‘บิ๊กตู่’ลั่นยึดประโยชน์ของชาติ
ไม่สนเกมการเมือง
ขอแก้ปัญหาบ้านเมืองช่วยปชช.
ผลโพลล์เชื่อมั่นรัฐบาลดีขึ้น
หลังเขี่ย‘ธรรมนัส’พ้นพปชร.
‘จุรินทร์’กำชับลูกพรรคทุกคน
เดินหน้าทำงานเพื่อประชาชน
โฆษกรัฐบาล ยืนยัน “บิ๊กตู่” มุ่งแก้ไขปัญหาบ้านเมืองและช่วยเหลือประชาชน ลั่นยึดประโยชน์ประเทศสูงสุด ไม่สนเกมการเมือง ย้ำรอยร้าว“พปชร.” ไม่ทำนายกฯเสียสมาธิ-ชี้เสถียรภาพรัฐบาลยังปึ้ก ด้าน“ซูเปอร์โพล” เผยคนเชื่อมั่นรัฐบาลดีขึ้น ทั้งเห็นด้วยกับการเขี่ย“ธรรมนัส” พ้นพรรคพลังประชารัฐด้าน “จุรินทร์” สั่งลูกทีมประชาธิปัตย์ลุยงานเต็มสูบ
เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2565นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมมุ่งทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนโดยขณะนี้ปัญหาเร่งด่วนที่ท่านให้ความสำคัญอย่างมากคือการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19ปัญหาคุณภาพชีวิตของประชาชนและปัญหาราคาสินค้าซึ่งทุกวันนายกฯได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าไปแก้ไขปัญหาดังนั้นนายกฯจึงไม่อยากจะมาเสียเวลากับเกมส์การเมือง
ทั้งนี้ นายกฯ ยืนยันมาตลอดว่าไม่ได้ยึดติดกับอำนาจ มีแต่ความห่วงใย และตั้งใจเข้ามาพัฒนาประเทศเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน เชื่อว่าประชาชนเองก็เข้าใจดี ที่ผ่านมาจึงเห็นประชาชนให้กำลังใจนายกฯ มากมาย ต้องขอขอบคุณกำลังใจจากคนไทยทุกคนด้วย
นายธนกร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมานายกฯ ตั้งใจทำงานจนสามารถแก้ไขปัญหาของประเทศได้ในหลายเรื่องและยังวางแนวทางการบริหารประเทศต่อไปข้างหน้าตามบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลง เพื่อวางโครงสร้างรากฐานที่ดีของประเทศในอนาคต นอกจากนี้ ยังสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ที่จะกระทบต่อคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยในด้านระบบสาธารณสุขของไทยนั้นจากการประเมินยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งนายกฯได้กำชับด้วยว่าให้ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างดีที่สุดและถ้าเป็นไปได้ ก็ไม่อยากจะให้มีผู้เสียชีวิตแม้แต่คนเดียว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องดูหลายๆ มาตรการควบคู่กันไปทั้งมาตรการผ่อนคลาย การเปิดรับนักท่องเที่ยวและมาตรการทางเศรษฐกิจอีกทั้งไม่อยากให้มีการนำไปตีความในทางที่ผิด เพราะอาจจะทำให้การแก้ปัญหานั้น ยากยิ่งขึ้นได้
“นายกฯบริหารประเทศโดยดูสถานการณ์ของโลกควบคู่ไปด้วยดังนั้นรัฐบาลภายใต้การนำของนายกฯ จึงพร้อมดำเนินการแก้ไขสิ่งต่างๆให้สอดคล้องกับสถานการณ์ พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆโดยนายกฯได้รับรายงานและรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนทุกวันซึ่งนายกฯย้ำเสมอว่าขณะนี้เป็นเวลาที่ทุกคนควรร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาอย่านำการเมืองมาเกี่ยวพันในทุกเรื่อง”นายธนกรย้ำ
ยันนายกฯไม่เสียสมาธิ-เสียงรบ.ยังปึ๊ก
นายธนกร ยังกล่าวถึงที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่าปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลอย่างแน่นอนโดยฝ่ายค้าน ต้องเป็นเสาหลักในการสู้วิกฤติขณะที่รัฐบาลไม่มีสมาธิในตอนนี้ว่า ขอยืนยันว่ารัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯยังบริหารประเทศเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างเต็มที่ อีกทั้ง พรรคร่วมรัฐบาล ยังคงเหนียวแน่นและร่วมกันทำงานอย่างเข้าขา ส่วนสถานการณ์ในพรรคพลังประชารัฐ ถือเป็นเรื่องปกติของพรรคการเมือง ทุกพรรคก็เคยเป็น แต่สุดท้ายจบลงด้วยดี ถ้าจะมีคนที่เสียสมาธิก็น่าจะเป็นนายพิธา ที่มักสบช่องเห็นโอกาส หลังที่ฝ่ายค้านไร้ประสิทธิภาพในการทำงานมานาน จึงเสียสมาธิ เพราะรีบกระโดดเกาะกระแส กลัวตกขบวนไปกับเขาด้วย
ซัด‘พิธา’เป็นฝ่ายค้านโหนกระแสม็อบ
“หากฝ่ายค้าน เป็นเสาหลักในการทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง ประชาชนย่อมได้ประโยชน์สูงสุด แต่ที่ผ่านมาเห็นมีแต่โดดไปร่วมกับม็อบบนถนนบ้าง ทะเลาะกับพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกันเองบ้าง จึงไม่แน่ใจว่าอยากจะเป็นเสาหลักให้กับใครกันแน่ อยากให้ถามใจตัวเองก่อน ถ้านายพิธา อยากเป็นเสาหลักให้กับประชาชนก็ควรกลับมาทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภาฯ ให้เต็มที่ ไม่ใช่คอยจ้องเล่นเกมการเมืองจนลืมหน้าที่ที่ฝ่ายค้านควรต้องทำ ถ้ารัฐบาลจะต้องเสียสมาธิก็เพราะต้องมาคอยแก้ข่าวที่ฝ่ายค้าน ทำให้ประชาชนสับสนรายวัน แทนที่จะได้เร่งแก้ปัญหาให้ประชาชน” นายธนกร กล่าว
‘จุรินทร์’ย้ำลูกพรรคลุยทำงานเพื่อปชช.
ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงสถานการณ์ในทางการเมืองล่าสุดว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้กังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ภายใต้การนำของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคและนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค มีความมุ่งมั่นนำพาพรรคเพื่อทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนและประเทศ มีจุดมุ่งหมายคือสร้างความยั่งยืนให้กับประชาชนและประเทศ พรรคเป็นสถาบันทางการเมือง ไม่ใช่พรรคที่ตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจ
โดยนายจุรินทร์ หัวหน้าพรรคได้ย้ำกับบุคลากรของพรรคเสมอให้ตั้งใจทำงานในทุกเวลา ทุกสถานการณ์ ให้กับประชาชนและประเทศ ยึดหลักความซื่อสัตย์ สุจริต ยึดมั่นการปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่ผ่านมาจะเห็นผลการทำงานเป็นที่ประจักษ์การทำหน้าที่ในรัฐบาลมีการผลักดันเกิดความสำเร็จในหลายโครงการ คิดและทำเพื่อความยั่งยืนของประชาชนและประเทศ บทบาทในสภาฯ ส.ส.ทุกคนก็ทุ่มเทตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่
ทั้งเชื่อว่าการยุบสภาไม่น่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ เพราะยังมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญสองฉบับที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งต้องผ่านสภาฯไปก่อน ไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นปัญหาได้หากมีการยุบสภาในช่วงที่กฎหมายยังไม่ผ่าน จะให้ กกต. ออกเป็นระเบียบก็อาจจะเป็นปัญหานำไปสู่การตีความได้ เพราะถูกบังคับด้วยรัฐธรรมนูญให้ทำเป็นร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณคะแนน รวมไปถึงกระบวนการในทางปฏิบัติของ กกต
โพลคนหนุนขับ‘ธรรมนัส’พ้นพปชร.
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง การเมืองไทย หลัง พลังประชารัฐ ปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพกระจายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,105 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 21 – 22 มกราคม 2565
พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ77.3 เห็นด้วยที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่าและพวก ออกไปจากพรรคพลังประชารัฐ ในขณะที่ ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ74.0เชื่อว่าสังคมไทยจะเข้มแข็งมากขึ้น จากการตรวจสอบ คัดกรองคนดีซื่อสัตย์ สุจริตปกครองบ้านเมือง
ปชช.เชื่อมั่น’นายกฯบิ๊กตู่’สูงขึ้น
ที่น่าพิจารณา คือส่วนใหญ่หรือร้อยละ 71.4ระบุ พรรคร่วมรัฐบาลจะขัดแย้งกันน้อยลง ร้อยละ70.7 ระบุ การต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง จะลดลง ร้อยละ 70.6 ระบุความมั่นคงและความเชื่อมั่นต่อตัวนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สูงขึ้น ร้อยละ 68.8 ระบุ ภายในพรรคพลังประชารัฐ มีเอกภาพมากขึ้น และร้อยละ 67.1 ระบุ เสถียรภาพของรัฐบาลจะดีขึ้น ตามลำดับ
ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 71.5 ระบุอนาคตการเมืองไทย น่าจะดีขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 28.5 ระบุ ไม่ดีขึ้น นอกจากนี้ เมื่อถามถึงจุดยืนทางการเมืองของประชาชนหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ พบว่าเกินกว่า1ใน3เล็กน้อยหรือร้อยละ 35.5 สนับสนุนรัฐบาล ร้อยละ 35.4 ขออยู่ตรงกลาง เป็น พลังเงียบ และร้อยละ 29.1 ไม่สนับสนุนรัฐบาล
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่าผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยที่ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกไปจากพรรคพลังประชารัฐ นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าสังคมไทยจะเข้มแข็งมากขึ้น จากการร่วมกันตรวจสอบคัดกรองคนดี ซื่อสัตย์สุจริต ปกครองบ้านเมืองโดยมองว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะขัดแย้งกันน้อยลง เพราะที่ผ่านมาเห็นปัญหาความขัดแย้งชัดเจน ในพื้นที่เลือกตั้งซ่อมและรอยร้าวอื่นๆ
เชียร์กล้านำเปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่
“ประชาชนยังมองด้วยว่าการต่อรองผลประโยชน์ของนักการเมืองจะลดลงจึงขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาจะใช้ความเป็นตัวตนในโอกาสนี้ ทำให้เกิดความเชื่อมั่นและความมั่นคงในเสถียรภาพของรัฐบาล กล้าถือธงนำเปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่และเร่งขับเคลื่อนบริหารประเทศ ทำสิ่งที่ถูกต้องและยึดประโยชน์ส่วนรวม ทั้งยังเป็นจังหวะการเปลี่ยนแปลงจากการต่อรองผลประโยชน์ของนักการเมืองบางกลุ่ม พลิกกลับมาเป็นการขับเคลื่อนพลังของความดี ความถูกต้อง ตอบสนองผลประโยชน์สูงสุดกับประชาชนทั้งประเทศ ในแต่ละพื้นที่ชุมชนที่มีรากเหง้าของปัญหาแตกต่างกัน เพื่อทำให้ฐานสนับสนุนรัฐบาล พรรคร่วมหลายพรรคและความเชื่อมั่นในตัวผู้นำเพิ่มสูงขึ้น จากการเข้าไปแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนทุกข์ยากและลดความเครียดของประชาชนที่มีอยู่ในเวลานี้” ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าว
‘ไผ่’ข้องใจ สส.ยื่น‘บิ๊กป้อม’ทบทวนมติขับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งเป็น 1 ใน 21 ส.ส.ที่พรรคมีมติขับพ้นสมาชิกพรรค พปชร.โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวตอบโต้กรณีที่นายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา ที่ทำหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.เพื่อขอให้ทบทวน เพื่อขอให้ทบทวนมติพรรค พปชร.ที่ให้สมาชิกออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเมื่อวันที่ 19 ม.ค. ข้อความว่า วันนี้ ส.ส.เบี้ยว ออกมาบอกว่าไม่รู้เรื่องในทุกเรื่องที่เกิดขึ้น ในการโดนขับออกจากพรรค พปชร.
จวกกลับลำ เพราะไปพบใครมา?
นายไผ่ยังระบุว่า ผมเกิดความสงสัยขึ้นมากมายว่าพี่มาถึงประมาณบ่าย 4-5โมง มีเวลาถึงเกือบ3 ทุ่ม ขั้นตอนในการประชุมมีหลายขั้นตอนมาก ไม่ว่าจะเรียกมาคุยกันก่อนตามด้วยประชุมกับหัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารพรรคประชุมกันเองและมาประชุมร่วมกับสมาชิกพรรค ทุกขั้นตอน มีการหารืออย่างเผ็ดร้อน ในการประชุมทุกขั้นตอน พี่นั่งอยู่หลังผม พี่กลับบอก ไม่รู้เรื่องด้วย ไม่รู้เรื่องมาก่อน และที่สำคัญตอนยกมือขอมติจากสมาชิกพรรค พี่ยกมือด้วย แต่พอผ่านไปสองวัน คนไม่รู้เรื่อง กลายเป็นคนเก่งขึ้นมา ร่างจดหมายได้ยาวเหยียด หลักการครบทุกอย่าง ความจำดีจำทุกอย่างทุกขั้นตอนได้หมด ที่พี่จำได้อาจจะไม่ใช่ที่พี่จำได้แต่อาจจะเพราะพี่ไปพบใครมารึเปล่า สุดท้ายสงสารประชาชนมาก ที่มี ส.ส.แบบนี้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ขนาดนั่งประชุมขนาดนี้และที่โหวตๆ มารู้เรื่องบ้างมั้ยนี่ไม่รู้เรื่องขนาดโทรมาบอกว่า“ผมดีใจมาก ผมรอมานานแล้ว”ด้วยนะเนี่ย หรือพี่ได้ยาวิเศษอะไรเข้าไปครับ เลยเปลี่ยนพี่ไปขนาดนี้แล้วสุดท้ายพี่จะไปอยู่พรรคไหน #RIPครับพี่
กกต.คาดชาวหลักสี่-จตุจักรใช้สิทธิคึกคัก
นายสำราญ ตันพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงภาพรวมเตรียมจัดการเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตเลือกตั้งที่ 9แทนตำแหน่งที่ว่างที่จะมีขึ้นวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคมนี้ว่า ขอเชิญชวนประชาชนผู้มีสิทธิไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่30มกราคมนี้ ซึ่งเดิมในปี 2562 มีผู้ออกมาใช้สิทธิ 60.49% เชื่อว่าครั้งนี้จะมีผู้มาใช้สิทธิไม่น้อยกว่าเดิม
จนถึงขณะนี้พบเรื่องร้องเรียนเพียงเรื่องเดียว กรณีพรรคกล้าและพรรคพลังประชารัฐ กล่าวหา ใส่ร้าย ส่อเสียด ซึ่งได้ส่งเรื่องให้ กกต.ใหญ่พิจารณาแล้ว ส่วนเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการซื้อสิทธิขายเสียง พบเป็นเพียงคำพูดกล่าวหา ของผู้สมัคร และผู้สนับสนุนเท่านั้น ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน
ขณะที่การร้องเรียนผ่านแอปพลิเคชันตาสับปะรด ยังไม่มีการแจ้งการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งแต่อย่างใดจึงฝากเตือนไปยังผู้สมัครในช่วงโค้งสุดท้าย ต้องหาเสียงด้วยความระมัดระวัง อย่าทำผิดกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 เรื่องจูงใจและสัญญาว่าจะให้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี