เปิดศึกชิงเก้าอี้ ส.ส.กรุงเทพฯ
ปชป.-พท.พร้อมลุย
ไม่สน‘บิ๊กป้อม’ขอจอง 24 ที่นั่ง
นายกฯเยือน‘คำชะโนด’ 1 ธ.ค.
เตรียมจัดมหกรรมพืชสวนโลก
‘แรมโบ้’ตามถล่ม‘แอมเนสตี้’
“บิ๊กตู่” จ่อเยือนอุดรธานี ไปวัดป่าบ้านตาด-คำชะโนด เตรียมพร้อมเป็นเจ้าภาพมหกรรมพืชสวนโลก 2026 ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์-เพื่อไทย ไม่หวั่น “บิ๊กป้อม” ประกาศกวาดสส.กทม. 24 คน ด้าน “แรมโบ้” เตือนพวกหนุนหลังแอมเนสตี้จุดจบไม่สวยแน่
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการจ.อุดรธานี ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ โดยกำหนดการเบื้องต้นมีดังนี้ ในช่วงเช้า นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหารดอนเมือง โดยเครื่องบินของกองทัพอากาศไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 23 จ.อุดรธานี จากนั้นทันทีที่ถึงจ.อุดรธานี นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ จะออกเดินทางโดยรถยนต์ไปยังวัดเกษรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) ต.บ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี เพื่อกราบนมัสการพระราชวชิรธรรมาจารย์ (หลวงพ่อสุธรรม สุธัมโม) และพระราชภาวนาวชิรากร (หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก) และตรวจความก้าวหน้าพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว) จากนั้นนายกฯพร้อมคณะจะเดินทางไปยังศูนย์ประชุมมณฑาทิพย์ฮอลล์ ถนนทองใหญ่ ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี เพื่อประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของจังหวัดอุดรธานี ก่อนจะรับฟังผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีกล่าวต้อนรับและบรรยายสรุปทิศทางการพัฒนาจ.อุดรธานี ขณะที่กระทรวงคมนาคมบรรยายสรุปความเชื่อมโยงระบบการขนส่งและโรจิสตกส์ของจ.อุดรธานีกับจังหวัดในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS)
ด้านหอการค้าจังหวัดอุดรธานีบรรยายสรุปทิศทางการค้าการลงทุนและประโยชน์ที่ชาวจ.อุดรธานี ได้จากนโยบายของรัฐบาล พร้อมกันนี้นายกองค์การบริหารส่วนจ.อุดรธานีบรรยายสรุปการเตรียมความพร้อมของจ.อุดรธานี ในการเป็นเจ้าภาพการจัดมหกรรมพืชสวนโลก 2026 และการบรรยายสรุปมุมมองนักธุรกิจรุ่นใหม่ในการพัฒนาจ.อุดรธานี
จากนั้นในช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ จะเดินทางไปยังวังนาคินทร์ คำชะโนด ต.บ้านม่วง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เพื่อตรวจความพร้อมในการเปิดเมืองเพื่อรับนักท่องเที่ยว ตามนโยบายรัฐบาล ก่อนจะเสร็จสิ้นภารกิจและเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในช่วงเย็น
“ปชป.”ผวาพปชร.กวาสส.กทม.
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน สส.และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่รับผิดชอบพื้นที่ กทม.กล่าวถึงการที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศกวาด ส.ส.กทม. ให้ได้ 24 ที่นั่งใน กทม.ว่า ถือเป็นเรื่องปกติทางการเมืองที่พรรคการเมืองต่างๆ จะประกาศว่าจะกวาด ส.ส. ให้ได้มากเท่าไหร่ก็ได้ บางพรรคก็อาจจะได้ตามที่ประกาศไว้ บางพรรคก็อาจจะไม่ได้ ท้ายที่สุดแล้วอยู่ที่วันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งว่าประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะมอบความไว้วางใจให้ใครไม่ได้หวั่นไหวอะไรในคำประกาศของหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
“ผมคงไม่ประกาศว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะได้กี่ที่นั่งใน กทม. แต่เรากำลังมุ่งมั่นทำงานหนัก เพื่อให้ประชาชนกลับมาสนับสนุนเรา ส่วนการเตรียมผู้สมัคร ส.ส. ในกทม.นั้น ขณะนี้พรรคเตรียมผู้สมัครไว้จำนวนหนึ่งแล้ว มีทั้งอดีต ส.ส. กทม. และว่าที่ผู้สมัครใหม่ที่กำลังเร่งทำงานในพื้นที่ต่างๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร ร่วมกับอดีต สก. และว่าที่ผู้สมัคร สก. ที่พรรคพิจารณาไว้พร้อมแล้วเพื่อลงสนามเลือกตั้งท้องถิ่นของ กทม. คือการเลือกตั้ง สก. และผู้ว่าฯ กทม. ที่กำลังจะมีขึ้นอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า”นายองอาจระบุ
“เพื่อไทย”เชื่อกวาดเก้าอี้กทม.เพิ่ม
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณี พรรคพลังประชารัฐ มอบนโยบายการทำงานภาค กทม.ให้กับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ฝั่งธนบุรี เมื่อวันที่ 27 พฤศิจกายนที่ผ่านมา ทางพรรคเพื่อไทยมีความพร้อมในการส่งผู้สมัครส.ส.หรือไม่ว่า สัปดาห์หน้าพรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมโซนเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ ที่พรรคได้แบ่งไว้ทั้งสิ้น 21 โซน โดยกทม.มีถึง 6 โซนด้วยกัน โดยการทำงานของแต่ละโซนนั้นจะทำหน้าที่เป็นแมวมองคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคในเบื้องต้นก่อนส่งเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ทุกพื้นที่มีความพร้อม ในส่วนของกทม.ก็มีความพร้อมเช่นเดียวกัน เดิมทีเรามีส.ส.กทม.ถึง 9 คนแต่หลังจากนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้างซึ่งไม่เป็นปัญหาถึงอย่างไรเราก็ส่งผู้สมัครครบทุกเขตแน่นอน และมั่นใจว่าจะได้ส.ส.กทม.มากขึ้นกว่าเดิมเพราะเป้าหมายในการเลือกตั้งครั้งต่อไปคือได้ส.ส.แบบแลนด์สไลด์จึงต้องได้ส.ส.เพิ่มขึ้นในทุกโซน
แจงกฎหมายลูกเรื่องเลือกตั้ง
นายชูศักดิ์ ศิรินิล คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และว่าด้วยพรรคการเมืองที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอต่อประธานสภาว่า ในร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ของพรรคเพื่อไทยจะมีเนื้อหาคล้ายกับร่างของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ทั้งวิธีคำนวนส.ส. ที่รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมมีเนื้อหาแบบเดียวกับรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมปี 2554 โดยวิธีคำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ ต้องนำคะแนนเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อมาหารด้วยหนึ่งร้อยตามส.ส.บัญชีรายชื่อ แล้วไปดูคะแนนของแต่ละพรรคว่าจะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อกี่คนจะคิดส.ส.แบบพึงมีไม่ได้เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้แบบนี้
ส่วนกรณีถ้าได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่ถึงหนึ่งร้อยคนก็ควรให้พรรคที่มีคะแนนเศษมากที่สุดไม่จำเป็นว่าพรรคนั้นต้องมีส.ส.หรือไม่ เรื่องเบอร์ที่ใช้ในการเลือกตั้งก็ให้ใช้เบอร์เดียวทั้งประเทศโดยใช้เบอร์จากการสมัครส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นตัวตั้ง ส่วนร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองนั้น มีคำถามว่าไพรมารีโหวตยังต้องทำอยู่หรือไม่ เมื่อรัฐธรรมนูญมาตรา 45 ที่กำหนดให้เปิดโอกาสให้สมาชิกมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางในการกําหนดนโยบาย และการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ยังคงมีอยู่หมายความว่าต้องรับฟังความคิดเห็นสมาชิกในการส่งผู้สมัคร ดังนั้นไพรมารีโหวต ยังต้องมีอยู่แต่เราจะเสนอวิธีการให้มีความคล่องตัวมากขึ้น เช่นจังหวัดไหนมีสาขาพรรค มีตัวแทนพรรค ไม่ว่าจะกี่เขตก็ตามให้ส่งผู้สมัครได้ทั้งจังหวัด สัปดาห์หน้าจะมีการนำเนื้อหาเข้าหารือกับแกนนำพรรคและหารือในที่ประชุมสส.และจะยื่นต่อประธานสภาต่อไป
“แรมโบ้”ตามยำแอมเนสตี้
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เป็นองค์กรสิทธิมนุษยชนที่ได้รับการยอมรับ หากนายกฯคุกคามจะถูกนานาชาติมองไทยไม่ใส่ใจเรื่องสิทธิมนุษยชน โดยระบุว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยใส่ใจเรื่องสิทธิมนุษยชนอยู่แล้ว แต่นายวิโรจน์ควรเอาข้อเท็จจริงมาพูดกันว่าสิ่งที่แอมเนสตี้เคลื่อนไหวลักษณะช่วยกลุ่มม็อบนั้นถูกต้องหรือไม่ เพราะทำผิดกฎหมาย ก้าวล่วงสถาบัน สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทั้งนี้ตนเองมั่นใจว่าเรื่องนี้นานาชาติเข้าใจดีว่าสถานการณ์ประเทศ และกฎหมายไทยเป็นอย่างไร จะมีก็แต่ คนไทยด้วยกันเช่นนายวิโรจน์ หรือ ส ส.พรรคฝ่ายค้านที่ไม่เข้าใจกฎหมายของไทย
นายเสกสกล ยืนยันว่าตนเองและประชาชนที่รักสถาบันยังต้องดำเนินการทางกฎหมาย ตรวจสอบและกดดันขับไล่องค์กรนี้ออกไป โดยจะไม่ยอมให้ใครเข้ามาทำลายประเทศชาติ และสถาบันเด็ดขาด และในระยะยาวนายกฯบอกแล้วว่าต่อไปต้องออกกฎหมายควบคุม NGO เพื่อให้เหมือนกับในต่างประเทศ อย่างการขึ้นทะเบียนควบคุม การแจ้งที่มาของแหล่งเงินทุน
“ผมมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะต้องมีกฎหมายออกมาควบคุมกลุ่มนี้เพราะไม่รู้ว่าใครมาดี มาไม่ดี หากมาไม่ดีก็ต้องกำจัดออกจากประเทศไป นายวิโรจน์ เป็นถึง ส.ส.ควรที่จะเข้าใจในเรื่องนี้ ไม่ใช่ไปเข้าข้างองค์กรที่มาทำลายชาติ บ้านเมือง แต่ไม่ใส่ใจ เห็นใจประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ อยากฝากเรียนคนไทยส่วนใหญ่ให้ทราบว่า พรรคการเมืองใดหรือสส.คนไหนที่ออกมาเข้าข้างสนับสนุนให้องค์กรหรือ NGO ต่างชาติที่คิดไม่ดีต่อประเทศไทย เอาเงินต่างชาติเข้ามาว่าจ้างให้คนไทยบางคนได้ทำผิดกฎหมายสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองและคิดร้ายต่อสถาบัน พรรคการเมืองและสส.คนนั้นสุดท้ายจะมีจุดจบ ชะตากรรมที่ไม่สวยมีอันต้องเป็นไป ได้รับผลกรรมที่ทำไว้อย่างแน่นอน”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี