‘บิ๊กป้อม’ยืนกรานไม่อยากเป็นนายกฯ
สัมพันธ์บิ๊กตู่ยังปึ้ก
สภาลุยถกร่างกม.ลูกเลือกตั้ง
ปลุกสส.-สว.หนุนกาบัตร2ใบ
เพนกวิ้นได้ประกันวงเงิน2แสน
“บิ๊กป้อม”ยืนกราน ไม่คิดเป็น นายกฯ ถ้าอยากเป็น ก็ใส่ชื่อไปแล้ว ฉุนสื่อถามสัมพันธ์“บิ๊กตู่”ลั่นไม่มีวันแยกกัน ย้ำไม่ถอดใจ ถ้ากายไหวก็สู้ต่อ แต่ถ้ากายไม่ไหวก็จบ ย้ำ“ก๊วนธรรมนัส”อยู่กับรบ.แน่ ขณะที่รัฐสภาเริ่มถก 10 ร่างก.ม.ลูกทั้งเลือกตั้งสส.-พรรคการเมือง ‘ฝ่ายค้าน’ชงแบ่ง‘เขต-ปาร์ตี้ลิสต์’เบอร์เดียวกัน ‘ฝ่ายรบ.เสนอระบบละเบอร์‘ชิณวรณ์’ปลุกร่วมรับร่าง กม.ลูกเลือกตั้ง บัตร2ใบ ปิดประตูกลับไปใช้ใบเดียว ‘ส.ว.วันชัย’ไม่ขัดใช้ระบบไหน ย้ำลือกตั้ง’ต้องสุจริต จี้‘กกต.’เข้ม ลุยเชิงรุก อย่าอ่อนแอ
เมื่อวันที่ 24กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ลาออกจากสมาชิกพรรคพปชร.และไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทยว่า เขาได้ลาออกไปแล้ว ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราตั้งใหม่ เบื้องต้น ตนกำหนดการประชุมใหญ่พรรค พปชร.ไว้ปลายเดือนมีนาคม ส่วนโครงสร้างพรรค ไม่มีอะไรมากแค่เอาคนใส่ไปเท่านั้นเอง
‘บิ๊กป้อม’ถกกม.ลูกไม่มีสภาล่ม
พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงในการพิจารณาร่างกฎหมายลูก 2 ฉบับ ใน 2วันนี้ จะเรียบร้อยดีหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนจะไปรู้ได้อย่างไร แต่ยืนยันว่า ไม่มีสภาล่มแล้ว เรียบร้อยๆ ไม่ต้องห่วง จบแล้วเรื่องสภาล่ม ซึ่งให้รอดูในที่ประชุมร่วมรัฐสภา โดยวิปรัฐบาลต้องไปรวบรวมความเห็น เป็นเรื่องของวิปรัฐบาล ไปรวบรวมความเห็น เอาให้เหมือนกัน
ย้ำ”ก๊วนธรรมนัส”อยู่กับรบ.แน่
เมื่อถามว่า กลุ่มของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส. พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย ยืนยันใช่หรือไม่ว่า ยังคงสนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า สนับสนุนรัฐบาลแน่นอน พร้อมระบุไม่มีความหนักใจการเมืองในพรรคพปชร.เมื่อถามว่า จะต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ หลังจาก กลุ่มร.อ.ธรรมนัส แยกตัวไปอยู่พรรคใหม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องปรับคณะรัฐมนตรี ไม่ใช่เรื่องของตน เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี ไปถามนายกฯโน่น
ลั่นไม่ถอดใจ-ถ้ากายไหวก็สู้ต่อ
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวการดูด ส.ส. มีการเช็กในพรรคพปชร.หรือไม่ว่า มีใครถูกดูดไปหรือไม่พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ดูดได้อย่างไร และจะย้ายอย่างไร มันย้ายไม่ได้ นอกจากถูกขับออก ตนไม่ได้ขับใครแล้วจะมาดูดได้อย่างไร ไม่มีอะไรหรอก ไปพูดกันเอง
เมื่อถามว่า จนถึงขณะนี้พล.อ.ประวิตรไม่ถอดใจใช่หรือไม่ กับการคุมพรรค พปชร. พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ถอดใจเรื่องอะไรล่ะ ผมน่ะถอดใจ หรือ ถอดกายมากกว่า ถ้ากายผมไม่ไหว ผมก็ไม่สู้ ถ้าใจยังไหวอยู่ก็สู้ไป แต่ถ้ากายหมดก็หมด ก็จบไป”เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าตอนนี้ทั้งกายทั้งใจพร้อมแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า”กายน่ะไม่พร้อม”
สัมพันธ์”บิ๊กตู่”ลั่นไม่มีวันแยกกัน
เมื่อถามว่า แต่เห็นลงพื้นที่ 4 จังหวัดรวด พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า”แข็งแรงบ้าอะไร ป่วยอยู่2 วันเนี่ย”เมื่อถามว่ายังยืนยันยืนข้างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า”บอกตั้งหลายครั้งแล้วว่านายกฯกับผมไม่แยกจากกัน”
ยืนกรานไม่คิดนั่งเป็นนายกฯ
เมื่อถามถึงที่นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ อภิปรายในสภาว่าพล.อ.ประวิตร มีแผนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี แทน พล.อ.ประยุทธ์นั้น พล.อ.ประวิตร ตอบว่า“ถ้าอยากเป็นนะก็มีชื่อใส่ไปแล้ว นี่ไม่อยากเป็น ปัดโธ่! ถ้าอยากเป็น ก็เอาชื่อใส่ไปแล้ว”
รัฐสภาเริ่มถก10ร่างแก้ไขกม.ลูก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 09.50น.ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภาครั้งที่ 6 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่2 มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธาน เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พรป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จำนวน 4ฉบับ และ ร่างพรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 6 ฉบับ โดยที่ประชุมเริ่มพิจารณาร่างพรป.เลือกตั้ง สส.เป็นลำดับแรก
โดยมีนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เสนอหลักการและเหตุผลในนามคณะรัฐมนตรี(ครม.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เสนอร่างในนามพรรคเพื่อไทย นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เสนอในนามพรรคฝ่ายรัฐบาล และนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เสนอในนามพรรคก้าวไกล
พท.ชูสส.-ปาร์ตี้ลิตส์ เบอร์เดียวกัน
ทั้งนี้ นพ.ชลน่าน ได้กล่าวตอนหนึ่งว่าแนวคิดที่จะใช้เบอร์ผู้สมัครส.ส.และเบอร์พรรค เป็นแบบคนละเบอร์นั้น จะทำให้เกิดการจูงใจให้อามิสสินจ้าง เจตนารมต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วม แต่การจะกำหนดให้หมายเลขพรรคและผู้สมัครแตกต่างกันนั้นเท่ากับไปสร้างความสับสนให้กับประชาชนผู้มีสิทธิ์ออกเสียง อีกทั้งยังเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย อยากถามว่า การกำหนดให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แต่หมายเลขพรรคกับผู้สมัครไม่เหมือนกัน เจตจำนง คือ อะไร
พปชร.หนุนสส.-พรรคคนละเบอร์
ขณะที่นายวิเชียรกล่าวในเรื่องเดียวกันว่าการกำหนดให้ผู้สมัครและพรรคเป็นคนละหมายเลข เพราะเชื่อในวิจารณญาณของประชาชน เชื่อว่าประชาชนมีความสามารถเลือกพรรคและผู้สมัครส.ส.ที่ตัวเองชื่นชอบ การกล่างอ้างว่าอาจทำให้ประชาชนสับสนนั้น หมายความว่ากำลังมองประชาชนไม่มีสามารถในการวินิจฉัย ซึ่งตนไม่เชื่อเช่นนั้น
‘ก้าวไกล’เชียร์ใช้เบอร์เดียวทั้ง2แบบ
ด้าน นายปดิพัทธ์ ตัวแทนพรรคก้าวไกล กล่าวว่าพรรคเห็นด้วยกับวิธีการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อของฝ่ายรัฐบาล แต่พรรคขอนำเสนอให้ผู้สมัครสส.แบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อจากพรรคเดียวกัน ต้องเบอร์เดียวกัน เพื่อความเรียบง่าย การเสนอแบบเบอร์เดียวกัน มีปัญหาอะไร ทำไมบางฝ่าย จึงอยากได้เป็นแบบคนละเบอร์ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ต้องเปิดเผยผลคะแนนดิบรายหน่วยสู่สาธารณะ โดยไม่ต้องร้องขอและให้มีการสังเกตการณ์เลือกตั้งได้ เพื่อความโปร่งใสและผู้จัดการเลือกตั้ง ต้องรับผิดชอบแก้ปัญหาบัตรเขย่ง แก้เรื่องคะแนนนอกราชอาณาจักรและมีความรับผิดชอบ ซึ่งพรรคเห็นว่าข้อผิดพลาดเรื่องการขนส่ง เหมือนการเลือกตั้งปี2562ไม่ควรนำมาเป็นเหตุให้คะแนนของประชาชนตกหล่นได้ สุดท้ายสภาฯต้องเข้มแข็งด้วยการแก้ไขปัญหาส.ส.ปัดเศษ การกำหนดให้มีคะแนนขั้นต่ำเนื่องจากสภาชุดปัจจุบัน มีส.ส.ปัดเศษที่รวมตัวกันเพื่อต่อรองทางการเมือง อีกทั้งมีอำนาจในการต่อรอง ทำให้สภาล่มได้
ชวน’กรีดสภาไม่ได้เลวร้ายกว่าอดีต
จากนั้น นายชวน ชี้แจงก่อนเปิดให้สมาชิกได้อภิปรายว่าตนขอปกป้องสภาในฐานะที่อยู่ในสภามาหลายสมัย เห็นเหตุการณ์มา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชุดปัจจุบัน ไม่ได้เลวร้ายไปกว่าในสมัยก่อน ปัญหาเรื่ององค์ประชุมมีบ้างเป็นธรรมดา แต่ดูจากผลงานแล้วก็ขอชื่นชมสมาชิกที่ให้ความร่วมมือ เราพูดได้ว่ากฎหมายรัฐบาล ไม่ได้ค้างเลย แม้แต่ฉบับเดียว เราต้องช่วยกันประคับประคอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังผู้เสนอร่างได้อภิปรายหลักการและเหตุผลในการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.จำนวน4ฉบับเรียบร้อยแล้ว ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกรัฐสภาอภิปรายอย่างกว้างขวาง โดย ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลต่างอภิปรายสนับสนุนร่างของครม.และส.ส.ฝ่ายค้านก็อภิปรายหนุนร่างที่เสนอแก้ไข ขณะที่ สว.ได้อภิปรายให้ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ
ชิณวรณ์’ปลุกร่วมรับร่างกม.ลูก
โดยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า วันนี้เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งที่เราได้ประชุมร่วมรัฐสภา ช่วงสุดท้ายของสมัยประชุมนี้ทำให้กฎหมาย2ฉบับได้เข้ามาพิจารณาได้ทันในสมัยประชุมสามัญ ถ้าไม่ทัน พวกตนตั้งใจขอเปิดประชุมสมัยวิสามัญ หลายคนถามว่าหากร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ไม่ผ่านจะเกิดอะไรขึ้นได้ย้ำว่าผ่านแน่นอน เพราะถ้าไม่ผ่านจะมีปัญหาแน่นอน แม้ กกต.จะเสนอให้ครม.ออกพ.ร.ก.ได้ แต่กฎหมายที่ออกเป็น พ.ร.ก.ออกโดยฝ่ายบริหารฝ่ายเดียวจะมีความชอบธรรมและสุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่จึงควรรับหลักการทุกฉบับ เพื่อนำไปแก้ไขปรับปรุงหลักเกณฑ์ในชั้นกมธ.ต่อไป
ลั่นปิดประตูหลับใช้บัตรใบเดียว
“ส่วนที่มีความพยายามจะกลับไปใช้บัตรใบเดียวนั้นเป็นไปไม่ได้เพราะรัฐธรรมนูญแก้ไขให้ใช้กติกาบัตร2ใบจึงต้องทำให้การเลือกตั้งบัตร 2ใบเกิดความสุจริตเที่ยงธรรมโดยเฉพาะเรื่องความชัดเจนเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งให้เกิดความเป็นธรรม ส่วนการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อให้รวมผลคะแนนบัญชีรายชื่อทั่วประเทศ แล้วหาร 100 ถือเป็นคะแนนเฉลี่ยต่อคะแนน ส.ส.บัญชีราชื่อ 1คนของแต่ละพรรค”นายชินวรณ์
สว.ไม่ขัดใช้บัตร/ลั่นลต.ต้องสุจริต
ด้านนายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)อภิปรายโดยยืนยันว่าไม่ติดใจจะใช้บัตรใบเดียวหรือสองใบ หรือจะคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่ออย่างไร แต่สิ่งที่สนใจคือต้องทำให้การเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม แม้แต่การเลือกตั้งอบต.เล็กๆก็ใช้เงิน12-20 ล้านบาท ทั้งหมดนี้เป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของกกต. ต้องควบคุมการเลือกตั้งให้สุจริตเที่ยงธรรมให้ได้ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทำไม่ได้ เห็นกันจะๆคาตา บางคนบอกไม่อยากใช้เงินซื้อเสียง แต่ถ้าไม่ซื้อ ถ้าชั่วก็จะได้รับเลือกตั้ง เลยต้องซื้อเพื่อป้องกันคนชั่ว ดังนั้นกกต.มีความสำคัญที่สุดในการควบคุมการเลือกตั้ง
“ตราบใดที่ผู้บังคับใช้กฎหมายอ่อนแอจะเป็นอย่างที่เห็น มาตรการเชิงรุกแก้ปัญหา ต้องแรงและเร็ว แต่ กกต.ไม่เคยทำงานเชิงรุก การแก้กฎหมายครั้งนี้ขอให้พิจารณากันให้ชัดเรื่องมาตรการป้องกันการทุจริตซื้อเสียงก่อนการเลือกตั้ง ไม่ใช่แค่เฉพาะคืนหมาหอน อยากให้กฎหมายนี้แรงและเร็ว”นายวันชัย กล่าว
ท้านายกฯ2กม.ลูกไม่ผ่านให้ยุบสภา
ขณะที่ นายสุรทิน พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ ได้อภิปรายสนับสนุนบัตรเลือกตั้ง2และพรรคเดียวเบอร์เดียว เพื่อลดความยุ่งยาก และความสะดวกกับประชาชน พร้อมขอเพิ่มงบประมาณในการใช้จ่ายเลือกตั้งแต่ละเขตเป็น 1.5ล้านบาท รวมทั้งขอแก้การทำไพรมารีโหวตเพราะทำให้การเลือกตั้ง ยุ่งยากซ้ำซ้อน เสียงบประมาณมาก อยากให้ไพรมารีโหวตจังหวัดละ1แห่งเท่านั้น และได้ยินมาว่ารัฐสภา จะคว่ำร่างพ.ร.ป.2ฉบับ ถ้าไม่อยากให้ผ่านจริงๆก็ขอให้นายกฯยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน
‘หมอระวี’ซัดวงจรอุบาทว์ใช้เงินฟาด
นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ อภิปรายเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ตอนหนึ่งว่าสภาพการเมืองปัจจุบันเข้าสู่วงจรอุบาทว์ การเลือกตั้งท้องถิ่นใช้เงินตั้งแต่ 1-20 ล้านบาท การเลือกตั้งส.ส.เขต พรรคการเมืองใหญ่ใช้เงิน 20-50 ล้าน บางเขตเป็นกรณีพิเศษถึง 100 ล้านบาท พรรคใหญ่ๆหลายพรรคทุ่มเงินถึงหมื่นล้าน เพื่อซื้อส.ส.เข้าสภาฯ สร้างวัฎจักรความชั่วร้ายให้การเมืองไทย ส.ส.ที่ได้มาก็ยกมือตามนายทุนพรรค ใครไม่ยกมือตามก็จะถูกบังคับตามมติพรรค ถูกขับออกจากพรรค
‘เสรี’แนะแก้กม.ให้ซื้อเสียงไม่ผิด’
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.อภิปรายในส่วนร่าง พรป.เลือกตั้งส.ส.ว่าการเลือกตั้งที่สุจริตเป็นธรรม ถือเป็นหัวใจสำคัญการเลือกตั้ง แต่สภาพความเป็นจริง ต้องยอมรับมีการซื้อเสียงเป็นส่วนใหญ่ซึ่งกฎหมายระบุให้มีความผิดทั้งผู้ให้และผู้รับ ทำให้ไม่สามารถจับผู้กระทำผิดได้ เพราะคนรับไม่กล้าเป็นพยานซื้อเสียง จึงควรแก้กฎหมาย ให้ผู้รับไม่มีความผิด ต้องยอมรับว่า การแก้ปัญหาซื้อเสียงทำไม่ได้ ถ้าทำไม่ได้ ก็ให้ยกเลิกเลยว่าซื้อเสียง ไม่ผิด ให้แต่ละคนมีจิตสำนึกเองและขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของประชาชนในการเลือกส.ส.ขณะเรื่องห้ามมีมหรสพระหว่างหาเสียงนั้นควรยกเลิก อย่าไปสร้างเงื่อนไขมาก ควรเป็นร่างที่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง
พรรคเล็กย้ำคว่ำกม.ลูก10ฉบับ
ขณะที่นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ ให้สัมภาษณ์ยืนยันก่อนการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่าง พรป.เลือกตั้ง ส.ส.4ฉบับ และร่างพ.ร.ป.พรรคการเมือง 6 ฉบับรวม10 ฉบับว่า เชื่อว่าที่ประชุมจะมีร่างผ่านความเห็นชอบ แต่ในส่วนพรรคเล็กคาดว่าเราจะลงมติไม่รับร่างกฎหมายทั้ง 10 ฉบับ ถึงแม้จำนวนเสียงเราจะมีนิดเดียว แต่เป็นการแสดงจุดยืนว่าเราไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งด้วยบัตร 2ใบมาตั้งแต่แรก เรื่องนี้ด้ยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดินไปแล้ว ถ้าผู้ตรวจการ มีมติไม่ยื่นคำร้องของตนให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตนก็จะไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญด้วยตัวเอง เรื่องนี้ต้องถึงศาลฯอย่างแน่นอน และคิดว่าพรรคพปชร.เริ่มฟังเสียงพรรคเล็กมากขึ้นเพราะเคยพูดว่า การเลือกตั้งบัตร 2 ใบ ไม่ใช่แค่พลังประชารัฐ จะแพ้การเลือกตั้ง แต่อาจทำให้ถึงขั้นสูญพันธุ์ซึ่งช่องทางที่ยังเหลืออยู่ ที่จะสามารถกลับมาใช้บัตรเลือกตั้ง 1ใบได้ คือการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ตนมั่นใจว่าจะใช้เวลาไม่เกิน1เดือนครึ่งก็จะได้รู้กันแล้ว
ปชป.ร้าว‘ราเมศ’นัดแถลง26ก.พ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายราเมศ รัตนเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์แจ้งนัดหมายสื่อมวลชนเพื่อแจ้งนัดหมายแถลงข่าวมีข้อความที่ชวนให้สงสัยระบุว่า“เรียนพี่น้องสื่อมวลชนที่เคารพรักทุกท่าน ผมขอแจ้งหมายแถลงข่าวครั้งสำคัญของผม ที่ผ่านมามีแต่แถลงข่าวเรื่องพรรค เรื่องปกป้อง ชี้แจงให้กับคนอื่น ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ผมจะแถลงข่าวเรื่องที่เกี่ยวกับตัวผมในวันเสาร์ที่26ก.พ.นี้เวลา10.30น.อยากให้มาทำข่าวกันนะครับวันเสาร์น่าจะไม่ค่อยมีข่าวอะไรเยอะข่าวของผมพอจะเป็นประเด็นไปทำข่าวการเมืองได้บ้างครับ”
คาดปมจถูกขวางลง ส.ส.พังงา
จากข้อความดังกล่าวสร้างความสงสัยให้กับสื่อมวลชนอย่างมากเนื่องจากช่วงปลายปี 2564มีข่าวว่านายราเมศได้แสดงความประสงค์ขอลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในเขตเลือกตั้งที่เพิ่มใหม่ ใน จ.พังงา แต่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้ นายบำรุง ปิยนามวาณิช อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)พังงาและมีความสนิทสนมกับนายจุรินทร์ มานานลงสมัครส.ส.เขตดังกล่าวและวเสนอให้นายราเมศ ไปลงสมัคร ส.ส.เขตในพื้นที่กทม.ตอนนั้นนายราเมศ ยังไม่ให้คำตอบแก่นายจุรินทร์ โดยนับตั้งแต่เวลานั้นมาจนถึงปัจจุบัน นายราเมศลงพื้นที่พบปะชาวบ้านในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่แกนนำพรรค ยังไม่มีการชี้ขาดชัดเจนว่าจะส่งใครลงสมัคร ส.ส.แต่มีกระแสข่าวว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าแกนนำพรรคจะเห็นชอบการส่งนายบำรุง เป็นผู้สมัครส.ส.พังงา อาจเหตุทำให้นายราเมศตัดสินใจนัดแถลงข่าวเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อขอถอนตัว หรือ ลาออกจากพรรค โดยผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อนายราเมศทุกช่องทางเพื่อสอบถามเรื่องที่จะแถลงแต่ไม่มีคำตอบ หรือติดต่อกลับจากนายราเมศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี