‘ก้าวไกล’ ชงตั้งกมธ.แก้โรคหมู-แพงทั้งแผ่นดิน ซัดรัฐปกปิดข้อมูล แฉขรก.ต่างเย็บปากกลัว ‘อิทธิพลนาย’ เล่นงาน คาใจเอื้อ ‘บางกลุ่มมั่งคั่ง’ ต้นเหตุปัญหาเรื้อรังมา3ปี
20 มกราคม 2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่1 ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล เป็นตัวแทนเสนอญัตติด่วนเพื่อขอให้สภาฯ ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือเอเอสเอฟ (ASF) และศึกษาแนวทางช่วยเหลือประชาชนจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ได้ลุกลามและเรื้อรังมากว่า 2-3 ปี ส่งผลกระทบไปยังราคาสินค้าอุปโภคบริโภคสูงขึ้น
นายปดิพทัธ์ อภิปรายว่า ตนไปเดินตลาดที่ จ.พิษณุโลก พบว่า ขณะนี้ล่าสุดราคาเนื้อหมูอยู่ที่กิโลกรัมละ 255 บาท ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นเลยในประวัติศาสตร์มาก่อน ตนทวงถามไปยังกรมปศุสัตว์ เพื่อขอให้เปิดตัวเลขจำนวนหมูในประเทศว่าเหลือเท่าไร ผ่านมาจะ 10 วันแล้วยังไม่มีคำตอบ มีเพียงแต่คำพูดของนายกรัฐมนตรีว่าสุกรเสียหายไปเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่เกษตรกรเกือบทั่วประเทศประเมินว่าสุกรอาจเสียหายถึง 60 เปอร์เซ็นต์ แบบนี้ไม่เรียกปกปิดแล้วจะเรียกอะไร
“2-3 ปีที่ผ่านมา ข้าราชการกรมปศุสัตว์ระดับจังหวัดพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทำงานภายใต้ความกดดัน เนื่องจากรายงานผลตามความเป็นจริงไม่ได้ ถ้ารายงานตามจริงระวังนายจะเล่นงาน ปมไม่รู้ว่านายระดับไหน ระดับอธิบดี ระดับรัฐมนตรี หรือระดับนายกฯ สิ่งนี้สร้างความอับอายให้วงการสัตวแพทย์ สร้างความเจ็บช้ำให้เกษตรกร ระบบราชการรัฐรวมศูนย์ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สถาปนาเอาไว้ ทำให้ข้าราชการกลัวนาย มากกว่ากลัวประชาชน” นายปดิพัทธ์ กล่าว
นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีการปกปิดข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นรายงานการประชุม รายงานผลการชันสูตร ทั้งที่ได้เคยประกาศให้มีแผนเตรียมพร้อมรับมือโรค ASF ในสุกรของประเทศไทยเป็นวาระแห่งชาติตั้งแต่ปี 2562 ส่งผลให้เกษตรกรต้องลงทุนเองในการกำจัดโรค เพราะรัฐบาลไม่ยอมเปิดเผยว่ามีโรคนี้เกิดขึ้น และเกษตรกรก็ไม่กล้าเปิดเผยเพราะกลัวมีเรื่องกับกรมปศุสัตว์ ประชาชนต้องดิ้นรนกันเอง ขัดแย้งกันเอง เพราะรัฐบาลปล่อยเรื่องนี้ลอยตัวนิ่งเฉย
“การที่เราไม่ยอมรับในอดีตตั้งแต่ปี 2562 ว่าปริมาณหมูที่หายไปเกิดจากอะไร เป็นที่น่าอับอายไปทั่วโลก ในขณะที่ประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียต่างเจอกับโรคนี้ และยอมรับ พร้อมหาทางแก้ไขปัญหาจนฟื้นกลับมาได้แล้ว ท่ามกลางภาวะของแพงทั้งแผ่นดิน มีคนจำนวนไม่น้อยที่ได้รับความมั่งคั่งเพราะมีการกดราคาหน้าฟาร์มหมู มีการถ่วงเวลาที่ด่านกักสัตว์ เพื่อเจาะเลือดหมูว่ามีเชื้อหรือไม่ และมีการเรียกเงิน จากเกษตรกร โดยจ่ายกันตั้งแต่ 1,000-10,000 บาท เป็นปัจจัยทำให้โรคแพร่กระจายเร็ว มันผิดที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์อาศัยช่องว่างของความกลัว หรือโรคระบาด ตักตวงผลประโยชน์ เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ถ้ายังจัดการไม่ได้ ก็ไม่รู้จะมีรัฐบาลไปทำไม” นายปดิพัทธ์ กล่าว
นายปดิพัทธ์ กล่าวด้วยว่า ยืนยันว่ามีการกักตุนหมู ในวันนี้ (20 มกราคม 2565) ที่มีการพบหมูในห้องเย็น อ.จะนะ จ.สงขลา จำนวน 200,000 กิโลกรัม ตุนไว้แล้ว ตนไม่แปลกใจถ้าช่วงตรุษจีนหมูจะถูกลง เพราะโกยกันไปเรียบร้อยแล้ว นี่หรือไม่คือต้นเหตุที่ต้องปกปิดโรคมาถึง 3 ปี จนสถานการณ์อาจสายเกินแก้ จึงต้องมีการตั้ง กมธ. เพื่อรวมทุกภาคส่วนในการทำข้อเสนอเพื่อแก้ไขปัญหา ใครที่ทำผิดต้องรับผิดชอบ ขอให้มาทำงานร่วมกันโดยเฉพาะกระทรวงเกษตรฯ ก็จะสามารถแก้ปัญหาให้พ้นวิกฤตได้
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี