เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2565 นายกษิต ภิรมย์ อดีตรมว.ต่างประเทศ พูดในช่องยูทูป Kasit Piromya ตอน ออกจากมุมอับ ว่า ขอพูดถึงการเข้ามุมมอับของพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีซึ่งดูเหมือนกำลังถูกต้อนเข้ามุมอับทั้งเศรษฐกิจและการเมือง สังคมซึ่งเราจะให้คำแนะนำอย่างไรเพื่อให้ท่านออกจากมุมอับเหล่านี้ ทั้งนี้ไม่ได้มีความชื่นชมพลเอกประยุทธ์ เป็นการส่วนตัว แต่เพราะว่าจะส่งผลดีต่อเสถียรภาพทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม เพื่อผลประโยชน์ของเรา จึงอยากให้นายกฯอยู่ได้อย่างมั่นคง มีความสามารถที่จะแก้ประเด็นปัญหาของประเทศ
สำหรับมุมอับทางการเมืองตามที่ปรากฏในสื่อทุกช่องทางทั้งหนังสือพิมพ์ โซเชียลมีเดีย รวมทั้งวิทยุและโทรทัศน์เกี่ยวกับความแตกแยกภายในพรรคประชารัฐที่เป็นฐานสำคัญของรัฐบาลและเอกประยุทธ์ ซึ่งหมายถึงเสียงในพรรคพลังประชารัฐจะหายไป 20-30 คน จะทำให้เสถียรภาพของรัฐบาล โดยเฉพาะสภาผู้แทนฯอ่อนแอไปโดยปริยาย หากเสียงในสภาฯไม่พอมีจำนวนที่หมิ่นเหม่ลักษณะจะจมมิจมแหล่ในแม่น้ำ ก็จะมักทำให้การประชุมสภาฯเกิดขึ้นไม่ได้ สภาล่มเพราะ ส.ส.มีจำนวนไม่ครบองค์ประชุม รวมทั้งมาครบแล้วจะออกเสียงลงคะแนนอย่างไร ก็ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะได้เสียงข้างมาก ทำให้เสถียรภาพรัฐบาลโดยรวมไม่ดีและมีกระทบต่อตัวนายกรัฐมนตรี
ขณะเดียวกันในภาพกว้างจะมีการรวมตัวกันของพรรคการเมืองทั้งในอดีตและปัจจุบันจะแสวงหาฐานที่มั่นทางการเมืองกันใหม่ที่มีการตั้งพรรคการเมืองกันใหม่ พรรคที่จะยุบพรรคการเมืองรวมกัน ในขณะที่พรรคการเมืองทั้งหลายเห็นความแตกร้าวและอ่อนเปลี้ยของพรรคพลังประชารัฐ ทุกคนก็พยายามที่ฉวยโอกาสสร้างเสริมสร้างสถานะความมั่นคงให้กับตนเองเป็นสำคัญ
ส่วนในด้านเศรษฐกิจและสังคมนั้น คนไทยประสบปัญหาหนี้สิน ไม่มีบ้านเป็นของตนเอง ภาวะเงินเฟ้อ ข้าวของราคาแพง ค่าเดินทาง ค่าไฟฟ้าราคาสูงขึ้นตามลำดับ ทำให้ประชาชนยากไร้ต้องเผชิญปัญหาในชีวิตประจำวัน จะทำให้ความนิยมชมชอบในตัวพลเอกประยุทธ์ และรัฐบาลถดถอยไปโดยปริยาย
จากสถานการณ์ทั้งหมดนี้ทำให้เสมือนว่าพลเอกประยุทธ์ ถูกต้อนเข้าไปอยู่ในมุมอับหรือมุมมืด แล้วเราจะแนะนำพลเอกประยุทธ์กันอย่างไร ในฐานะที่เราเห็นว่าท่านเป็นผู้ที่รักชาติบ้านเมือง มีความซื่อสัตย์สุจริตและครอบครัวประยุทธ์ ไม่เคยยุ่งเกี่ยวการเมือง ทั้งภรรยาและลูก รวมทั้งญาติพี่น้อง เรียกว่ายังอยู่ในกรอบศีลธรรมที่ดีงามพอสมควร เรายังสามารถให้ความไว้เนื้อเชื่อใจได้ เมื่อยังเป็นคนดีอยู่ เราก็อยากจะช่วยเป็นธรรมดาในฐานะเพื่อนมนุษย์แม้ว่าโดยตลอดมาผมจะไม่เห็นด้วยที่พลเอกประยุทธ์ ปฏิวัติรัฐประหาร มาเขียนกฏหมายรัฐธรรมนูญครึ่งใบและเป็นการต่ออำนาจอายุการเป็นนายกรัฐมนตรี แต่จะเอาเรื่องส่วนตัวความไม่ชอบส่วนตัวก็ไม่ได้
ดังนั้น อยากจะเสนอความเห็นพลเอกประยุทธ์ ว่าจะเป็นนายกฯโดยการพึ่งจมูกคนอื่นมาหายใจ โดยเฉพาะพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ นั้นคงจะไม่ได้ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รวมทั้งพรรครัฐบาล ดังนั้น พลเอกประยุทธ์ จะลอยอยู่บนอากาศไม่ได้ จึงขอเสนอความคิดว่าให้พลเอกประยุทธ์ มาเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใดด้วยตนเองเพื่อสร้างฐานทางการเมืองของตนเองเพื่อจะไม่ได้ต้องพึ่งจมูกคนอื่นหายใจ
และหากพลเอกประยุทธ์ ตัดสินใจเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ผมค่อนข้างเชื่อว่าจะเป็นแรงดึงดูดผู้ที่จะสนับสนุน เข้าร่วมงานจำนวนมากมาย มีโอกาสที่จะได้คนดีๆเข้ามาร่วมด้วย เพราะคนมองว่าเป็นนักการเมือง และอดีตทหารที่มีความซื่อสัตย์ ภักดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ของไทย พลเอกประยุทธ์ จึงควรทุบหม้อข้าวหม้อแกงรับผิดชอบด้วยตนเอง เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองและเป็นผู้เผชิญปัญหาด้วยคตนเอง ไม่ต้องพึ่งบารมีพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคร่วมรัฐบาล รับผิดชอบอย่างกล้าหาญชาญชัยด้วยตนเองและด้วยความดีงาม ผมคิดว่าจะทำให้พลเอกประยุทธ์ และการเมืองไทยมีเสถียรภาพด้วย
ประเด็นที่สอง แนะนำให้พูดช้าๆ ใจเย็นๆ และอย่ามีอารมณ์ ต้องหัดรับฟังความคิดเห็นของหมู่เหล่าต่างๆ ในสังคมไทยจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด อย่ารับฟังพูดจากันในวงแคบๆของท่าน หรือพูดเองคิดเองเออเอง รับฟังน้อย อันนี้ต้องเลิก ซึ่งมีประชาชนหลายภาคส่วน หน่วยงานวิจัยต่างๆ รวมถึงองค์การระหว่างประเทศ องค์การสหประชาชาติ ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย ซึ่งเขามีข้อมูลและความหวังดีต่อประเทศไทย รวมทั้งภาคเอกชนสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าไทย สภาวิชาชีพต่างๆ ซึ่งยังไม่ปรากฏว่ามีโอก่าสให้คำแนะนำพลเอกประยุทธ์ อย่างเป็นทางการให้นำคำแนะนำคนกลุ่มต่างๆมาใช้ประกอบการตัดสินใจ
ประเด็นที่สาม งบประมาณประจำที่มีจำนวนกว่า 3 ล้านล้านบาท ซึ่งมีเงินลงทุนสาธารณู)โภคต่างๆประมาณ 6 แสนล้านบาท บวกกับเงินในกระเป๋าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ 4 แสนล้านบาท รวมเป็น 1 แสนล้านล้านบาท ซึ่งเป็นเงินมหาศาล ยังไม่รวมเงินกู้ที่รัฐบาลกู้มาประมาณ 1 ล้านล้านบาท เพราะฉะนั้น พลเอกประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลมีเงินอยู่ในมือ แต่จะเอาเงินจำนวนนี้ไปใช้ประโยชน์อย่างไรในการสร้างงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ ไม่ใช่การใช้งบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำโดยไปใช้ในโครงการที่ไม่สร้างประโยชน์กับโครงการที่ก่อให้เกิดการใช้อย่างอย่างฟุ่มเฟือยโดยไม่จำเป็น หรือเป็นโครงการประชานิยมที่ลดแจกแถม ต้องเลิก เพราะไม่ได้เป็นการสร้างงาน หรือขยายเศรษฐกิจ ขยายธุรกิจ ขยายอุตสาหกรรม เป็นเพียงการแจกเงินกันไปแล้วใช้หนี้หรือเล่นการพนัน เราต้องเลิกได้แล้ว
ซึ่ง 7 - 8 ปีที่ผ่านมา โครงการประชานิยมต่างๆ เราต้องเลิก ต้องเอาเงินเป็นล้านล้านบาทมาใช้เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ คือการสร้างงานอย่างจริงจัง วันนี้มีการพูดถึงเศรษฐกิจสีเขียว เศรษฐกิจหมุนเวียน พลังงานทดแทน ลดการใช้น้ำมันกับแก๊ส ซึ่งเป็นพันธะของประเทศไทย ของทุกๆประเทศในโลก ทำนุบำรุงรักษาป่า สร้างป่าใหม่ ต้นน้ำลำธาร ซึ่งเงินเรามีแต่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์อันควรต่อการสร้างงานและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม มีแต่ละลายหายไปกับการแจกเงินโครงการประชานิยม ที่ไม่รู้ว่ามีการทุจริตและรั่วไหลมากน้อยขนาดไหน
จึงขอย้ำอีกครั้งว่าทางออกจากมุมอับของพลเอกประยุทธ์ คือข้อหนึ่งมาเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองของตนเองและมาสู้กับคู่แข่งทางการเมือง ข้อสองปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้ดูแลความเป็นอยู่ประชาชน ข้อสามให้นำเงินลงทุนสิ่งที่ประโยชน์จริงจังต่อเศรษฐกิจ และพัฒนาโครงสร้างต่างๆ
ที่สำคัญ ขอให้คุณประยุทธ์ ฟังผู้คนต่างๆ ที่หวังดีต่อคุณประยุทธ์และต่อประเทศชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โดยให้ฟังอย่างไตร่ตรองค่อยตัดสินใจ ค่อยพูดจา แล้วเลิกซะที วลี "ผมสั่งแล้วๆ" แล้วทุกคนจะเป็นรัฐมนตรี หรือข้าราชการระดับสูง ประโยคแรกก็คือว่า ท่านายกฯได้ว่าอย่างโน้น อย่างนี้ มันอะไรก็ไม่รู้ ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นลัทธิบูชาองค์บุคคลไปซะหมดทุกอย่าง ซึ่งมันไม่ใช่ เราเอาข้อเท็จจริง เอาเนื้อหา และตัวเลขมาพูดกันตัดสินใจในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวหน้าและมีเสถียรภาพทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ก็ขอฝากบอกไปยังพลเอกประยุทธ์ ให้ทำตัวเป็นรัฐบุรุษและหัวหน้ารัฐบาล เป็นผู้นำประเทศที่หนักแน่นจิตใจ รับฟังเป็น ค่อยๆ ตัดสินใจในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี