว่าบังคับในส่วนประกาศเคอร์ฟิว รวมถึงไปถึงข้อของการควบคุมตัวลักษณะต่างๆ จริงๆ แล้วก็ไม่จำเป็น แต่ที่สุดแล้วเราก็เห็นว่า พ.ร.ก. นี้ พอประกาศใช้ในบริบทของโรคโควิด เอาเข้าจริงแล้วเท่าที่เราเห็น มันก็ไม่ได้ถูกใช้เพื่อที่จะควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรค เท่าๆ กับในการใช้เป็นหนึ่งเครื่องมือ คล้ายๆ กับจะกดปราบหรือจัดการกับคนที่เห็นต่างทางการเมือง” รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าว
นายสมยศ กล่าวว่า การเข้าร่วมชุมนุมเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน และเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในระบอบประชาธิปไตยที่จะให้ประชาชนมีส่วนร่วมได้ แต่ก็ถูก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปิดกั้น อีกทั้งระยะเวลาปีกว่าๆ ที่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ผลก็เห็นแล้วว่าโควิดไม่ได้ลดลงเพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตนเห็นว่าเจตนาของการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีเพียงอย่างเดียวคือการรวบอำนาจไปอยู่ในมือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และใช้เป็นเครื่องมือในการปราบปรามผู้ที่ออกมาแสดงจุดยืนคัดค้านและขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์
“ผมเชื่อว่าสุดท้ายหลังจากยื่นฟ้องไปแล้วคดีนี้จะถูกยกเลิกในที่สุด เพราะเวลานำสืบมาแล้วคดีนี้ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับโควิด แต่นำมาใช้คุกคามเสรีภาพของนักกิจกรรม คุกคามเสรีภาพของการชุมนุม การแสดงความคิดเห็น เพราะฉะนั้นการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงถือว่าผิดเจตนารมณ์ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ผิดรัฐธรรมนูญเพราะเป็นกฎหมายลูกแต่ไปควบคุมเสรีภาพการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ ทำให้เสรีภาพการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญนั้นได้รับความเสียหาย” นายสมยศ กล่าว
นายสมยศ กล่าวต่อไปว่า ตนอยากให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติยุติการใช้ความรุนแรง และขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินรับเรื่องนี้ไว้เป็นวาระเร่งด่วน อีกทั้งยังกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มทะลุแก๊ซ ที่บริเวณย่านดินแดน-ถ.วิภาวดีรังสิต ด้วยว่า หากยังปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป กลุ่มทะลุแก๊ซก็จะยกระดับ ซึ่งตนเห็นว่าคงไปโทษพวกเขาไม่ได้ เพราะพวกเขาคับแค้นคับข้องใจกับการใช้ความรุนแรงของตำรวจ แต่การยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะเป็นการคลายล็อกความตึงเครียด แรงกดดัน นำไปสู่การเจรจาสร้างสันติขึ้นมาได้ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย
ผศ.ดร.ชลิตา เปิดเผยว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่ถูกแจ้งข้อหาตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่มีการใช้บทบัญญัติตามมาตรา 9 ออกข้อกำหนดและข้อห้ามหลายอย่าง จากการไปร่วมกิจกรรม “ส่องไฟให้ดาว” เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2564 เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยแกนนำผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรที่ขณะนั้นถูกคุมขังเนื่องจากไมได้รับการประกันตัว และวันนี้หลายคนคงเห็นแล้วว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไมได้มีผลเพื่อรับมือสถานการณ์ที่รัฐบาลเห็นว่าฉุกเฉินคือโรคระบาดโควิด-19 แต่ถูกใช้เพื่อกดปราบประชาชนที่ออกมาทำกิจกรรมทางการเมือง
“โดยเฉพาะในช่วงหลังๆ พอยิ่งใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ความล้มเหลวในการจัดการโควิดมันก็เปิดเผย มันก็มีมากขึ้นในการจัดการ แล้วพอประชาชนประท้วงแสดงความไม่พอใจก็โดนคดี เป็นคดีประมาณเกือบพันคนแล้วที่โดนคดีนี้ ซึ่งหลายท่านก็ได้ให้รายละเอียดไปแล้ว วันนี้พวกเราก็มายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยพวกเราใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 เพื่อจอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าข้อกำหนดต่างๆ ที่รัฐบาลทำ รวมถึงตัว พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มันขัดต่อรัฐธรรมนูญอย่างไร” ผศ.ดร.ชลิตา ระบุ
นายบารมี กล่าวว่า ตนเคยไปร่วมกิจกรรม “ยืน-หยุด-ขัง” ที่หน้าศาลฎีกา เพื่อเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยแกนนำผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรที่ขณะนั้นถูกคุมขังเนื่องจากไมได้รับการประกันตัวเช่นกันอยู่หลายครั้ง ปรากฏว่าตนกับพวกถูกหมายเรียกคนละ 2-3 คดี ทั้งที่การยืนเป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งเรายืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการกระทำของรัฐ แต่รัฐกลับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เข้ามาขัดขวางและดำเนินคดี
“พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งอ้างว่าใช้เพื่อที่จะจัดการปัญหาโรคระบาด จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ใช้จัดการปัญหาโรคระบาดเลย เพราะตั้งแต่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มา โรคระบาดก็ยังมีความทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกัน เรายืนอยู่เฉยๆ เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพธรรมดาเรากลับถูกดำเนินคดี ผมคิดว่าอันนี้มันเป็นเรื่องที่ละเมิดเสรีภาพของเราอย่างยิ่ง เป็นการละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญ เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน” นายบารมี กล่าว
สำหรับลำดับกิจกรรมในครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่เวลา 10.30 น. มีการแถลงข่าวกับสื่อมวลชน ที่บริเวณโถงชั้น 2 ในอาคาร B ก่อนจะเดินไปยังทางเข้าสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน บริเวณประตูทางเข้ากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) โดยได้เปิดให้สื่อมวลชนได้ถ่ายภาพการยื่นหนังสื่อกับผู้แทนของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ณ จุดนี้ก่อน เนื่องจากมาตรการลดความเสี่ยงโควิด-19 ทางสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ประสานกับ ครช. ขอให้ส่งตัวแทนกลุ่มขึ้นไปยื่นหนังสือที่ชั้น 5 อันเป็นที่ตั้งของสำนักงาน -007
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี