“ศรีสุวรรณ”ร้องผู้ตรวจการแผ่นดินส่งศาล รธน.วินิจฉัย 5 พรฎ.ลดโทษนักการเมืองคดีโกงชอบหรือไม่ ชี้เรื่องนี้รัฐบาลและครม.ต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาทางการเมืองด้วยการลาออก
วันที่ 15 ธันวาคม 2564 เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 230(1) เพื่อขอให้นำความส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือตีความพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษฯ 5 ฉบับที่ออกมาหลังรัฐธรรมนูญ 2560 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ม.50 (10) และ ม.63 หรือไม่
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สืบเนื่องมีการลดโทษหรือขอพระราชทานอภัยโทษให้กับผู้ต้องขังในราชทัณฑ์ ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่ามีการลดโทษในขณะนี้เป็นจำนวนมากและบ่อยครั้งหรือไม่ อีกทั้งการลดโทษผู้ต้องขังบางคน ซึ่งเป็นผู้ต้องขังตามคำพิพากษาของศาลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งเป็นประเด็นที่สังคมเคลือบแคลงและสงสัยอย่างมาก ว่าการออกพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษที่ผ่านมานั้นมีความผิดปกติอะไรหลายประการ โดยเฉพาะการมุ่งเน้นในเรื่องของโทษที่เกี่ยวกับการคดีทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งเป็นประเด็นที่สังคมตั้งคำถาม
ดังนั้น ประเด็นนี้จึงกลายเป็นที่ทางสังคมองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้ไปทบทวนและไปสืบเสาะดูว่ามีพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษตั้งแต่มีการประกาศและบังคับใช้รัฐธรรมนูญ ปี2560 มาจนถึงปัจจุบันมีกี่ฉบับแล้ว ก็ปรากฏว่ามีการตราพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษมาแล้วตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญ 6เมษายน 2560 มาถึงปัจจุบันมี 5 ฉบับด้วยกัน โดยทั้ง5 ฉบับได้มีการจัดทำบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาว่าการจะอภัยโทษนั้น ผู้ต้องขังหรือผู้ที่ถูกจำคุกนั้นที่จะได้รับการอภัยโทษนั้น ต้องเป็นผู้ถูกจำคุกที่มีความผิดเกี่ยวกับกฏหมายใดบ้าง ซึ่งเมื่อไปตรวจสอบดูแล้วปรากฏว่ามีการอภัยโทษให้กับผู้ที่ถูกจำคุกในกฏหมายเกี่ยวกับเรื่องการปราปรามการทุจริต ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่หลายคนสงสัยว่าทำไมรัฐบาลโดยกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม จึงบรรจุบัญชีรายชื่อกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามการทุจริตฯนี้อยู่ในบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษด้วย
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นในวงราชการหรือนักการเมืองเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสำคัญจนเป็นที่มาปฏิวัติรัฐประหารและนำมาซึ่งการยกร่างรธน.ปี 2560ซึ่งหลายคนพูดกันมาโดยตลอดว่าเป็นรธน.ฉบับปราบโกงแล้ว แต่การที่รัฐบาลเสนอพระราชกฤษฎีกาไปยังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯให้มีการอภัยโทษในวาระต่างๆกับบรรจุกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอรัปชั่นอยู่ในลิสต์บัญชีรายชื่อที่จะนำไปสู่การพระราชทานอภัยทานด้วย ดังนั้น ทางสมาคมฯเห็นว่าเรื่องนี้เป็นบทบาทของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่จะต้องเสนอเรื่องนี้ไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยตีความว่า การที่รัฐบาลเสนอกฎหมายพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษทั้ง 5 ฉบับนั้นขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 ประกอบมาตรา 175หรือไม่
นอกจากนี้ นายศรีสุวรณ ยังกล่าวด้วยว่า การที่รัฐบาลเสนอพระราชกฏษฎีกาฯแล้วมีผลขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญนั้น สิ่งที่มีผลตามมาต้องมีผู้ที่รับผิดชอบทางการเมือง ส่วนจะหมายถึงอะไรนั้นก็ต้องไปคิดดูกันเอาเอง โดยปกติความรับผิดชอบทางการเมืองของรัฐบาล ก็คือ การลาออกและหมายถึงคณะรัฐมนตรีด้วย เพราะว่าเรื่องเหล่านี้ต้องผ่านคณะรัฐมนตรี ดังนั้นความรับผิดชอบทางการเมืองที่นายกรัฐมนตรีไปลงนามสนองพระบรมราชโอการนั้น ก็แสดงว่าการนำข้อมูลต่างๆซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรรมนูญนั้น นำขึ้นไปเสนอหรือให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯลงนาม แต่อย่างไรก็ตาม ต้องรอศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยหรือตีความออกมาว่าอย่างไร
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี