กกต.เผยภาพรวมเปิดหีบเลือกตั้งอบต. ปชช.ใช้สิทธิ์คึกคัก เชื่อห่างเลือกตั้งนาน 8 ปี เป็นแรงจูงใจปรากฏการณ์คนแห่กลับบ้านใช้สิทธิ์
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 นายกิตติพงษ์ บริบูรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงถึงการเปิดหน่วยเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วน (อบต.) ว่า ทุกหน่วยเลือกตั้งได้มีการเปิดให้มีการลงคะแนนพร้อมกันในเวลา 08.00 น.โดยภาพรวมทั่วไปเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยังไม่มีปัญหาหรืออุปสรรคใดๆ ที่จะนำไปสู่การงดการลงคะแนน สำหรับบรรยากาศการไปใช้สิทธิของประชาชนนั้นถือว่าเป็นไปอย่างคึกคัก โดยเลือกตั้ง อบต.ทั้ง 5,300 แห่ง มีจำนวนหน่วยเลือกตั้ง 62,972 หน่วย และมีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 27,617,988 คน
ส่วนกรณีการเสียชีวิตของผู้สมัครรับเลือกตั้งนั้น หากหน่วยนั้นมีผู้สมัครเลือกตั้งมากกว่า 1 คน การจัดให้มีการลงคะแนนยังคงดำเนินต่อไป แต่ว่าการทำเครื่องหมายในช่องของผู้สมัครที่เสียชีวิตนั้นจะถือว่าเป็นบัตรเสีย ส่วนเขตเลือกตั้งใดไม่มีผู้สมัครเลยซึ่งอาจเกิดจากมีการเสียชีวิต หรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งภายใน7วันหลังวันเลือกตั้ง ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดจะดำเนินการออกประกาศให้มีการเลือกตั้งเพิ่มเติม โดยมีกรอบระยะเวลาในการจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน
นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการแข่งขันกันดุเดือดจนกระทั่งก่อเหตุอาชญากรรมหลายพื้นที่นั้น กกต.ประจำจังหวัดได้ประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการ และมีผู้ตรวจการเลือกตั้งคอยสอดส่องดูแลเรื่องการทุจริตเลือกตั้ง หากมีข่าวหรือเบาะแสอะไรก็จะมีการประสานงาน เพื่อนำไปสู่การดำเนินการตามที่ กกต.กำหนดไว้
เมื่อถามถึงปรากฏการณ์คนกลับบ้านเพื่อไปใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวนมากนั้น นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า การเลือกตั้ง อบต.เป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นในระดับพื้นที่ ที่ใกล้ชิดกับประชาชนในตำบล ในหมู่บ้าน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการไปใช้สิทธิเลือกตั้งในครั้งนี้จะมีผลกระทบโดยตรงกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ดังนั้น ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เดินทางกลับต่างจังหวัดเพื่อไปใช้สิทธิคงเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ อีกทั้งการเลือกตั้งครั้งนี้ห่างจากครั้งก่อนมา 8 ปี ทำให้เป็นแรงจูงใจจนเกิดปรากฎการณ์คนแห่กลับบ้านแห่เลือกตั้งกระทั่งรถติด จึงนับว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งอาจจะมีภารกิจอยู่ห่างไกลจากที่เลือกตั้ง หรือเจ็บป่วยจนไปใช้สิทธิไม่ได้ สามารถรักษาสิทธิตนเองโดยการไปแจ้งเหตุของการไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยระยะเวลาหลังวันเลือกตั้ง 7 วัน โดยวันสุดท้ายของการแจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง คือวันที่ 5 ธ.ค.นี้ ส่วนช่องทางการแจ้งเหตุการณ์ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งคือ ไปแจ้งด้วยตนเองที่สำนักทะเบียนอำเภอที่ตัวเองมีชื่อในทะเบียนบ้าน หรือแจ้งผ่านไปรษณีย์ และช่องทางการแจ้งผ่านวิธีการอิเล็กทรอนิกส์
เมื่อถามว่า ประชาชนยังคงกังวลว่าจะเกิดคลัสเตอร์ใหม่จากการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง กกต.ได้มีการควบคุมอะไรเป็นพิเศษเพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า ในการดำเนินการจัดการเลือกตั้งภายใต้สถานการณ์โควิด-19 กกต.ถือเป็นนโยบายสำคัญตั้งแต่การเลือกตั้ง อบจ.จนถึงการเลือกตั้งเทศบาล และสำหรับการเลือกตั้ง อบต.ก็ได้มีการเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินการภายใต้มาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดมากขึ้น และในการเข้าไปใช้สิทธิในหน่วยเลือกตั้งทุกจุดจะมีเจลแอลกอฮอล์คอยทำความสะอาด และมีการเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดมากขึ้น โดยเฉพาะวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ร่วมกันในคูหา ซึ่งถือเป็นมาตรการที่กำหนดเพิ่มเติม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนผู้มาใช้สิทธิ ส่วนการทำผิดกฎหมายในคูหาเลือกตั้งนั้น นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานเข้ามา การดำเนินการต่างๆยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ด้าน ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต.เปิดเผยถึงสถิติเรื่องร้องเรียนในการเลือกตั้ง อบต.ว่า ล่าสุดมีเรื่องร้องเรียน 262 เรื่อง มากที่สุดเป็นเรื่องของการซื้อเสียง โดยได้รับรายงานการดำเนินการจับกุมการซื้อเสียงแล้วหลายรายรายละเอียดกำลังอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน ส่วนกรณีที่มีเรื่องร้องเรียนก็ดำเนินการตามระเบียบสืบสวนสอบสวน
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี