“สุรชาติ” ปราศรัยเสียงสั่นเครือ ลั่นจะทวงคืนศักดิ์ศรีให้ชาวหลักสี่-จตุจักร ยืนยันอยากเข้าสภาฯเพื่อรับใช้ ปชช. ด้าน"สุทิน"ชี้อยากได้ที่นั่งหลักสี่สั่งสอนรัฐบาล ขณะที่"จาตุรนต์"ฟันธงประยุทธ์อยู่ไม่ถึงพฤษภา
28 ม.ค.2565 ที่สวนสาธารณะ เคหะทุ่งสองห้อง พรรคเพื่อไทยยกทัพ ส.ส. ปราศรัยใหญ่ ขอคะแนนชาวหลักสี่-จตุจักร ให้นายสุรชาติ เทียนทองผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส. กทม.เขต 9 ภายใต้คอนเซปต์ " เลือกเพื่อไทย เพื่อศักดิ์ศรี เพื่อประชาธิปไตย เพื่อเงินในกระเป๋าพี่น้องประชาชน "
โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. กทม.นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส. กทม. และโฆษกพรรค น.ส. จิราภรณ์ สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด นายดนุพร ปุณณกันต์ ตัวแทนเพื่อไทยมหานคร นายจาตุรนต์ ฉายแสง สมาชิกพรรคเพื่อไทย นอกจากนี้ยังมีนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย นักกิจกรรมทางการเมือง รวมทั้งนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย และนายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล มาสังเกตการณ์และร่วมให้กำลังใจด้วย โดยบรรยากาศเริ่มคึกคักตั้งแต่ก่อนเปิดเวที มีประชาชนและแฟนคลับส.ส.เพื่อไทยทุกช่วงวัยมารอฟังการปราศรัย แต่เนื่องจากสถานที่จัดกิจกรรมมีพื้นที่จำกัด ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งต้องนั่งฟังในบริเวณต่างๆของสวนธารณะแทน
โดยนพ.ชลน่าน ปราศรัยว่า ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งเพื่อให้พรรคเพื่อไทยต้องชนะขาด และให้ช่วยเป็นหูเป็นตา และบอกต่อๆกันว่าให้รับเงินมาแต่ต้องกาเพื่อไทย หรือ "รับเงินหมากาเพื่อไทย" การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคเพื่อไทยมีอาสาสมัครอยู่ในหน่วยเลือกตั้งหน่วยทุกหน่วย และจะรายงานคะแนนทุกหน่วยเปิดเผยต่อพื้นที่สาธารณะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริต และการเลือกนายสุรชาติในครั้งนี้จะเป็นการบอกรัฐบาลว่าประชาชนต้องการการเปลี่ยนรัฐบาลแล้วการเลือกพรรคเพื่อไทยเป็นสัญลักษณ์ว่าประชาชนไม่ชอบรัฐประหาร ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่ามีนโยบายที่ดี มีคนที่ดี พร้อมที่จะรับผิดชอบประเทศ เพื่อมอบสิ่งที่ดีให้ประชาชน
ด้านนายสุทิน ปราศรัยว่า ถามประชาชนว่าเคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมพรรคเพื่อไทยหาเสียงหนัก ทั้งที่เป็นการเลือกตั้งเพียงที่นั่งเดียว ทำไมถึงอยากได้ ส.ส.เขตนี้ เลือกนายสุรชาติ แล้วได้อะไรทั้งที่จะยุบสภาฯ แล้ว ซึ่งเหตุผลที่พรรคเพื่อไทยอยากได้ที่นั่งนี้เพื่อสร้างความหวังใหม่ให้ประชาชน เพื่อสั่งสอนรัฐบาลที่บริหารไร้ประสิทธิภาพ แม้เป็น ส.ส.แค่วันเดียวก็ต้องเลือกนายสุรชาติ เพราะเลือกพรรคเพื่อไทยเพื่อต่อลมหายใจประชาธิปไตย เอาพรรคมาต่อสู้กับเผด็จการ สนามนี้จะบันทึกการต่อสู้ระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตย วันนี้เผด็จการได้ใจเพราะมีหลายพรรคเป็นอีแอบ สุดท้ายเข้าพวกไปกับเผด็จการ ส่วนพรรคฝ่ายประชาธิปไตยเริ่มจากพรรคไทยรักไทยถูกตัดสิทธิ ถูกยุบพรรคสองครั้ง ยึดอำนาจสองหน เลือกตั้งชนะก็เป็นโมฆะ ผู้นำถูกยึดทรัพย์และดำเนินคดี ต้องหนีไปต่างประเทศ แต่พรรคนี้ก็ยังยืนหยัดต่อสู้อยู่
“เมื่อยุบไทยรักไทยก็ตั้งพลังประชาชน ยุบพลังประชาชนก็ตั้งเพื่อไทย หากยุบเพื่อไทย จะตั้งพรรคเพื่อเธอ ยิ่งยุบก็ยิ่งโต วันนี้พรรคเพื่อไทย จะสู้ทุกรูปแบบ มีคนกล่าวหาว่าพรรคสู้ไปกราบไป เขาเรียกว่าปรับตัว เพราะสู้เป็นถึงยังคงอยู่ สนาม กทม.จะเป็นสนามที่ให้ประชาชนแสดงอุดมการณ์ เลือกนายสุรชาติเพื่อต่อลมหายใจของประชาธิปไตย วันนี้โพลทุกสำนัก ระบุว่า นายสุรชาติ นำห่าง นำขาด แต่เจตนารมณ์ของประชาชนกำลังจะถูกบิดเบือน มีพรรคหนึ่งเสียไป 21 ที่นั่งหวังจะได้เขตนี้เพื่อเพิ่มศักดิ์ศรีให้ตัวเอง อีกพรรคหนึ่งออกตัวชัดว่าอยากได้ พลเอกประยุทธ์ ให้เลือกเขาเพื่อแพ็คกำลังสู้กับฝ่ายประชาธิปไตย ดังนั้นอย่าแบ่งคะแนนขอให้เลือกเพื่อไทยไว้ใช้งาน”นายสุทิน กล่าว
ด้านนายจาตุรนต์ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า กรณีพลเอกประยุทธ์ เปิดเพลงอย่ายอมแพ้ในสภา ว่าหากเป็นการเปิดเพื่อประชาชนก็แล้วไป แต่นี่เป็นการเปิดเพื่ออย่ายอมแพ้ป้อมกับอย่ายอมแพ้แป้ง การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นการส่งสัญญาณบอกให้พลเอกประยุทธ์พอแล้ว หากเลือกนายสุรชาติอายุรัฐบาลจะยิ่งสั้นลง ก่อนหน้านี้ตนบอกรัฐบาลจะอยู่ได้ถึงเดือนสิงหาคม แต่ตอนนี้ถึงอย่างไรพลเอกประยุทธ์ก็อยู่ไม่ถึงเดือนพฤษภาคม เพราะฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว
ขณะที่นายสุรชาติ ปราศรัยค่อนข้างดุเดือดเรื่องราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสายสีแดงที่ค่าโดยสารแพงจนแทบจะไม่มีคนใช้บริการ พร้อมยืนยันว่าตนไม่เคยว่าร้ายใคร ที่ออกไปพบประชาชนทุกวันเพียงเพื่อพิสูจน์ตัวเอง การที่ตนเข้าสภาครั้งนี้ไม่ได้ไปปกป้องใครแต่ไปเพื่อรับใช้ประชาชน ส่วนเรื่องการปฏิรูประบบราชการ ที่ต้องการให้ประชาชนและข้าราชการมีความสุขมากขึ้น ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะทำให้เกิดขึ้นอีกครั้ง
“17 ปีที่ผ่านมา ตนเคยเสียน้ำตาเพื่อการเมืองแค่ 1 ครั้ง คือวันหลังประกาศผลเลือกตั้งตนขึ้นรถแห่ไปขอบคุณประชาชนแม้แพ้เลือกตั้ง เพราะไม่ว่าตนจะไปที่ไหนประชาชนร้องไห้ให้กับความพ่ายแพ้ของตน น้ำตาในวันนั้นทำให้ตนมีวันนี้และตั้งใจว่าครั้งนี้จะแพ้ไม่ได้อีกแล้ว ซึ่งตนจะทวงศักดิ์ศรีให้ชาวหลักสี่-จตุจักร การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้สำคัญแค่กับชีวิตตน แต่สำคัญกับชาวหลักสี่ จตุจักรพร้อมประกาศว่าหากได้เป็นส.ส. ประชาชนไม่ต้องไปส่งตนเข้าสภา เพราะตนจะแบกศักดิ์ศรีทุกคนเข้าสภาเอง “นายสุรชาติ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
-001