เลือกตั้ง อบต.เริ่มแล้ว หลังห่างหาย 8 ปี ประชาชนแห่ใช้สิทธิ์คึกคัก “ประธาน กกต.” ระบุผู้ป่วยหรือถูกกักตัวใช้สิทธิ์ ขึ้นอยู่กับมาตรการของจังหวัด ล่าสุดมีร้องเรียน 262 เรื่อง ระบุ “คืนหมาหอน” ไม่ได้รับรายงานว่าหอนมากกว่าเดิม
28 พฤศจิกายน 2564 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้เป็นวันเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทั้ง 5,300 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเริ่มเปิดการลงคะแนนตั้งแต่เวลา 8.00 -17.00 น. บรรยากาศเปิดการลงคะแนนโดยทั่วไปเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทยอยออกมาใช้สิทธิ์กันอย่างคึกคัก โดยกรรมการการเลือกตั้งทั้ง 7 คน นำโดยนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและสังเกตการลงคะแนนเลือกตั้งในจังหวัดต่างๆ
นายอิทธิพร กล่าวระหว่างตรวจเยี่ยมและสังเกตการลงคะแนนใน จ.นครราชสีมา ว่า ก่อนเปิดการลงคะแนนได้ตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมของ 2 หน่วยเลือกตั้ง 2 ซึ่งเป็นไปในแนวทางที่สำนักงาน กกต.กำหนดไว้ทั้งเรื่องการจัดคูหาจัดสถานที่รองรับ 3 มาตรการป้องกันโควิด
ส่วนการใช้สิทธิ์ของประชาชนค่อนข้างคึกคัก โดยจากที่ไปตรวจเยี่ยมสำนักงาน กกต. ใน 3 จังหวัดก่อนหน้านี้ คาดว่าผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง อบต. น่าจะสูงกว่าการเลือกตั้ง อบจ. และเทศบาล โดยน่าจะมาใช้สิทธิ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 สอดคล้องกับผลสำรวจความคิดเห็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งใน 42 จังหวัดที่นักศึกษาหลักสูตรพัฒนาการเลือกตั้งระดับสูงของ กกต.ดำเนินการร่วมกับสำนักงาน กกต.สำรวจ พบว่า ร้อยละ 73.5 ยืนยันว่าจะมาใช้สิทธิ์ หวังว่าผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะออกมาใช้สิทธิ์ตามเป้า อยากให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง อบต. เพราะสำคัญ และใกล้ตัวท่านมากที่สุด โดยยังมีเวลาจนถึง 17:00 น. แต่มาไม่ได้ขอให้แจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิ์เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกจำกัดสิทธิ์ตามกฎหมาย สามารถแจ้งได้หลายช่องทางทั้งแจ้งที่สำนักงานเขต ไปรษณีย์ ผ่านแอพพลิเคชั่นฉลาดเลือก เว็บไซต์สำนักงานกกต. กรมการปกครองโดยให้แจ้งภายใน 7 วันนับแต่วันเลือกตั้ง
นายอิทธิพร กล่าวถึง ผู้ที่ป่วยหรือถูกกักตัวต้องการใช้สิทธิ์ ว่า ขึ้นอยู่กับมาตรการของจังหวัดแต่ในส่วนของจังหวัดนครราชสีมาทราบจากทางผู้ว่าราชการจังหวัดว่าถ้าเป็นผู้ถูกกักตัวประสงค์มาใช้สิทธิ์ก็ต้องแจ้งให้พนักงานควบคุมโรคทราบเพื่อทำการตรวจ ATK ถ้าผ่านก็สามารถมาใช้สิทธิ์ได้เพราะที่หน่วยเลือกตั้งก็ได้มีการเตรียมสถานที่สำหรับผู้ที่มีอุณหภูมิร่างกายสูงหรือผู้ที่อยู่ในภาวะเสี่ยงโควิด อยู่แล้วส่วนผู้ที่ป่วยเลยก็อาจจะออกมาใช้สิทธิ์ไม่ได้
ส่วนเรื่องร้องเรียนทั่วประเทศขณะนี้ตัวเลขล่าสุดที่รายงานจากสำนักงาน กกต.กลาง มีคำร้องทั้งหมด 262 เรื่อง เป็นซื้อเสียง 89 เรื่อง บังคับขู่เข็ญอิทธิพลคุกคามใส่ร้ายอีก 62 เรื่อง ซึ่งยังถือว่าจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้สมัครนายกและสมาชิกสภาอบต. ทั่วประเทศ 135,500 คน โดยในส่วนของจังหวัดนครราชสีมามีเรื่องร้องเรียนขณะนี้ 10 เรื่อง เป็นซื้อเสียง 9 เรื่อง บังคับขู่เข็ญใช้อิทธิพลคุกคาม 1 เรื่อง
“คืนหมาหอนที่ผ่านมาไม่ได้รับรายงานว่าหอนมากกว่าเดิม ซึ่งสำนักงาน กกต.ได้ติดตามสถานการณ์มาตลอดเรามีผู้ตรวจการเลือกตั้งลงพื้นที่มาตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. มีชุดเคลื่อนที่เร็ว ชุดหาข่าว และสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้เพิ่มความคมเข้มช่วงคืนหมาหอน ขณะนี้จึงยังไม่มีรายงานเป็นอย่างอื่นแต่ก็อาจจะมีอยู่บ้างเพียงแต่รายงานอาจจะยังมาไม่ถึงผม” นายอิทธิพร กล่าว
ส่วนเหตุปาระเบิดผู้สมัครโดยปกติแล้วถ้ามีการใช้กำลังใช้ความรุนแรงผู้เสียหายสามารถดำเนินการแจ้งตำรวจได้อยู่แล้วส่วนการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นสำนักงานกกต. ทุกจังหวัดก็พร้อมหาข้อมูลและหาต้องดำเนินการสืบสวนไต่สวนตามระเบียบกกต.สำนักงานก็จะดำเนินการต่อไป
ส่วนนายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย กกต. ซึ่งลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการเลือกตั้งอบต.ใน จ.ตราด เชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งอบต.โดยอย่ามาในช่วงเวลาใกล้ปิดการลงคะแนนเพราะหากเกิดข้อติดขัดใดอาจทำให้ไม่ได้ใช้สิทธิ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเลือกตั้ง อบต.ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกหลังจากห่างหายการเลือกตั้งมานาน 8 ปีโดยมียอดผู้สมัครสูงสุด 136,250 คน แบ่งเป็น ผู้สมัคร อบต. 12,309 คน ผู้สมัครสมาชิกอบต. 123,941 คน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี