ยึดสวนลุมฯโค่น’ปู’
ดีเดย์อาทิตย์นี้บ่าย3โมง
อดีตบิ๊ก4เหล่าทัพร่วมแจม
เพื่อไทยเพ้อสภาปฎิรูป
จะไปพึ่งบารมี”ป๋าเปรม”
ปชป.ย้ำต้องถอนนิรโทษ
ข่าวกรองยันไม่มีปฎิวัติ
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมเวลา14.00น.ที่ร้านอาหาร อี-เมียร์ ถนนสามเสน"กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ"เปิดแถลงข่าวถึงทิศทางของการชุมนุมใหญ่ของมวลชนในวันที่ 4 ส.ค.นี้
ในการแถลงข่าวครั้งนี้ นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำ ได้เปิดเผยรายชื่ออดีตนายทหาร นายตำรวจที่แสดงจุดยืนสนับสนุนการชุมนุมของกองทัพประชาชนประกอบด้วย อดีตนายทหารชั้นผู้ใหญ่
อดีตบิ๊กสี่เหล่าทัพร่วมแจม
ดังนี้ 1.พล.อ.วิมล วงศ์วานิช อดีตผู้บัญชาการทหารบก 2.พล.อ.อ.กันท์ พิมานทิพย์ อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ 3.พล.อ.อ.สามารถ โสดสถิตย์ อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ 4.พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด 5.พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมณ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาและ6.พล.อ.อ.เทอดศักดิ์ สัจจารักษ์ อดีตรองผู้บัญชาการทหารอากาศ ส่วนนรายชื่อนายทหารนายตำรวจ นอกราชการ สามเหล่าทัพ คือ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ พล.อ.ปานเทพ ภูวนาทนุรักษ์ พล.อ.ไพโรจน์ มาประชา พล.อ.ไพโรจน์ แสงสว่าง พล.อ. กฤษณ์ เทียมทิพย์ พล.อ.ชูเกียรติ์ ตันสุวัฒน์ พล.ท.เจริญศักดิ์ เที่ยงธรรม พ.อ.สว่าง โพธิ์สุวรรณ พ.อ.สกล จันทร์โอภาส และพ.อ.รังสรรค์ สงวนศักดิ์ กองทัพเรือ คือ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน พล.ร.อ.สงัด อ่ำชิด พล.ร.อ.ทวิช ปาลกวงศ์ ณ อยุธยา พล.ร.อ.นพ.อนันต์ ต่อประดิษฐ์ พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพและพล.ร.ท.สุรัชดา ชะลออยู่
กองทัพอากาศ พล.อ.อ.เสริมยุทธ์ บุญศิริยะ พล.อ.อ.อมฤต จารยพันธ์และพล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนีและจากตำรวจ พล.ต.อ.บุญทิน วงศ์รักมิตร พล.ต.ท.สมเกียรติ์ พ่วงทรัพย์ พล.ต.ท.อติเทพ ปัญจมานนท์ พล.ต.ต.ศิริ ทองมี และพ.ต.ท.ดร.วีนัส แดงด้อมยุทร
อีกทั้ง นายสนธิ เดชานันท์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เข้าร่วมด้วย โดยมี น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นที่ปรึกษาคณะเสนาธิการร่วม "ส่วนรายชื่อ ที่ยังไม่ประกาศ ล้วนแต่เป็นนายทหารบก นายทหารเรือ นายทหารอากาศ และตำรวจที่ยังอยู่ในราชการหรือรับราชการอยู่จึงขอปิดไว้ก่อน นายไทกร ย้ำ
4สิงหานัดชุมนุมโค่นปูที่สวนลุม
สำหรับการนัดชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ นายไทกร กล่าวว่าทางกลุ่มฯได้พิจารณาสถานที่หลายแห่งทั้งที่อยู่และไม่อยู่ในพื้นที่ประกาศ พรบ.ความมั่นคงและตัดสินใจเลือก สวนลุมพินี เป็นสถานที่ชุมนุมด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมชุมนุม โดยจะจัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 4 สิงหาคมจะเริ่มชุมนุมตั้งแต่เวลา15.00น.เป็นต้นไป
ย้ำจุดยืนชุมนุมสงบไร้อาวุธ
