"ศรีสุวรรณ"ร้องผู้ตรวจฯสอบกรมปศุสัตว์ไม่ทำตามพ.ร.บ.โรคระบาดเพื่อสกัดกั้นอหิวาต์หมู ปล่อยเชื้อกระจายจนส่งผลหมูแพง เชื่อเอื้อผู้ประกอบการรายใหญ่ ขู่บุกพบอธิบดีปศูสัตว์วันศุกร์นี้
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 12 มกราคม 2565 ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่าน นายปิยะ ลือเดชกุล ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบเรื่องร้องเรียน เพื่อขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบกรณีหน่วยงานภาครัฐปกปิดข้อมูลการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอหิวาต์หมู หรือ ASF
โดย นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวทำให้ผู้เลี้ยงหมูรายย่อยเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก จนเป็นเหตุให้หมูมีราคาแพงกว่าเท่าตัว รวมทั้งอาจเป็นการเอื้อให้บริษัทขนาดใหญ่บางบริษัทได้ประโยชน์จากการที่หน่วยงานของรัฐไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเฉพาะ พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2538 ซึ่งการระบาดของโรคดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2562 ที่ จ.เชียงราย แต่กรมปศุสัตว์ซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายกลับไม่ประกาศให้พื้นที่ต่างๆ เป็นพื้นที่การระบาดของโรคอหิวาต์หมู และเกิดการกระจายไปทั่วประเทศ จนส่งผลกระทบต่อเกษตรกรทั่วประเทศ และส่งผลกระทบต่อจำนวนหมูที่จะเข้าสู่ท้องตลาดเพื่อการบริโภคของประชาชน ซึ่งเป็นมูลเหตุสำคัญทำให้ราคาหมูในท้องตลาดแพงขึ้นในปัจจุบันนี้
"เหตุใดกรมปศุสัตว์จึงไม่ออกประกาศตามกฎหมายเพื่อที่จะควบคุมการแพร่ระบาดของโรคในสุกร โดยน่าจะเป็นความผิดของอธิบดีกรมปศุสัตว์ , รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับประเด็นปัญหาดังกล่าว เบื้องต้นได้ไปร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่ามีพฤติกรรมที่เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ แต่ในส่วนของผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบกรณีที่กรมปศุสัตว์ไม่ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ จะมีลักษณะการเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทผู้ประกอบการเลี้ยงขนาดใหญ่ที่เป็นผู้เลี้ยงหมูครบวงจร ซึ่งกลุ่มบริษัทเหล่านี้ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ แต่กลับได้รับผลประโยชน์โดยตรงต่อการที่กรมปศุสัตว์ไม่ประกาศพื้นที่การระบาดของโรค ทำให้บริษัทขนาดใหญ่ยังสามารถขาย และส่งออกหมูไปต่างประเทศได้ จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบว่ามีใคร หรือผู้ประกอบการรายใด ได้รับผลประโยชน์จากการที่กรมปศุสัตว์ ไม่บังคับใช้กฎหมาย" นายศรีสุวรรณ กล่าว
นายศรีสุวรรณ ยังกล่าวว่า เมื่อผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบแล้วน่าจะมีข้อเสนอที่นำไปสู่การแก้ปัญหา เสนอแนะไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือรัฐบาล ว่าควรจะมีมาตรการหรือกลไกในการแก้ปัญหาอย่างไร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยเฉพาะรายเล็ก รายย่อย ให้กลับมาสามารถเลี้ยงหมูได้อีก แม้ว่าในการประชุม ครม.เมื่อวานนี้ (11 ม.ค.) รัฐบาลจะอนุมัติงบประมาณกว่า 500 ล้านบาท ช่วยเหลือ แต่เมื่อเทียบกับความเสียหายมีมากกว่าพันล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าเงินดังกล่าวไม่เพียงพอต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
"ผมเรียกร้องให้อธิบดีกรมปศุสัตว์เปิดเผยข้อมูลที่ระบุว่ามีโรงฆ่าสัตว์ที่ จ.นครปฐม ที่ระบุว่าพบเชื้ออหิวาต์ที่โรงฆ่าหมูที่ จ.นครปฐม ว่าเป็นที่ใด เพราะตนจะได้ไปตรวจสอบ เนื่องจากการพบเชื้อดังกล่าวจะต้องมีการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่บริเวณโดยรอบในรัศมี 5 กม.ซึ่งยังไม่ทราบว่าได้มีการดำเนินการแล้วหรือไม่ ซึ่งหากไม่เปิดเผยตนจะไปกรมปศุสัตว์ในวันศุกร์ที่ 14 ม.ค.นี้ เพื่อขอข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ การที่จะตรวจสอบโรงฆ่าหมูที่ จ.นครปฐม เป็นเพราะอธิบดีกรมปศุสัตว์ แถลงข่าว และอ้างว่าพบที่แห่งนี้ ทั้งนี้ ยังมีที่อื่นๆ ทั่วประเทศ ซึ่งพบเชื้ออหิวาต์เช่นกัน"
ด้าน นายปิยะ กล่าวว่า ทางสำนักงานตรวจสอบเรื่องร้องเรียนจะเร่งนำเรื่องของนายศรีสุวรรณ เสอนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินในวันนี้ แต่ทั้งนี้ก็เป็นดุลยพินิจของผู้ตรวจการแผ่นดินในการพิจารณาต่อไป เพราะถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ประชาชนกำลังได้รับความเดือดร้อน
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี