‘มท.-สมาคมแม่บ้านฯ’ คุยผู้ประสานงาน UN ประจำประเทศไทย ดันขับเคลื่อนพัฒนาคนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
15 มีนาคม 2565 ที่กระทรวงมหาดไทย(มท.) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ร่วมหารือกับ นางสาวกีต้า ชับประวาล (Ms.Gita Sabharwal) ผู้ประสานงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย และนายเรนอว์ เมเยอร์ (Mr.Renaud Meyer) ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย (UNDP) โดยมีนายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายทวี เสริมภักดีกุล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นางจริยา ชุมพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนโยบายและแผน และร้อยตรี สรมงคล มงคละสิริ ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมหารือ
นางสาวกีต้า กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติ (United Nations : UN) มีโครงสร้างการดำเนินงานรวม 21 องค์กรหลัก โดยโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme : UNDP) เป็นหนึ่งในองค์กรหลักขับเคลื่อนนโยบายในประเทศไทย มีเป้าหมายเพื่อนำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนปรับใช้ในการดำเนินงานในประเทศไทยร่วมกับหน่วยงานภายใต้ UN และองค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) โดยมุ่งเน้นการทำงาน 3 ประเด็น ได้แก่ 1) การเปลี่ยนแปลงด้านสภาวะภูมิอากาศ 2) การเพิ่มศักยภาพมนุษย์ด้านการศึกษา และ 3) ด้านความเท่าเทียม ทั้งเชิงโครงสร้างและการป้องกันเชิงสังคม ซึ่งหนึ่งในประเด็นหลักที่ UNDP ให้ความสนใจ คือ การขจัดความยากจน ความหิวโหย ความอดอยาก ที่พบว่ายังมีข้อมูลบางส่วนที่ต้องทำการเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งจะได้ทำการสำรวจข้อมูลให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และในด้านการทำเกษตรที่ยั่งยืน จะได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations : FAO) นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อให้มีประสิทธิภาพและมีปริมาณผลผลิตเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้ขับเคลื่อนร่วมกับ 43 องค์กรทางการเงินทั่วโลก เพื่อขับเคลื่อน “การเงินที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” รวมถึงการดำเนินงานระบบ Telemedicine เพื่อนำเทคโนโลยีไปช่วยผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านกายภาพ
ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยขอขอบคุณผู้ประสานงาน UN ประจำประเทศไทย และผู้แทน UNDP ที่ให้เกียรติร่วมหารือและแลกเปลี่ยนการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อจะได้ช่วยกันสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้กับประชาชนชาวไทย ซึ่งกระทรวงมหาดไทยมีกลไกการขับเคลื่อนตั้งแต่ระดับนโยบายสู่ระดับการปฏิบัติในระดับพื้นที่ ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นอกจากนี้ มีส่วนราชการระดับกรม (Department) ที่รับผิดชอบด้านการขับเคลื่อนงานตามเป้าหมายพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 17 ข้อของ UN คือ 1) กรมการพัฒนาชุมชน มีหลักการทำงานในการพัฒนาคนให้สามารถดูแลตนเองและครอบครัว สังคมได้ หรือเรียกว่า “การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์” เช่น การส่งเสริมการรวมกลุ่มของสตรีไทยโดยมีกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเป็นทุนให้สตรีได้รวมตัวกันทำอาชีพหาเลี้ยงครอบครัว ขณะนี้มีสมาชิก 14 ล้านคน รวมถึงการพัฒนาผู้มีทักษะในการประกอบอาชีพ ด้วยการส่งเสริมการรวมกลุ่มเป็นกลุ่ม OTOP หรือโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เกิดพลังในการรวมตัวเป็นผู้ประกอบการผลิตสินค้าจำหน่ายต่อไป ซึ่งการพัฒนาต่าง ๆ เหล่านี้ อยู่บนพื้นฐานการทำให้ทุกครัวเรือนน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปทำให้คนได้พึ่งพาตนเอง อันจะเป็นส่วนช่วยป้องกันการหิวโหยหรือการอดอยาก และขณะเดียวกันช่วยทำให้เกิดความมั่นคงด้านอาหาร ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น และ 2) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ทำหน้าที่ในการส่งเสริมการบริหารจัดการตนเองของพี่น้องประชาชนตามหลักการกระจายอำนาจ ด้วยการประสานการกำกับดูแลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 7,848 แห่งกระจายอยู่ในทุกตารางนิ้วของประเทศได้ขับเคลื่อนผู้ดูแลพี่น้องประชาชน ตั้งแต่เกิด พัฒนาการ การศึกษา การป้องกันโรค การบริหารจัดการขยะ และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า นับเป็นเวลากว่า 130 ปี ที่กระทรวงมหาดไทย ได้ทำหน้าที่ในการดูแลพี่น้องประชาชน ตั้งแต่มีการปฏิรูประบบบริหารราชการแผ่นดินและเปลี่ยนการบริหารประเทศเป็นแบบสมัยใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2435 ดังนั้น ในแง่ของวัฒนธรรมองค์กรกระทรวงมหาดไทยจึงมีความผูกพันใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชน โดยในขณะนี้รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยขับเคลื่อนกลไกเพื่อตอบเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะด้านความยากจน หิวโหย ที่อยู่อาศัย ภายใต้ชื่อกลไก ศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) โดยใช้ข้อมูลจากระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (Thai People Map and Analytics Platform : TPMAP) ในการกำหนดเป้า เพื่อพุ่งเป้าในการแก้ไขปัญหาความยากจน ซึ่งมีข้อมูลคนจากจนจำนวน 1,025,000 คน แบ่งเป็น 5 มิติ คือ การศึกษา ที่อยู่อาศัย ความยากจน สุขภาพ และการเข้าถึงบริการภาครัฐ ซึ่งในขณะนี้พบว่ายังมีพี่น้องประชาชนมีสภาพปัญหาความเดือดร้อนอื่น ๆ จึงอยู่ระหว่างการสำรวจปัญหาความเดือดร้อนเพิ่มเติม เช่น ไม่มีที่อยู่อาศัย ยากจน ไม่มีเงินจะหาเลี้ยงชีพ ไม่มีทุนการศึกษา ไม่มีอาหารจะกิน ไม่มีไฟฟ้า-ประปา ลูกหลานติดยาเสพติด ไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน แบ่งการสำรวจเป็น 2 ลักษณะ คือ 1) การลงพื้นที่สำรวจข้อมูลครัวเรือนโดยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ภายใต้การนำของนายอำเภอ และ 2) การประชาสัมพันธ์ผ่านภาคีเครือข่ายสื่อมวลชนเพื่อให้พี่น้องประชาชนแจ้งข้อมูลปัญหาความเดือดร้อนผ่านสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 เพื่อให้มีข้อมูลทุกคนที่มีปัญหาความเดือดร้อนและไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ครบถ้วน นำไปสู่การจัดทีมพี่เลี้ยงลงไปวิเคราะห์ จัดทำแผนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาเป็นรายครัวเรือนต่อไป นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยและสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ได้กำหนดเป้าหมายในการช่วยเหลือผู้ยากไร้ที่ไม่มีที่อยู่อาศัยให้ได้มีบ้านอยู่อาศัยอย่างถูกสุขลักษณะครบทุกครัวเรือน รวมทั้งจัดหารถเข็นวีลแชร์สำหรับผู้พิการเดินไม่ได้ ผู้สูงอายุ ให้ครบทุกคนโดยไม่ใช้งบประมาณของราชการ ภายในเดือนสิงหาคม 2565
“เรามีความตั้งใจร่วมกับพี่น้องประชาชนผู้ที่มีจิตใจเสียสละ ที่อยากทำสิ่งที่ดีให้เกิดขึ้น ซึ่งทาง UNDP สามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ และประการสำคัญ เมื่อกระทรวงมหาดไทยได้รับข้อมูลสภาพปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเองครบถ้วน จะได้ร่วมกับ UNDP ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนต่อไปได้อีกทางหนึ่ง เพื่อ Change for Good สร้างสิ่งที่ดีให้เกิดขึ้นกับสังคมนี้ อันจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมาย SDGs ข้อที่ 1 การยุติความยากจนทุกรูปแบบในทุกที่” นายสุทธิพงษ์ กล่าว
ดร.วันดี กล่าวว่า ในด้านเป้าหมายการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน ข้อที่ 12 การสร้างหลักประกันให้มีแบบแผนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน (Ensure Sustainable Consumption and Production Patterns) และข้อที่ 13 การปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบที่เกิดขึ้น (Take Urgent Action to Combat Climate Change and Its Impacts) สมาคมแม่บ้านมหาดไทยได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนเพื่อร่วมรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมด้วยการบริหารจัดการขยะครบวงจรตามหลัก 3ช (3Rs) คือ ใช้น้อย (Reduce) ใช้ซ้ำ (Reuse) และนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) และการรณรงค์ให้ทุกจังหวัดทั่วประเทศรณรงค์ให้ทุกครัวเรือน จำนวน 30 ล้านครัวเรือน จัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน ให้ครบ 100% ในเดือนสิงหาคม 2565 นอกจากนี้ ได้น้อมนำหลักทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ภายใต้ชื่อ “โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล”” ขับเคลื่อนให้ประชาชนกว่า 50,000 ครัวเรือน นำหลักการทำมาหากินแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พึ่งพาตนเองตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ ซึ่งภายในพื้นที่ดังกล่าว ประกอบด้วย การสร้างความมั่นคงเรื่องน้ำ มีแหล่งกักเก็บน้ำ มีพืชอาหาร มีการเลี้ยงสัตว์น้ำ สัตว์บก และมีการฟื้นฟูป่า 5 ระดับ สูง กลาง ต่ำ เตี้ย ใต้ดิน ตามหลักการป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง คือ 1.ป่าสำหรับเป็นอาหาร เป็นยาสมุนไพร เช่น ผลไม้ 2.นำมาสร้างบ้านที่อยู่อาศัย 3.ใช้ทำเครื่องใช้ไม้สอย โต๊ะ ตู้ เตียง 4.ทำให้โลกมีความร่มเย็น ลดภาวะโลกร้อน
รวมทั้งได้น้อมนำพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ส่งเสริมให้ทุกครัวเรือนได้ปลูกผักสวนครัว เสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร และยาสมุนไพรประจำบ้านทุกครัวเรือน อันทำให้ประชาชนมีอาหารที่ปลอดภัย และลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน และน้อมนำพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในการรณรงค์ให้ประชาชนสวมใส่ผ้าไทย ภายใต้ชื่อโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” เพื่อให้ผู้ประกอบการทอผ้าซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสตรีในพื้นที่ห่างไกล ได้มีอาชีพ มีรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองและครอบครัว จากการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ปลูกฝ้าย ใช้สีธรรมชาติย้อมผ้า และทอผ้า อันเป็นการพึ่งพาตนเอง ส่งผลให้เกิดความมั่นคงเรื่องเครื่องนุ่งห่ม และลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ
“สิ่งสำคัญที่กระทรวงมหาดไทยขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน คือ “การพัฒนาคน” ให้คนสามารถดูแลครอบครัว สังคม ชุมชน และโลกของเราซึ่งมีแค่ใบเดียวให้มีอายุยืนยาว อยู่เป็นที่อยู่อาศัยที่ดีของลูกหลานเราตราบนานเท่านาน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยมีความยินดีที่จะได้สนับสนุนการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนของ UN ซึ่งเป็นภารกิจที่ได้ขับเคลื่อนอย่างเข้มข้นต่อเนื่องอยู่แล้ว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตอันใกล้ ทาง UNDP จะได้ร่วมลงนาม MOU กับกระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด เพื่อเป็นสัญญาณในการร่วมกันดูแลพี่น้องประชาชนและดูแลโลกใบนี้ ซึ่งองค์ความรู้ของ UN จะเป็นประโยชน์ในการทำให้ทุกจังหวัด ทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีทิศทางที่ดีในการที่จะ Change for Good สร้างสิ่งที่ดีให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน” นายสุทธิพงษ์ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี