"ศุภชัย"อ้างมีผู้ป่วยอัมพฤกษ์ติดต่อภูมิใจไทยขอความช่วยเหลือ หลังถูกจับปลูกกัญชารักษาโรค 1 ต้น ลั่นส.ส.พรรคพร้อมยืนข้างปกป้องประชาชน ย้ำไม่ผิดกม.มาตั้งแต่ 9 ธ.ค.64
12 ม.ค.2565 นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดราม่ากัญชา” ระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย inside Thailand ทางช่อง 9 โดยการสัมภาษณ์ครั้งนี้ได้มีการกล่าวอ้างถึง นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการ ป.ป.ส.ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ส. ที่ได้มีการแถลงว่ากฎหมายกัญชา แก้แล้วก็จริง กัญชาสามารถที่จะปลูกได้แล้วก็จริง แต่มีเงื่อนไขว่าการปลูกกัญชาจะต้องมีการได้รับอนุญาตก่อน ถ้าไม่ได้ขออนุญาตถือว่าผิดกฎหมาย เพราะว่ากัญชาก็คือยาเสพติดประเภท 5 แม้ว่าจะมี การปลดล็อกแล้ว
โดยนายศุภชัย กล่าวว่า จากเดิมประเทศไทยมีกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดคือพ.ร.บ.ยาเสพติดปี 2522 ในมาตรา 7 ประเภท 5 ระบุไว้ว่า กัญชาเป็นยาเสพติดประเภท 5 ใช้มาตั้งแต่ปี 2522 จนกระทั่งรัฐสภาชุดปัจจุบัน คือส.ส. และสว. ได้ร่วมกันพิจารณากฎหมาย อีกฉบับหนึ่ง กฎหมายหลักคือประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งตนเองเป็นรองกรรมาธิการฯ และร่าง ประมวลกฎหมายยาเสพติดนี้ มาตรา 29 บอกว่า ประเภท 1 คืออะไร ประเภท 2 คืออะไร จนถึงประเภท 5 คืออะไร ตามประมวลปี 64 ซึ่งมีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2564
ทั้งนี้ หลักสำคัญคือ ยกเลิกกฎหมายเก่าของปี 2522 พอเริ่มใหม่ ไม่มีกัญชาแล้ว ที่ไม่มีกัญชาเพราะว่าเป็นเจตนารมณ์ของรัฐบาลชุดนี้ โดยพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายกับรัฐสภาว่า จะสนับสนุนกัญชา และโดยตลอดที่ผ่านมานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็สนับสนุนให้นำกัญชามาใช้ประโยชน์ ทางการแพทย์ ขยายจนเป็นอาหาร จนกระทั่งในที่สุดกฎหมายก็ออกมา และประเภท 5 ก็ไม่ได้ใส่คำว่ากัญชาไว้ ถ้าเจตนารมณ์ต้องการให้มีกัญชา ก็ต้องเสนอร่างมาตั้งแต่แรกว่า ให้มีกัญชา และถ้าสมาชิกรัฐสภา ถ้าต้องการให้มีกัญชาท่านก็ต้องแปรญัตติใส่กัญชาเข้าไป หรือถ้ากรรมาธิการประสงค์ให้มีกัญชาก็ต้อง สงวนความเห็นขอใส่กัญชาเข้าไป แต่ขณะนี้ไม่มีกัญชา เพราะเราได้คิดตรงกันว่า กัญชาจะถูกปล่อยให้เป็นประโยชน์และไม่เป็นยาเสพติดอีกต่อไป
“สำหรับ ที่ป.ป.ส. ได้ตีความว่า พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด คือประมวลใหม่นี้ มาตรา 8 บอกว่าประกาศอะไรที่ยังไม่ถูกยกเลิก ก็ให้ใช้ได้ต่อไป แต่พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดมาตรา 8 นี้ ระบุไว้ ประกาศที่ใช้ได้ ต้องไม่ขัดหรือแย้งกับประมวล ถ้าถามตนเอง ก็คือประเภท 5 ไม่มีกัญชาแล้ว แล้วอยู่ๆ ทาง ป.ป.ส.บอกว่า ใครปลูกกัญชาต้องขออนุญาต ผมจึงบอกว่า มันก็ขัดหรือแย้งกับประมวลใหม่ นี่คือการตีความ และเมื่อถามนักกฎหมายทั่วไปก็เห็นตรงกับผม นี่คือเจตนารมณ์ของกฎหมาย ซึ่งกฎหมายอาญาจะต้องตีความอย่างเคร่งครัด” นายศุภชัย กล่าว
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า และที่ทางป.ป.ส.ระบุว่ากลุ่มหรือบุคคลที่สามารถปลูกกัญชาได้นั้นมีอยู่แค่ 4 กลุ่มเท่านั้น คือหน่วยงานของรัฐ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ สถาบันอุดมศึกษาที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัย และผู้ประกอบอาชีพอิสระ อย่างเกษตรกรรมที่รวมตัวรวมกลุ่มกันเป็นวิสาหกิจชุมชน บุคคล 4 กลุ่มนี้สามารถที่จะปลูกกัญชาได้เท่านั้น นายศุภชัย กล่าวด้วยว่า จริงๆป.ป.ส. อ้างตามกฎหมายเก่า และอ้างแบบไม่ทันสมัย หลังจากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศขยายเป็น 7 กลุ่มแล้วไม่ใช่ 4 กลุ่มอย่างที่ทาง ป.ป.ส.กล่าวอ้าง และขอย้ำว่าปัจจุบันกฎหมายเก่าได้ถูกยกเลิกไปแล้ว หลักการสำคัญวันนี้คือ ไม่มีอยู่ตรงส่วนไหนของประมวลกฎหมายยาเสพติดไว้เลยว่า “กัญชาเป็นยาเสพติด”
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังได้มีการติดตามข้อมูลว่าหลังวันที่ 9 ธ.ค.2564 เป็นต้นมา ซึ่งประมวลกฎหมายยาเสพติดมีผลบังคับใช้แล้ว แต่มีคดีที่ชาวบ้านถูกจับ และฟ้องคดี จำเลยรับสารภาพ ศาลก็ลงโทษ แต่เท่าที่ตรวจดูปรากฏว่า ศาลได้ฟ้องตามกฎหมายเดิม ซึ่งกฎหมายนั้นได้ถูกยกเลิกไปแล้ว นี่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ในกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้กลับไปย้อนดูคดีหลังวันที่ 9 ธันวาคม 2564 ว่ามีการถูกฟ้องหรือว่าพิพากษาคดีตามพ.ร.บ.ยาเสพติด ที่ถูกยกเลิกหรือไม่
“ล่าสุด เมื่อเช้านี้มีผู้ที่เป็นอัมพฤกษ์ได้ติดต่อมา โดยบอกว่าได้ปลูกกัญชาไว้ 1 ต้นเพื่อที่จะนำมารักษาตนเอง แต่ปรากฏว่าตำรวจไปจับและนำตัวไปโรงพัก และได้ประกันตัวที่ชั้นโรงพักแล้ว เขาได้โทรมาปรึกษาตามที่ประกาศไว้ เห็นได้ว่า นี่คือกรณีที่ปลูกกัญชาเพื่อที่จะรักษาตนเอง และนี่คือสิ่งที่กำลังวิกฤต และวันนี้ส.ส.ภูมิใจไทยจะร่วมกันออกมายืนเพื่อที่จะดูแลและปกป้องประชาชน“ นายศุภชัย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี