พท.โหนเย้ย ‘บิ๊กตู่’ แทนที่เปิดเพลง ‘อย่ายอมแพ้’ ควรถอยออกจากนายกฯดีกว่า ชี้ประชาชนเอือมระอาแล้ว รัฐบาลไร้เสถียรภาพ เจอทุกสารพัดปัญหา
23 มกราคม 2565 น.ส.ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาลที่เกิดการต่อรองแย่งชิงอำนาจในขณะนี้ ชี้ให้เห็นว่าอำนาจของฝ่ายบริหารกำลังสั่นคลอนอย่างหนักจากความไม่เป็นเอกภาพของรัฐบาลเอง เป็นผลพวงมาจากรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ทำให้ได้รัฐบาลที่อ่อนแอที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี อย่างรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปัญหาที่เป็นผลพวงจากความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ ได้ลามมาถึงฝ่ายรัฐสภา ที่เมื่อเกิดการต่อรองไม่เป็นดังหวัง จึงทำให้เกิดสภาล่มบ่อยครั้ง ทั้งที่ปัจจุบันมีสารพัดปัญหาทั้งโรคระบาด คนตกงาน หนี้ครัวเรือนสูง ความเหลื่อมล้ำ รวยกระจุกจนกระจาย ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ไขผ่านกระบวนการสภา แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำได้เพียงแค่ร้องเพลงอย่ายอมแพ้ สร้างความเอือมระอาให้กับประชาชนที่ไม่อาจรับได้ที่เห็นผู้นำยังมีอารมณ์ร้องเพลง แต่ละเลยปัญหา ไม่แยแสความอยู่รอดของประชาชน ปล่อยให้ประเทศเป็นไปตามยถากรรมแบบนี้
น.ส.ชญาภา กล่าวอีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซากทุกปี อย่างปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนคนไทยอย่างมาก ที่ผ่านมารัฐบาลยกให้การแก้ปัญหาฝุ่นเป็นวาระแห่งชาติเมื่อ ก.พ.2562 แต่จวบจนทุกวันนี้ผ่านไปเกือบ 3 ปี ก็ยังไม่มีการแก้ไขปัญหาใดๆอย่างเป็นรูปธรรมนอกจากการรายงานค่าฝุ่นรายวัน ปล่อยให้ประชาชนเผชิญชะตากรรมกันเอง ตอกย้ำชัดเจนว่ารัฐบาลละเลยการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศมาโดยตลอด แทบทุกเรื่องที่รัฐบาลประกาศเป็นวาระแห่งชาติ กลับกลายเป็นวาระแห่งความล้มเหลวซ้ำซาก นอกจากปัญหาดังกล่าว รัฐบาลยังเดินหน้ากู้เงินซ้ำซาก เป็นนายกรัฐมนตรีมา 7 ปีกว่า กู้เงินมาแล้ว กว่า 10 ล้านล้านบาท ซ้ำยังไม่มีความสามารถในการลงทุนให้เกิดดอกผลและใช้หนี้ได้
“รัฐบาลไม่มีสภาพในการบริหารประเทศ บริหารแบบไม่บริหารเพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องจัดสรรผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัวของพวกพ้อง จนรัฐสภาไม่ใช่ที่พึ่งที่หวังในการแก้ปัญหาให้ประชาชน แต่ใช้เพื่อการต่อรองผลประโยชน์และความอยู่รอดของรัฐบาลเอง แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเพลงขออย่ายอมเเพ้ ท่านควรยอมถอยออกจากตำแหน่ง และเปิดทางให้ประชาชนได้เลือกผู้นำที่มีความสามารถ มีวุฒิภาวะและความเป็นผู้นำมากกว่านี้” รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว
-005