"โดยมีข้อที่ เราจะนำมายึดในการปฏิบัติ คือพี่น้องประชาชนผู้มาร่วมชุมนุมปลอดภัย การชุมนุมจะต้องเป็นไปโดยสงบ สันติ ชุมนุมปราศจากอาวุธและสามารถอ่อนตัวได้ หากมีสถานการณ์ ซึ่งอาจจะถูกก่อเหตุจากฝ่ายอำนาจรัฐ และขอยืนยันว่า ผู้ชุมนุมจะชุมนุมโดยสงบ หากมีเหตุรุนแรงขึ้นก็จะเป็นฝีมือของรัฐบาล หรือคนของรัฐบาลเท่านั้น"นายไทกร ย้ำ
พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ แกนนำร่วม กล่าวว่าการชุมนุมจะใช้ระยะเวลาเท่าไร คงตอบไม่ได้ ต้องดูตามสถานการณ์ แต่หากประชาชนออกมาร่วมชุมนุมกันอย่างมืดฟ้ามัวดินก็จะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอนและยิ่งมากันเร็วเท่าไร ชัยชนะของกองทัพประชาชน ก็จะยิ่งเร็วมากเท่านั้น
สวนกลับ’ปู’ปรองดองจริงหรือ
ด้าน พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ เสนาธิการร่วมกองทัพประชาชนได้ตั้งข้อสังเกตถึงที่นายกรัฐมนตรีเชิญผู้ที่มีความขัดแย้งทุกกลุ่มทุกฝ่ายเข้าเจรจาหารือร่วมกันเพื่อหาทางออกประเทศว่ารัฐบาลมีความต้องการที่จะปรองดองจริงหรือไม่ เพราะตลอด2ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ทำอะไรบ้าง ที่เป็นการฟังเสียงประชาชน เมื่อจะมีการชุมนุม รัฐบาลก็พยายามสกัดกั้นการแสดงออกทุกอย่าง ทั้งประกาศ พรบ.ความมั่นคง ตลอดจนใช้ตำรวจและฝ่ายปกครองขัดขวางการเดินทางมาร่วมชุมนุม ถือเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชน
อัดคุม3เขต แต่ละเมิดสิทธิทั่วปท.
“ผมถามว่าท่านทำท่าเหมือนจะปรองดอง ท่านกดดันเราตลอดเวลา ออก พรบ.ความมั่นคง นี่ละเมิดสิทธิเรา เรากำลังจะดำเนินการตามกฎหมายอยู่แล้วก็ให้ตำรวจ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง กีดกันการเดินทางของเรา ยืนยันรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจนว่าการเดินทางเป็นเสรีภาพของประชาชน เวลานี้พรบ.ความมั่นคง ประกาศแค่3เขตใน กทม.แต่การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐทั่วประเทศไทย ซึ่งไม่มีอำนาจตามกฎหมาย ขอเตือนนายกฯที่ชอบปรองดองให้คิดในเรื่องนี้ด้วย” พล.ร.อ.ชัย กล่าว
โวยรัฐทำเกินขอบเขตจับยึดรถ
นอกจากนี้ นายไทกร ยังกล่าวโจมตีรัฐบาลที่ทำเกินขอบเขตทั้งการจับกุมรถติดตั้งเครื่องขยายเสียง รถบรรทุกเวทีของกองทัพประชาชนที่จะมาร่วมชุมนุม ทำให้ต้องหันมาใช้การติดต่อสื่อสารบนสังคมออนไลน์แทนโดยใช้ชื่อเพจในเว็บไซต์ facebook.comคือ “กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ”เป็นเพจหลัก ส่วนเพจแนวร่วมนั้นจะประกาศให้ทราบต่อไป
ปลุกให้ออกมาร่วมยุติระบอบแม้ว
พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี หนึ่งในคณะเสนาธิการร่วมโพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัวปลุกให้ประชาชนออกมาร่วมขับไล่ระบอบทักษิณโดยยืนยัน กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ประกาศเรียกร้องตามสิทธิที่กำหนดไว้แน่ชัดในรัฐธรรมนูญมาตรา63 และ69ซึ่งไม่ได้ระบุว่าจะโค่นรัฐบาล รัฐตำรวจ ระดมพลตำรวจมากมายเมื่อเทียบกับการจัดกำลังพลในหน่วยทหารเท่ากับ5กองพลทหารราบหรือเท่ากับกำลังพลใน2กองทัพภาคบวกกัน เป็นการใช้กำลังรัฐเกินกว่าเหตุโลกคงจะได้รู้ถึงความชั่วร้าย ระบอบทักษิณอย่างแท้จริง ออกมากันเถอะวันที่4 ส.ค.นี้เพื่อยุติระบอบสามานย์ทักษิณนี้ เพราะต่อไปนี้การใช้กำลังลักษณะนี้จะเป็นบรรทัดฐานของตำรวจไทย
พท.เย้ยม็อบแช่แข็งจี้หยุดทำร้ายปท.
ในขณะที่ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่าการขับเคลื่อนของกลุ่มการเมืองนอกสภาในช่วงนี้ ไม่มีอะไรต้องตกใจ ขอให้มองอย่างมีสติ ที่เห็นเหมือนมีกลุ่มใหม่ๆเปิดตัวออกมาบ้างแต่ก็เป็นประเภท ชื่อใหม่แต่หน้าเก่า ขาประจำ แม้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เคยจัดชุมนุม เมื่อปี2548จะออกตัวไม่เข้าร่วมโดยอ้างเรื่องติดเงื่อนไขการประกันตัวแต่เชื่อว่าน่าจะมีอีแอบบางคนรวมอยู่กับกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณโดยมีพรรคประชาธิปัตย์คอยปลุกระดมเรียกแขกหน้าร้าน อีกชั้นหนึ่ง
“แม้กระบวนการทั้งหมดจะคล้ายกับเมื่อปี2548ก็เชื่อจะไม่ถึงขั้นแตกหักอะไรและอาจเป็นเหตุผลที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯยังไม่เข้าร่วมชุมนุมเพราะรู้ว่าออกตัวไปก็เจ็บตัวเปล่า ดังนั้น ความพยายามที่จะแช่แข็งประเทศในรอบที่2 จึงไม่มีอะไรใหม่และเชื่อว่าจะมาเร็ว เคลมเร็ว จบเร็ว ถ้าเป็นไปได้ก็จงหยุดการทำร้ายประเทศด้วยการประกาศแช่แข็งประเทศ แช่แข็งเศรษฐกิจประเทศอีกเลย”รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ย้ำ
“ตุ๊ดตู่”ยันไม่จัดเสื้อแดงต่อต้าน
ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ยืนยันว่าคนเสื้อแดงจะไม่ไปชุมนุมหรือสร้างเงื่อนไขให้เกิดการเผชิญหน้ากับการชุมนุมของกลุ่มกองทัพประชาชนฯวันที่ 4 ส.ค.นี้แน่นอนเพราะเชื่อว่าจะมีมือที่3แฝงตัวมาสร้างสถานการณ์ โดยจะประเมินสถานการณ์เป็นระยะ ซึ่งพร้อมชุมนุมถ้าใช้กำลังโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงจะประมาทไม่ได้ เพราะเป้าหมาย อยู่ที่การโค่นล้มรัฐบาลเป็นหลัก การคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็นเพียงข้ออ้างจากการข่าวพบว่ามีความพยายามต้องการให้เกิดความรุนแรงขึ้นศอ.รส.จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
แดงหนุนสภาปฎิรูปแก้ขัดแย้ง
ส่วนการเสนอแนวทางสภาปฏิรูปของนายกฯรัฐมนตรีนั้น นายจตุพรระบุว่าคนเสื้อแดงเห็นด้วยกับแนวทางการแก้ปัญหาความขัดแย้ง และจะไม่เป็นอุปสรรค์ แต่ขณะนี้กลุ่ม นปช.ยังไม่ได้กำหนดตัวบุคคลที่จะเข้าร่วม เนื่องจากต้องการให้รัฐบาลไปทำความเข้าใจและเชิญกลุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้ามรัฐบาลให้เข้าร่วมได้ก่อน แต่เชื่อว่าจะเป็นได้ยาก เพราะกลุ่มเหล่านั้นจะต้องสร้างเงื่อนไขที่ยากต่อการยอมรับได้ของรัฐบาล เพื่อหวังให้สภาปฎิรูปการเมืองไม่สามารถเกิดขึ้นได้
ศอ.รส.พบม็อบทยอยเข้าสวนลุมฯ
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.)แถลงข่าวสรุปภาพรวมการดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมของมวลชนกลุ่มต่างๆว่า เหตุการณ์ทั่วไปยังปกติ ดยมีกำลังตำรวจนครบาลดูความสงบเรียบร้อยและยังไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาในพื้นที่ที่มีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯแต่พบว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนจัดตั้งเต็นท์และเวทีปราศัยบริเวณลานพระบรมรูปร.6 สวนลุมพินี ผู้ชุมนุมเริ่มทยอยเข้ามาเรื่อยๆเบื้องต้นได้ส่งกำลังจาก บก.น.5ไปดูแลความสงบเรียบร้อย จากข้อมูลด้านการข่าวประเมินว่าในวันที่4-6 ส.ค.นี้กลุ่มผู้ชุมนุมจะเริ่มทยอยเข้ามาในพื้นที่ กทม.และคาดว่าในวันที่4 ส.ค.นี้ กลุ่มผู้ชุมนุมจะมีการยกระดับการชุมนุมจากหลักร้อยจนถึง4-5 พันคนแต่มีแนวโน้มว่าผู้ชุมนุมอาจจะรวมตัวกันลักษณะดาวกระจายไปยังสถานที่ต่างๆ ส่วนจำนวนผู้ชุมนุมจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของฝ่ายการเมืองเป็นสำคัญ
ส่งกองกำลังชุดแรก11กองร้อย
พล.ต.ต.ปิยะ กล่างอีกว่าในเวลา15.00น.ศอ.รส.ได้สั่งการกองกำลังระลอกที่1เข้ารักษาพื้นที่ควบคุมตามประกาศ พรบ.ความมั่นคง อีก11กองร้อย ดูแลใน3ภารกิจ คือ ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ การตั้งด่านตรวจ เสริมการดำรงดูแลเส้นทางเข้า-ออกสถานที่ราชการสถานที่ที่เชิงสัญลักษณ์สำคัญ รวมทั้งการดูแลบุคลสำคัญโดยพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตรในฐานะผอ.ศอ.รส.จะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่และตรวจความสงบเรียบร้อย รวมถึงมีเจ้าหน้าตำรวจฝ่ายประชาสัมพันธ์ลงพื้นที่บันทึกภาพเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกฏหมายในวันที่4 ส.ค.
พ.ต.ท.หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล รองโฆษก ศอ.รส.กล่าวว่าศอ.รส.ได้สั่งการให้จัดทีมแพทย์เคลื่อนที่ ซึ่งเป็นแพทย์และพยาบาลมืออาชีพจาก รพ.ตำรวจ โดยจะประจำอยู่3จุดคือกองบัญชาการตำรวจนครบาล ทำเนียบรัฐบาล และอาคารรัฐสภาเพราะห่วงใยสุขภาพผู้ที่มาร่วมชุมนุมรวมถึงสื่อมวลชนที่มาติดตามทำข่าว หากใครเจ็บป่วยสามารถติดต่อขอรับบริการได้
ปรับแผนรปภ.บ้านนายกฯขั้นสูงสุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศบริเวณบ้านพัก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ภายในซอยโยธินพัฒนา3 การรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวดในช่วงเช้า พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 สั่งปรับแผนการรักษาความปลอดภัยโดยรอบบ้านพักนายกฯขั้นสูงสุด ขอให้สื่อมวลชนพร้อมรถข่าว ออกจากพื้นที่โดยรอบบ้านนายกฯให้เหตุผลว่าอยู่ระหว่างการจัดทำแผนรักษาความปลอดภัยใหม่ให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น ในช่วงการประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคง กำหนดให้พื้นที่บริเวณรอบบ้านพักนายกฯเป็นพื้นที่ควบคุม โดยสื่อมวลชนที่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ต้องแจ้งชื่อ สังกัดและแสดงบัตรประจำตัว ตรวจสอบอย่างละเอียดสำหรับรถยนต์ หรือบุคคลที่น่าสงสัยที่ผ่านหน้าบ้านพักของนายกฯ
ปูพักพ่อนในบ้านงดภารกิจ
ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้เวลาช่วงวันหยุด หลังกลับจากปฏิบัติภารกิจเยือนประเทศแถบแอฟริกา ได้พักผ่อนอยู่ภายในบ้านพักกับครอบครัวโดยไม่มีภารกิจ โดยไม่มีกำหนดการปฏิบัติภารกิจ หรือลงพื้นที่อ่าวพร้าว เกาะเสม็ดจ.ระยองเพื่อตรวจสอบและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการขจัดคราบน้ำมัน การคาดการณ์ก่อนหน้านี้
‘ปู’เดินหน้าแก้ขัดแย้ง แบบคู่ขนาน
ช่วงเช้าวันเดียวกัน รายการ”รัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชน”ช่วงแรกได้นำเทปคำแถลงของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องข้อเสนอทางออกประเทศไทยเกี่ยวกับสภาปฏิรูปมาออกอากาศซ้ำอีกครั้งจากนั้น นายกฯ ให้สัมภาษณ์ยืนยันแนวคิดนี้ ตั้งแต่รัฐบาลเข้ามา แต่ผ่านมา2 ปีแล้ว ปัญหาความขัดแย้งก็ยังอยู่ รัฐบาลสนับสนุนเวทีในระบอบรัฐสภาอยู่
ทั้งนี้ได้ย้ำมอบให้นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีกับนายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรมช.เกษตรฯเป็นผู้ประสานงานหลัก ทำการเชิญตัวแทนทั้งฝ่ายรัฐบาล ขั้วการเมืองทุกกลุ่มทุกสี องค์กรอิสระ นักวิชาการ ภาคเอกชนรวมถึงสื่อมวลชน ประมาณ50-100 คนมาประชุมร่วมกันที่ทำเนียบรัฐบาล ระดมสมองในการพัฒนาประเทศในอนาคตของทุกฝ่ายรวมถึงการพัฒนาประเทศในอนาคต จะไม่รื้อความขัดแย้งในอดีตกลับมาพูด
’พงศ์เทพ-วราเทพ’รุดพบ’ป๋าเติ้ง’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลัง นายกฯมอบหมายให้นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และนายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้ประสานหลักก็ได้เดินทางเข้าพบ นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาที่บ้านพักถนนจรัญสนิทวงศ์ กรุงเทพฯเพื่อหารือเกี่ยวกับการตั้งสภาปฏิรูปการเมืองเพื่อหาทางออกลดความขัดแย้งและเสริมสร้างความปรองดองโดยเป็นเรื่องซื้อเวลาให้รัฐบาล
จ่อเทียบเชิญ"ป๋าเปรม-วิษณุ"
การหารือหนนี้ นายบรรหารได้สอบถามถึงรายชื่อของบุคคลว่าที่รัฐบาลเชิญเข้าร่วมหารือ ซึ่งนายวราเทพ ได้ชี้แจงว่าได้กำหนดกลุ่มบุคคลไว้ 3กลุ่มคือ 1.กลุ่มอาวุโสทางการเมืองในอดีต เช่น พล.อเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และอดีตนายกรัฐมนตรี นายอานันท์ ปันยารชุน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นอกจากนี้ยังมีอดีตประธานรัฐสภาด้วย เช่น นายอุกฤษ มงคลนาวิน นายอุทัย พิมพ์ใจชน นายวัน มูหะมัดนอร์ มะทา นายโภคิน พลกุล นายมีชัย ฤชุพันธุ์ นายชัย ชิดชอบ นายสุชน ชาลีเครือ 2.องค์กรอิสระ 3.องค์กรประชาชนทุกหลากสี,นักวิชาการ เช่น นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตสภานิติบัญัญติแห่งชาติ ซึ่งจะมีการพูดคุยครั้งแรกหลังวันที่12 ส.ค.ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
รายงานข่าวเปิดเผยด้วยว่า แนวคิดสภาปฎิรูปการเมือง ทางออกประเทศไทย นายบรรหารได้มีการหารรือกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีอาญา ก่อนหน้านี้แล้ว ที่ปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงวันเกิดพ.ต.ท.ทักษิณ ต่อมาจึงได้มีการพูดคุยกับนายกฯ ถึงแนวความคิดนี้ผ่านคณะยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย
ปชป.เมินปูเชิญถกปฎิรูป
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) แถลงถึงกรณีที่นายกฯเสนอแนวทางปฏิรูปการเมืองเชิญทุกฝ่ายหารือร่วมกันว่าแนวคิดเป็นเรื่องดีซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันมาตั้งแต่ต้นว่าการพูดคุยหาทางออกร่วมกันเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำพาประเทศไปสู่ความปรองดองแท้จริง โดยพรรค ขอถามว่าเจตนารมณ์ที่เสนอเรื่องนี้ในวันที่ประเทศกำลังเดินเข้าสู่ความขัดแย้งนั้นหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์มีความจริงและอยากให้บ้านเมืองสงบก็ต้องเริ่มต้นจากการปลดชนวนโดยถอนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมและร่างพ.ร.บ.ปรองดองที่อยู่ในสภาฯ ให้หมด แต่หากนายกฯยังพูดว่าเป็นเรื่อง ส.ส.หรือสภาฯสิ่งที่พูดไปก็ไม่มีความหมายอะไรซึ่งการเสนอนี้คงเป็นแผนการซื้อเวลาให้ผ่านวันที่7ส.ค.นี้ที่สภาผู้แทนฯจะประชุมพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเท่านั้น ซึ่งสถานการณ์คงจะรุนแรงมากกว่าเดิมอย่างแน่นอนและเห็นว่านายกฯควรสนับสนุนข้อเสนอคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.)ที่ตรวจสอบความจริงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นพรรคก็พร้อมที่จะเดินหน้าไปด้วยกัน
“มาร์ค”ปลุกต้านนิรโทษกรรม
เมื่อเวลา 17.30 น.ที่ตลาดปัฐวิกรณ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปราศัยผ่านเวทีผ่าความจริงของพรรคประชาธิปัตย์ตอนหนึ่งถึงกรณีที่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จะมีการพิจารณาร่างพรบ.นิรโทษกรรมในวันที่ 7 ส.ค.นี้โดยยืนยันที่จะคัดค้านอย่างถึงที่สุด ซึ่งวันนี้รัฐบาลต้องบออกมายอมรับได้แล้วว่าทำให้เกิดความขัดแย้ง ไม่เช่นนนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่รัฐบาลจะต้องประกาศใช้พรบ.ความมมั่นคงใน 3 เขต ดังนั้น กฎหมายฉบับนี้ไม่มีทางที่เรียกว่ากฎหมายที่นำไปสู่ความปรองดององ เพราะถ้าปรองดองนั้นหมายความว่าทุกคนต้องสนับสนุน ดังนั้นรัฐบาลต้องถามตัวเองว่าที่ต้องออกพรบ.ความมั่นคงเป็นเพราะอะไร การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีอ้างว่า จำเป็นต้องทำเพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตย ป้องกันเหตุร้ายความวุ่นวายที่เกิดขึ้น และเป็นการป้องกันชีวิตและทรัพย์สินราชการนั้น ข้ออ้างทั้งหมดฟังไม่ขึ้น เพราะตนมองว่าเป็นการเอาเจ้าหน้าที่ความมั่นคงมาปราบปราบผู้ที่คัดค้านการล้างผิดให้ผู้ที่เอาอาวุธสงครามมาทำลายทรัพย์สินราชการ ทรัพย์สินเอกชน ซึ่งเรายังยืนยันที่จะทำหน้าที่ต่อไปในการคัดค้านอย่างถึงที่สุด ในส่วนของพี่น้องประชาชนนั้นสามารถชุมนุมได้ภายใต้กรอบของกฎหมาย และพรรคประชาธิปัตย์ก็จะอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายกฯได้มีการแถลงข้อเสนอทางออกประเทศไทยโดยระบุว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลดำเนินการเพื่อให้เกิดความปรองดองในชาติ และเปิดพื้นที่ให้กลุ่มที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างทางการเมืองนั้น ตนมองว่า นายกฯไม่พูดความจริงกับประชาชน ทั้งนั้ตนอยากจะบอกกับนายกฯว่าพรรคยืนยันว่ายังเชื่อมั่นในระบบสภาฯ ซึ่งการที่พรรคเคลื่อนไหวมาตลอด 1 ปี หากตั้งใจฟังรัฐบาลจะทราบว่า พรรคไม่สนับสนุนรัฐประหาร แต่เราที่เราดำเนินการนั้นเป็นเพราะไม่สนับสนุนกฎหมายล้างผิด นอกจากนี้เรายังยืนยันที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในทุกเรื่องในการหาทางออกให้ประเทศเห็นได้จากที่รัฐบาลเชิญไปพูดคุยเรื่องปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งเราเคยให้ข้อเสนอแนะแต่รัฐบาลก็ไม่ได้ทำ
ถอนนิรโทษพร้อมเจรจา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เรื่องการออกพรบนิรโทษกรรมนั้น มีหลายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยอาทินายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานรัฐสภา ที่ระบุว่า ต้องทำในหลักการณ์ที่ถูกต้องไม่ใช่การยัดเยียดช่วยคนเพียงกลุ่มเดียวแล้วมาทำลายหลักการบ้านเมือง ในส่วนที่รัฐบาลจะมีการเชิญทุกภาคส่วนหารือร่วมกันภายในสัปดาห์หน้านั้น ตนขอเรียนว่าตนเป็นคนที่พยายามหาทางออกให้ประเทศชาติเสมอ ซึ่งเรื่องนี้ถ้านายกรัฐมนตรีออกมาแสดงจุดยืนที่ชัดเจนคือให้พรรคเพื่อไทยถอนร่างพรบ.นิรโทษกรรมออกจากสภาฯตนยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์จะส่งคนไปร่วมพูดคุยอย่างแน่นอน
การข่าวยังไม่มีปฎิวัติ
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้ชี้แจงว่า ตลอดทั้งวันนี้มีข่าวลือถูกเผยแพร่ในอินเตอร์เนตตลอดทั้งวัน ทางสำนักข่าวกรองแห่งชาติได้ตรวจสอบทุกช่องทางแล้ว ขอยืนยันว่า เป็นการปล่อยข่าวที่ไม่มีข้อเท็จจริงรองรับอย่างสิ้นเชิง การเคลื่อนย้ายกำลังและยุทโธปกรณ์มีจริงแต่เป็นไปตามวงรอบการฝึกของกองทัพบก เรื่องการปฏิวัติก็ไม่มีสงบบอกเหตุ และไม่มีบุคคลใดคิดจะทำในเรื่องเช่นนี้ สถานการณ์บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อยตามปกติ การชุมนุมประท้วงที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 4 สิงหาคม ก็ยังไม่มีแนวโน้มที่จะมีความรุนแรง เชื่อว่าทั้งฝ่ายผู้รักษากฎหมายและผู้ชุมนุม ต่างก็ไม่ต้องการความรุนแรงและจะดำเนินการตามกรอบของกฎหมายด้วยกันทั้งสองฝ่าย
กลุ่ม40สว.เชื่อ’ปู’ดันปฎิรูปไม่สำเร็จ
ด้าน นายประสาร มฤคพิทักษ์ แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว.กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีเชิญทุกฝ่ายมาหาทางออกจากความขัดแย้งว่าไม่มีทางสำเร็จอย่างแน่นอน เพราะรัฐบาลนี้ มือถือสากปากถือศีล ด้านหนึ่งก็ออกปากเชิญชวนให้หาทางออกอย่างสันติ แต่อีกด้านหนึ่งก็สร้างชนวนเหตุความรุนแรงในบ้านเมืองตลอดเวลา ไม่ว่าจะออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้กับคนที่เผาบ้านเผาเมือง ล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรจัดตั้งหมู่บ้านเสื้อแดงสร้างความแตกแยก ส่งอันธพาลการเมืองไประรานเวทีปราศรัยของพันธมิตรฯและพรรคประชาธิปัตย์ หากรัฐบาลยังคงปากว่าตาขยิบแบบนี้ เชื่อว่าจะไม่มีใครเข้าร่วมเวทีดังกล่าวที่จะจัดขึ้น สุดท้ายก็จะมีแค่คนเสื้อแดงและกองเชียร์ของรัฐบาลเท่านั้น
"หากนายกฯต้องการให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาพูดคุยกันจริง ต้องแสดงออกถึงความจริงใจด้วยการถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและพ.ร.บ.ปรองออกมา ห้ามไม่ให้จัดตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง ห้ามปรามมวลชนของตัวเองไม่ให้ไปปั่นป่วนเวทีปราศรัยของฝ่ายอื่นๆนายกฯต้องปลดเงื่อนไขความขัดแย้งต่างๆถ้าแสดงความจริงใจออกมาให้สังคมเห็นไม่ได้ ความขัดแย้งก็ไม่มีทางคลี่คลาย เพราะไม่มีใครเชื่อถือนายกรัฐมนตรี"นายประสาร กล่าว
ผู้กองปูเค็มบุกพท.จี้ถอนร่างฯ
ในวันเดียวกัน กลุ่มประชาชนไม่เอาระบบทักษิณ นำโดยร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือ ผู้กองปูเค็มพร้อมประชาชนกว่า30 คนมาชุมนุมที่หน้าพรรคเพื่อไทย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.มักกะสันพร้อมชุดปฏิบัติการปะฉะดะ45นายมารักษาความปลอดภัย ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมพยายามจะเข้ามาภายในที่ทำการพรรคเพื่อไทย เจ้าหน้าที่ฝ่ายอาคารได้เจรจาขอร้องให้ไปชุมนุมบริเวณริบถนนหน้าที่ทำการพรรค โดยผู้กองปูเค็ม ยืนยันว่า มาชุมนุมที่พรรคเพื่อไทย เพราะเป็นพื้นที่ไม่ได้ประกาศ พรบ.ความมั่นคงฯโดยเรียกร้องให้รัฐบาลถอนร่าง พรบ.นิรโทษออกจากสภา หากยืนยันจะพิจารณาต่อไป อยากให้เกิดเลือดนองท้องช้างหรืออย่างไร ตนก็ไม่ยอม ให้รัฐบาล เพื่อไทย ย่ำยีอำนาจตุลาการ พร้อมกันนี้ ฝากบอกรัฐบาลและพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผบ.ตร.ว่า”ผู้กองปูเค็มพร้อมรบโดยได้เตรียมจัดตั้งนักรบจรยุทธ์ที่พร้อมจะรบในลักษณะสงครามกองโจรซึ่งเป้าหมายกำหนดไว้แล้วแต่ขอไม่บอก”
เผยตั้งนักรบจรยุทธ์สู้แบบกองโจร
ส่วนเรื่องนี้จะเสี่ยงเกิดความรุนแรงหรือไม่ ร.อ.ทรงกลด ย้ำว่าขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะยอมถอนร่างพรบ.นิโทษกรรมฯหรือไม่ หากถอนไป ก็ไม่เกิดความรุนแรง“เมื่อถึงการชุมนุมจริง รัฐบาลรับมือพวกเราไม่ไหวหรอก มีตำรวจแค่3หมื่น กับประชาชนที่เห็นต่าง12ล้านคน จะรับมืออย่างไรไหว ตำรวจหน้าสภา ก็เอาไม่อยู่ ก็ตามคุณอดุลย์กับรัฐบาล ถ้าพร้อมจะแลกกับผู้กองปูเค็มก็จะจัดให้” ร.อ.ทรงกลด กล่าว
ประพันธ์ชี้เคลื่อนไหวนอกสภาทำได้
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย การแสดงออกหากแสดงออกตามกฎหมาย คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา แต่ที่เป็นห่วงก็น่าจะเป็นตอนที่ออกมาแล้วเกิดการกระทบกระทั่งกัน ก่อให้เกิดความเสียหาย เห็นว่าภาพรวมของประเทศขณะนี้กำลังดี และต่างประเทศก็เชื่อมั่นในประเทศไทย แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันขึ้นจริง ก็จะทำให้ภาพรวมของประเทศเสียหาย ขอให้ทุกคนคำนึงถึงประเทศชาติเป็นหลัก
ส่วนที่บางพรรคการเมืองออกมาสนับสนุนในการเคลื่อนไหวนอกสภานั้น หากอยู่ในกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ก็สามารถทำได้ ขณะที่จะมีการมาร้อง กกต. ให้ตรวจสอบพรรคการเมืองว่าทำผิดกฎหมายพรรคการเมืองหรือไม่ ก็ต้องมาดูข้อเท็จจริงว่ามีการกระทำใดที่เป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.พรรคการเมืองหรือไม่ เพราะเหตุที่จะไปยุบพรรคการเมืองใด ต้องมีข้อเท็จจริงว่าพรรคการเมืองนั้น มีการกระทำผิดกฎหมายหรือไม่ อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงประเทศเป็นหลัก คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรเป็นปัญหา
"กระบวนการในการเสนอกฎหมายนั้น ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พ.ร.บ.ปรองดอง พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท มันมีข้ันตอนกระบวนการอยู่ ไม่ใช่อยู่ๆ จะเสนอเข้าสภา ก็สามารถผ่านทั้ง 3 วาระได้เลย เมื่อมีกระบวนการทางกฎหมาย ทุกฝ่ายก็ต้องยอมรับ หากไม่ยอมรับก็เกิดปัญหาได้" นายประพันธ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี