ไม่รักไม่เป็นไร/ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
‘บิ๊กตู่’อ้อนหนัก
ซับน้ำตาน้ำท่วม-เร่งช่วยประชาชน
ลงพื้นที่สุโขทัยรมต./สส.แห่รับแน่น
เอาหัวใจชาวกทม.-ตจว.มามอบให้
ขอช่วยสวดมนต์อย่าให้พายุมาอีก
‘จุรินทร์’เผยปมนั่งนายกฯเกิน8ปี
พท.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้
บารมีนายกฯบิ๊กตู่ ยังเหลือล้น รมต.-สส.พลังประชารัฐจากทุกภาค แห่ต้อนรับแน่นสุโขทัย ทั้งร่วมยกขบวนซับน้ำตาน้ำท่วม เผยนายกฯ อ้อนชาวบ้านใครจะไม่รักไม่เป็นไร แต่ขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และสุดความสามารถ บอกน้ำท่วมเป็นเรื่องธรรมชาติ ก็แก้กันไป ให้ช่วยสวดมนต์ อย่าให้พายุเข้ามาอีก แนะปลูกบ้าน 2 ชั้น-ขยับไปอยู่ในที่สูงขึ้น ประชาธิปัตย์ไม่น้อยหน้าผลักดันโปรแกรม “จุรินทร์ออนทัวร์” ทั่วไทยแนะเพื่อไทยหากสงสัยตำแหน่งนายกฯ 8 ปี ก็ให้ยื่นตีความ
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 26 ก.ย.ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กทม.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม พร้อมพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสมเกียรติ ประจำวงศ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) เดินทางไปยังท่าอากาศยานสุโขทัย ต.คลองกระจง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย เพื่อลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ และการบริหารจัดการน้ำ รวมถึงตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย โดยมีรัฐมนตรี ส.ส.ในพื้นที่จ.สุโขทัย และพื้นที่ใกล้เคียง พรรคพลังประชารัฐ ให้การต้อนรับ ประกอบด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และรองหัวหน้าพรรค นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะกรรมการบริหารพรรค นายอนุชา นาคาศัยรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ส.ส.ชัยนาท และกรรมการบริหาร
สส.จัดแถวรอรับ”ประยุทธ์”
ขณะที่ส.ส.ที่เดินทางมาร่วมคณะนายกฯ ประกอบด้วยจาก จ.สุโขทัย มีส.ส. 3 คน ได้แก่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ ส.ส. เขต 1 และนายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง ส.ส.เขต 2 ส่วนจ.กำแพงเพชร มีส.ส. 5 คนได้แก่ นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.เขต1 นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.เขต 2 นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.เขต3 และนายปริญญา ฤกษ์หร่าย ส.ส.เขต 4 นายสุรสิทธิ์ วงศ์วิทยานันท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
จ.นครสวรรค์ มีส.ส. 4 คน ได้แก่ นายภิญโญ นิโรจน์ ส.ส.เขต 1 นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.เขต2 นายสัญญา นิลสุพรรณ ส.ส.เขต3 และนายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.เขต 6 จ.พิจิตรมีส.ส. 3 คน ได้แก่ นายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร เขต1 นายภูดิท อินสุวรรณ์ ส.ส.พิจิตร เขต2 นายสุรชาติ ศรีบุศกร ส.ส.พิจิตร เขต3 จ.พิษณุโลก มีส.ส.2คน ได้แก่ นายอนุชา น้อยวงศ์ส.ส.เขต3 และนายมานัส อ่อนอ้าย เขต5
จ.ตาก 2 คน ได้แก่ นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส.ตาก เขต1 นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข ส.ส.ตาก เขต1จ.ลำปาง1 คนได้แก่ นายวัฒนา สิทธิวัง ส.ส.ลำปาง เขต4 จ.ชัยนาท มีส.ส. 2 คน ได้แก่ นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.เขต1 ส.ส.เขต2 ขณะที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่เดินทางมา คือ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
รับฟังสถานการณ์น้ำท่วม
ทั้งนี้ นายกฯ จะประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับฟังรายงานสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำ ที่โรงแรมสุโขทัย เฮอริเทจ รีสอร์ท ก่อนเดินทางไปยังวัดบ้านซ่าน ต.บ้านซ่าน อ.ศรีสำโรง สักการะหลวงพ่อสามพี่น้องและหลวงพ่อขาว พร้อมพบปะประชาชนและมอบปัจจัยทางการเกษตรให้กับผู้แทนเกษตรกร ก็ได้ปรับกำหนดการใหม่ทั้งหมด
จากนั้นเวลา 10.15 น. นายกรัฐมนตรีจะตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยอำเภอศรีสำโรง จำนวน 2 จุด ได้แก่ บ้านคลองชัด หมู่ ที่ 8 ตำบลวังใหญ่ และวัดดอนจันทร์ หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านไร่ อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย
สวมบูทลุยตรวจอุทกภัย
ทันทีที่นายกฯและคณะเดินทางถึงสนามบินสุโขทัย นายกฯได้ทักทายนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรมว่า ว่า “ที่บ้านน้ำท่วมใช่ไหม เป็นยังไงบ้าง”
เวลา 10.15 น. นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยอำเภอศรีสำโรง จำนวน 2 จุด ได้แก่ บ้านคลองชัด หมู่ ที่ 8 ตำบลวังใหญ่ และวัดดอนจันทร์ หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านไร่ อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย
ต่อมาเวลา 11.20น.นายกรัฐมนตรี ติดตามสถานการณ์อุทกภัย และการดูแลประชาชน ณ วัดบ้านซ่าน ตำบลบ้านซ่าน อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย
เดินสายออกพบประชาชน
เมื่อเวลา 11.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ ได้ขึ้นรถบรรทุกขับเคลื่อน 4 ล้อ ของกรมป้องกันฝนและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ที่ติดตั้งเครื่องขยายเสียง ตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจ และมอบถุงยังชีพให้กับประชาชน อ.ศรีสำโรง จำนวน 2 จุด ได้แก่ บ้านคลองชัด หมู่ 8 ต.วังใหญ่ และวัดดอนจันทร์ หมู่ 4 ต.บ้านไร่ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย โดยมีการพูดคุยผ่านเครื่องขยายเสียง และทักทายประชาชนที่อยู่ตามบ้านเรือนตลอดเส้นทาง บางตอนว่า สวัสดี วันนี้นายกฯ มาเยี่ยมนะจ๊ะ มันเป็นภัยธรรมชาติ เดี๋ยวก็แก้กันไป คงเดือดร้อนสักระยะหนึ่ง ขอให้ทุกคนแข็งแรงปลอดภัย นายกฯก็เดือดร้อน เพราะเป็นห่วงประชาชน
“ปัญหาบ้านเมืองไม่ใช่มีเพียงแค่ตรงนี้ ซึ่งมีหลายที่ด้วยกัน โดยขณะนี้มีพายุเข้ามา โดยปี 2563 พายุเข้ามา 5 ลูก และนี่เพียงลูกเดียว จึงขอให้ช่วยกันสวดมนต์ อย่าให้พายุเข้ามาอีกเลย พายุลูกเดียวนี่ก็พอแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ให้ทุกคนดูแลซึ่งกันและกัน
นายกรัฐมนตรีระบุว่า อย่างไรก็ตาม ขอช่วยกันคิดใหม่ว่าวันข้างหน้าจะอยู่กันอย่างไร จะต้องปลูกบ้านอย่างไร จะต้องปลูกบ้าน 2 ชั้น หรือขยับขยายไปอยู่ในที่สูงขึ้น ซึ่งรู้ว่ายากแต่ถ้าตั้งใจฟังรัฐบาลพูดบ้าง ก็น่าจะไปในทิศทางที่ดีขึ้นบ้าง ตนเองเป็นนายกฯ ก็ใช่จะสบายต้องทำงานทุกวัน ต้องพยายามคิดอะไรใหม่ๆ ทั้งในเรื่องของการเกษตรโครงสร้างพื้นฐาน แก้ปัญหาความยากจน การกระจายรายได้ลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งทุกคนจะต้องพัฒนาขีดความสามารถ เพราะวันข้างหน้าลูกหลานต้องอยู่กับเทคโนโลยีดิจิทัล ต้องการเรียนภาษาโค้ดดิ้ง เพื่อสั่งการด้วยคอมพิวเตอร์
ขอทำหน้าที่ตวเองให้ดีที่สุด
ทั้งนี้ ระหว่างเยี่ยมชมจุดตรวจ พล.อ.ประยุทธ์ ได้สอบถาม พูดคุย พร้อมให้กำลังใจกับผู้ประสบภัยจากน้ำท่วม โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า “ขอให้ทุกคนช่วยเหลือ ดูแลซึ่งกันและกัน ในส่วนที่เกิดความเสียหายกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจดูแลเยียวยาความเสียหายที่ประชาชนได้รับ พร้อมกล่าวว่าวันนี้ทุกคนมาในนามรัฐบาล ในนามคณะรัฐมนตรี เพื่อช่วยเหลือดูแลทุกคน ใครจะรักหรือไม่รัก นายกฯ ไม่สนใจ เพียงขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สุดความสามารถ ฝากความห่วงใย ขอให้ประชาชนระมัดระวังสัตว์มีพิษที่ตามมาจากสถานการณ์น้ำท่วมด้วย”
เอาหัวใจคนกทม.-ตจว.มาให้สุโขทัย
จากนั้น เวลา 12.10น.นายกฯพร้อมคณะเดินทางต่อไปยังวัดบ้านซ่าน ตำบลบ้านซ่าน อำเภอศรีสำโรง โดยเข้าสักการะหลวงพ่อสามพี่น้องและหลวงพ่อขาว ก่อนจะรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดสุโขทัยจากส่วนราชการ ก่อนสนทนาธรรมกับ พระภารุพงษ์ ภานุวิโส รองเจ้าอาวาสวัดบ้านซ่าน โดยเจ้าอาวาสได้สอบถามนายกฯ ว่า จากการลงพื้นที่ปริมาณน้ำเยอะไหม นายกฯ กล่าวว่า น้ำเยอะได้รับผลกระทบจากพายุทำให้มีน้ำฝนตกลงมาปริมาณมาก ส่งผลให้ท่วมในหลายพื้นที่ รัฐบาลจะเร่งดำเนินการสำรวจและเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาวจะต้องวางแผนแก้ไขปัญหาในภาพรวมต่อไป จากนั้น นายกฯ กล่าวกับประชาชนว่า ลงพื้นที่วันนี้นำพาหัวใจคนกรุงเทพมหานคร หัวใจคนต่างจังหวัด มามอบให้กับคนสุโขทัย จากการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายรู้สึกเห็นใจ เข้าใจความรู้สึกผู้ประสบภัย ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนก้าวผ่านอุทกภัยครั้งนี้ไปให้ได้ ในส่วนรัฐบาลได้สั่งการให้ส่วนราชการสำรวจความเสียหายเร่งจ่ายเงินเยียวยาให้ประชาชนอย่างครบถ้วน ยืนยันรัฐบาลจะดูแลประชาชนให้ดีที่สุด ขอให้ทุกคนร่วมมือกัน ในส่วนของน้ำท่วมไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ 100% เพราะศักยภาพของพื้นที่ แต่จะต้องแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
อนาคตต้องเข้มแข็ง-รายได้เพียงพอ
นายกฯ กล่าวอีกว่า ต้องเดินหน้าพลิกโฉมประเทศไทย ทำอย่างไรให้คนไทยมีรายได้ที่เพียงพอ ซึ่งคนไทยทุกคนต้องร่วมกันเดินหน้าต่อไปข้างหน้า เดินหน้าสู่อนาคตที่เข้มแข็ง พร้อมกับการเข้าสู่โลกดิจิทัล นำเทคโนโลยีมาช่วยประกอบอาชีพ โดยเฉพาะการทำการเกษตรต้องเป็นการเกษตรสมัยใหม่เพื่อการอุตสาหกรรม มีรายได้เพิ่มขึ้น ขอให้ประชาชนเตรียมตัวให้พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ที่สำคัญต้องร่วมกันทำในสิ่งที่ถูกต้อง หากเราทำสิ่งที่ถูกต้องไม่ต้องกลัวกฎหมาย เพราะกฎหมายไม่ได้มีไว้รังแกคนที่ทำถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมกับฝากประชาชนให้ปรับแนวคิด ทำอย่างไรถึงจะตอบโจทย์ความต้องการของสังคม จะต้องไม่หยุดคิด หยุดพัฒนา ต้องคิดต้องพัฒนาไปเรื่อย ๆ โดยการเสาะแสวงหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่สำคัญต้องร่วมกันรักษาสถาบันครอบครัว ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของสังคมไทย ให้เกิดความรักความสามัคคี รวมพลังเดินหน้าประเทศก้าวหน้าไปด้วยกันสู่ความเข้มแข็ง
‘จุรินทร์’เดินหน้าลงพื้นที่ช่วยปชช.
ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)วัดพลังกันในการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนช่วงน้ำท่วมว่า ตนไม่ขอมองในส่วนนี้ที่ปรากฏเป็นข่าว แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์นั้น ตนก็มี “จุรินทร์ออนทัวร์” สำหรับลงพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว และจะเดินหน้าเพื่อลงพื้นที่ไปแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน ซึ่งในฐานะของหัวหน้าพรรค ก็จะลงไปพบปะแกนนำของพรรคในแต่ละพื้นที่ในแต่ละจังหวัด และมีการจัดการเตรียมการไว้ชัดเจนแล้วว่าวันไหนจะไปที่ไหนอย่างไร นอกจากนี้ก็ดำเนินการในเรื่องการลงพื้นที่เพื่อไปแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน และไปทำโครงการต่าง ๆ ในความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งในช่วงเดือนก.ย.– ต.ค. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการปิดสมัยประชุมสภาฯ ก่อนที่จะมีการเปิดสมัยประชุมในช่วงต้นเดือนพ.ย. ก็ได้เตรียมการ “จุรินทร์ออนทัวร์” ไปใน 20 จังหวัดทั่วประเทศ ทั้งในภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคอีสาน และกรุงเทพมหานคร โดยจะเป็นการลงพื้นที่เพื่อทำหน้าที่ทั้งในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
แบ่งขุนพลร่วมรับผิดชอบ
“สำหรับในกรุงเทพฯ นั้น ขณะที่ผมไปลงพื้นที่ในภาคอื่น ก็จะมอบหมายให้นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ นายราเมศ รัตนะเชวง นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย น.ส.รัชดา ธนาดิเรก และท่านอื่นๆ ร่วมกับผู้สมัคร ส.ก. และผู้สมัคร ส.ส. ของพรรค รวมทั้งสาขาพรรค เพื่อลงพื้นที่ต่อเนื่องต่อไป ส่วน 20 จังหวัดทั่วประเทศนั้น ก็กระจายไปในทุกภาครวมไปจนถึงจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ยังไม่มีสัญญาญยุบสภา
เมื่อถามว่าจากการลงพื้นที่ของหลายๆพรรค เป็นสัญญาณการยุบสภาในเร็วๆ นี้หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบล่วงหน้าเรื่องการยุบสภา และก็ไม่สามารถตอบได้เพราะอำนาจอยู่ที่นายกรัฐมนตรี เหมือนที่เคยย้ำมาหลายรอบ แต่ในฐานะรัฐบาลผสม ก็คิดว่าถ้าจะมีสัญญาณ หรือถ้าจะมีการตัดสินใจอะไรนั้น ก็คงจะได้มีการแจ้งหรืออย่างน้อยก็หารือกับพรรคร่วมรัฐบาล เพราะว่าอย่างน้อยที่สุด รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลผสมแล้วก็ทุกพรรค แม้เสียงไม่เท่ากัน แต่ความสำคัญก็ไม่น่าจะถึงกับแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นก็คิดว่าท่านนายกก็น่าจะถือหลักนี้อยู่แล้ว เพราะว่าที่ผ่านมาเวลามีอะไรท่านก็จะหารือมาตลอด
แนะพท.ตีความเป็นนายกฯเกิน8ปี
นายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ทางพรรคเพื่อไทย (พท.) จะมีการตีความเรื่องการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ต้องไม่เกิน8ปีว่า ถ้าผู้ใดสงสัยก็สามารถยื่นตีความได้ เพราะถ้าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายก็สามารถทำได้ ตนคิดว่าถ้าสงสัยมากก็ลองตรวจสอบดูก็ดีจะได้หายข้อสงสัย แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีข้อสงสัย
ไพบูลย์ปัดให้ความเห็นนายกฯ8ปี
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ฝ่ายค้านยกมาตรา 158 วรรคสี่ ว่า “นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง” หากนับการดำรงตำแหน่งของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2557 จะครบ 8 ปี ในปี 2565 ว่า เพิ่งได้รับทราบปัญหาข้อกฎหมายเรื่องนี้จากข่าว จึงได้ไปพิจารณาข้อกฎหมายในรัฐธรรมนูญ
นายไพบูลย์ กล่าวว่า เนื่องจากในรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนกำหนดยกเว้นไว้ในบทเฉพาะกาลว่าให้นับตั้งแต่เมื่อไหร่ ดังนั้นเมื่อไม่เขียนไว้ชัดเจนในบทเฉพาะกาล จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องใช้วิธีการตีความพิจารณา รัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้อง คือ มาตรา 158 วรรค 4 นายกจะดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 8 ปี มาตรา 170 เหตุให้รัฐมนตรีสิ้นสุดลงก็จะมีวรรค 2 คือนายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งเมื่อครบ 8 ปี และบทเฉพาะกาลมาตรา 264 ซึ่งให้คณะรัฐมนตรีที่อยู่ก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญให้เป็นคณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญนี้ ซึ่งก็มีสาระของมาตรา 264 ที่ยกเว้นมาตรา 170 ไว้บางข้อต้องนำมาพิจารณาประกอบกับ เจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรค4 เนื่องจากในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญตรงส่วนบทเฉพาะกาลไม่ได้เขียนเอาไว้ชัดเจนว่าจะให้นับตั้งแต่เมื่อไหร่ จึงต้องตีความเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญประกอบด้วย แต่ในส่วนตัวไม่ขอแสดงความคิดเห็น เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้นที่มีอำนาจวินิจฉัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี