"วิษณุ"ชี้แก้ กม.ลูกเลือกตั้ง ส.ส.อีกนาน รอ กกต.ใหญ่เคาะก่อนและต้องรอ รธน.ประกาศใช้ ย้ำทุกอย่างจบที่กกต.
เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 14 ตุลาคม 2564 ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการพูดคุยกับ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องการยกร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ว่า วันนี้เป็นการประชุมร่วมกันระหว่างสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งได้ข้อสรุปว่า ทาง กกต.จะเป็นผู้จัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับร่างรัฐธรรมนูญที่มีการทูลเกล้าฯถวายขึ้นไปแล้วอย่างน้อย 1 ฉบับ คือ กฎหมายเลือกตั้ง ส่วนกฎหมายพรรคการเมืองนั้น ดูแล้วยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแก้ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญยังไม่ได้พาดพิงไปถึง แต่ความคิดที่จะแก้ไขนั้นมันมีอยู่เป็นเอกเทศก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นจะมีการขอความเห็นจาก กกต.ใหญ่ทั้ง 7 คน อีกครั้งหนึ่งก่อนว่า จะเอาอย่างไร หาก กกต.ทั้ง 7 คนเห็นว่าควรต้องแก้ ทั้ง 2 ฉบับไปในคราวเดียวกันทั้ง ส.ส.และพรรคการเมือง ก็จะเสนอมา แต่ถ้าจะเอาแต่เฉพาะที่เร่งด่วนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนก็จะมีฉบับเดียว ดังนั้น รอให้เสนอ กกต.ใหญ่ก่อน
"กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ ทางสำนักงาน กกต.ได้ยกร่างขึ้นมาเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีประมาณ 30 มาตรา ซึ่งเป็นเรื่องของการกาบัตร 2 ใบ ร่วมถึงวิธีการนับคะแนน ซึ่งจะนับอย่างไรนั้นผมไม่รู้ เพราะยังไม่ได้เห็นร่าง เนื่องจากเขาต้องเสนอ กกต.ใหญ่ ก่อนจากนั้นจึงจะเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ และเมื่อ กกต.ใหญ่เห็นชอบแล้ว ก็จะมีการรับฟังความเห็นในส่วนกลาง คือฟังจากพรรคการเมืองและประชาชนจากนั้นจะส่งร่างไปให้ กกต.จังหวัดทุกจังหวัด เพื่อรับฟังความเห็นในจังหวัดอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะรวบรวมความเห็นกลับเข้ามาที่ส่วนกลาง เพื่อปรับปรุงจากนั้นจึงจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 131 และเมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบก็จะส่งไปให้คณะกรรมกฤษฎีกา ได้ตรวจสอบอีกครั้ง จากนั้นก็จะเตรียมส่งร่างดังกล่าวให้รัฐสภา"
นายวิษณุ กล่าวว่า ที่ต้องใช้คำว่าเตรียมก็เพราะว่ายังไม่ได้ลงพระปรมาภิไธยลงมา เนื่องจากตราบใดที่ยังไม่มีการลงพระปรมาภิไธย ประกาศใช้รัฐธรรมนูญในราชกิจจานุเบกษาก็จะยังไม่ส่งไปยังสภา แต่เมื่อมีพระปรมาภิไธยลงมาและประกาศใช้รัฐธรรมนูญแล้วจึงจะส่งให้รัฐสภาต่อไป ส่วนจะเมื่อใดไม่ทราบเพราะมันผูกติดกับพระปรมาภิไธย แต่ในชั้นนี้ก็ยกร่าง รับฟังความเห็น ตรวจและเตรียมนำเสนอต่อไป
เมื่อถามว่า มาตรา 90 ที่ระบุว่า ต้องส่ง ส.ส.เขตก่อน ส.ส.บัญชีรายชื่อ แบบนี้จะทำให้เกิดระบบเลือกตั้งเบอร์เดียวทั่วประเทศไม่ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ได้เกี่ยวกัน ถ้า กกต.ใหญ่เห็นว่ามันเป็นปัญหาก็อาจจะแก้ไปด้วย แต่ถ้าคิดว่าไม่เป็นปัญหาเร่งด่วนอะไรก็ยังไม่แก้
นายวิษณุ กล่าวว่า การแก้กฎหมายพรรคการเมืองมันก็มีประโยชน์อยู่ จะบอกว่าไม่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญเลยก็ไม่ได้เพราะมันเกี่ยวกับว่าการทำไพรมารี่โหวต หรือการทำอะไรต่างๆ ซึ่งถ้าเกิดการเลือกตั้งขึ้นเร็ว แบบกระทันหัน ปุบปับขึ้นมา มันก็จะเตรียมการไม่ทันแต่ตรงนี้ไม่เป็นไรรอให้ กกต.ชุดใหญ่ได้พิจารณากันอีกครั้งหนึ่งก่อน
เมื่อถามว่า จะคุยกับทาง กกต.อีกครั้งเมื่อไหร่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่คุยแล้ว จนกว่าจะมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญจึงจะได้มาดูฤกษ์ดูยามว่าจะส่งร่างไปที่รัฐสภาเมื่อไหร่ ระหว่างนี้ทุกคนก็ทำงานของตัวเองไป ทั้งยกร่าง ซึ่งร่างเสร็จแล้ว 30 มาตรา และเตรียมที่จะเสนอ กกต.ใหญ่ ซึ่งคิดว่าคงอีกไม่กี่วัน และเมื่อ กกต.ใหญ่เห็นอย่างไรก็ปฏิบัติไปตามนั้น ซึ่งก็คือการรับฟังความเห็นส่วนกลาง จากนั้นก็ส่งให้ กกต.จังหวัดไปรับฟังความเห็นของจังหวัดตัวเอง แต่สมัยนี้รับฟังความเห็นออนไลน์กันได้ มันก็เร็วและรวบรวม ก่อนที่จะเสนอ ครม.ซึ่งในระหว่างที่ยังไม่ลงพระปรมาภิไธย ก็ทำตรงส่วนนี้ไปพลางก่อนได้ แล้วก็ส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจแก้
เมื่อถามว่า ได้เห็นทั้ง 30 มาตราแล้วหรือยัง นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่เห็นเลย เพราะเขาต้องเสนอ กกต.ใหญ่ก่อน จึงไม่อยากเอามาแสดงก่อน แต่พอผ่าน กกต.ใหญ่แล้วมันก็ต้องเปิดเผยให้คนรับรู้เพื่อติชม ไม่เช่นนั้นจะเรียกว่ารับฟังตาม มาตรา 77 ได้อย่างไร
เมื่อถามว่า ถ้าติชมแล้วสามารถปรับแก้ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ได้ เพราะติชมก็เพื่อที่จะแก้ ไม่ว่า ครม. พรรคการเมือง หรือแม้แต่ประชาชน ก็สามารถติชมได้ โดยเฉพาะพรรคการเมืองเขาต้องทำอยู่แล้ว ส่วนที่พรรคการเมืองกำลังจะทำนั้น เขาก็มีสิทธิ์เสนอได้ เพราะผู้ที่จะเสนอแนะได้ จะเป็นทั้ง ครม.หรือ ส.ส. 1 ใน 10 หรือประมาณ 50 คน สามารถทำได้ แต่ ส.ส.คงยังไม่เสนอร่างของตัวเองต่อสภาจนกว่าจะประกาศใช้รัฐธรรมนูญ
จะเสนอได้อย่างไรในเมื่อรัฐธรรมนูญยังไม่ได้แก้เลย เพราะฉะนั้นเมื่อถึงเวลาประกาศใช้รัฐธรรมนูญที่แก้ไขเสร็จก็คงจะเสนอเข้าสภาไป ถ้ามีหลายฉบับก็จะไปรวมพิจารณากันโดยเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาและต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 180 วันหรือ 6 เดือน เมื่อรัฐสภาพิจารณาเสร็จแล้วก็จะส่งกลับไปให้กกต.อีกภายใน 15 วัน เพื่อดูว่าการที่คณะกรรมาธิการนำไปแก้นั้นผิดไปจากเจตนารมณ์ของกกต.หรือไม่ โดยกกต.จะต้องตอบกลับมาภายใน 10 วัน จากนั้นสภาก็จะทำการแก้ไขให้เสร็จภายใน 30 วัน และจึงจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ
เมื่อถามว่า ส่วนตัวไม่ได้ให้คำแนะนำอะไรไปกับเลขาฯ กกต.ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ได้เสนอ เข้าใจว่าสัปดาห์หน้าก็หน้าจะรู้แล้ว
เมื่อถามว่า มีโอกาสที่การนับคะแนนจะกลับไปเหมือนปี 50 หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบตนยังไม่เห็นร่าง ความจริงตนก็อยากรู้แต่ยังไม่อยากรู้ตอนนี้ เพราะ กกต.ใหญ่เขาอาจเปลี่ยนแปลงได้
เมื่อถามว่า คาดว่าจะเสนอเข้าสู่ ครม.ได้เมื่อไหร่ นายวิษณุ กล่าวว่า อีกนานเลย ขั้นตอนทุกอย่างกว่าจะเสร็จ แต่เรายังมีเวลาแม้ว่าสภาจะเปิดวันที่ 1 พฤศจิกายน แต่ถึงอย่างไรก็ยังเสนอไม่ได้จนกว่าจะประกาศใช้รัฐธรรมนูญ
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี