1.โดยที่บางครั้งมีปัญหาในการดำเนินการทางวินัยแก่ข้าราชการพลเรือนระหว่างนั้น ข้าราชการรายนี้ได้ออกจากราชการไม่ว่าจะเป็นการลาออกหรือเกษียณก็ตาม ทางราชการจะสามารถดำเนินการและสั่งลงโทษทางวินัยได้หรือไม่เพียงใดนั้น คงจะต้องไปตรวจสอบกฎหมายและระเบียบราชการให้ชัดเจนหน่อยนะ
2.ไปดูกันที่มาตรา 100 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 3พ.ศ.2562 บัญญัติความโดยสรุปว่า ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดซึ่งออกจากราชการอันมิใช่เพราะเหตุตายมีกรณีถูกกล่าวหาเป็นหนังสือก่อนออกจากราชการว่า ขณะรับราชการได้กระทำหรือละเว้นกระทำการใดอันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ถ้าเป็นการกล่าวหาต่อผู้บังคับบัญชาของผู้นั้นหรือต่อผู้มีหน้าที่สืบสวนสอบสวนหรือตรวจสอบตามกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการหรือเป็นการกล่าวหาของผู้บังคับบัญชาผู้นั้นหรือมีกรณีถูกฟ้องหรือต้องหาคดีอาญาก่อนออกจากราชการว่าในขณะรับราชการได้กระทำความผิดอาญาอันมิใช่เป็นความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทที่ไม่เกี่ยวกับราชการ หรือความผิดลหุโทษ ผู้มีอำนาจดำเนินการทางวินัยมีอำนาจดำเนินการสืบสวนหรือพิจารณาดำเนินการทางวินัยและสั่งลงโทษตามที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้ต่อไปได้ เสมือนว่าผู้นั้นยังมิได้ออกจากราชการ แต่ต้องสั่งลงโทษภายใน3 ปีนับแต่วันที่ผู้นั้นออกจากราชการ
3.ขณะเดียวกันมาตรา 100 วรรคสองก็บัญญัติความโดยสรุปว่า หากเป็นการกล่าวหาหรือต้องหาว่ากระทำผิดอาญาหลังจากที่ผู้นั้นออกจากราชการไปแล้ว ให้ผู้มีอำนาจดำเนินการทางวินัย มีอำนาจดำเนินการสืบสวนหรือพิจารณาดำเนินการทางวินัยได้เสมือนว่า ผู้นั้นยังมิได้ออกจากราชการแต่ต้องเริ่มดำเนินการสอบสวนภายใน 1 ปีนับแต่วันที่ผู้นั้นออกจากราชการ และจะต้องสั่งลงโทษภายใน 3 ปีนับแต่วันที่ผู้นั้นออกจากราชการ ส่วนกรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้งจะต้องสั่งลงโทษภายใน 3 ปี นับแต่วันที่ผู้นั้นออกจากราชการ
4.ประเด็นของปัญหาครั้งนี้เกี่ยวกับการที่ส่วนราชการได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงแก่ข้าราชการผู้หนึ่งก่อนที่จะเกษียณอายุราชการแต่การสอบสวนพิจารณาเสร็จสิ้นหลังจากที่ผู้นี้ออกจากราชการไปแล้วเกิน 3 ปีแล้ว เช่นนี้ส่วนราชการจะต้องดำเนินการประการใดบ้างนั้น จึงหารือไปยังสำนักงานก.พ.
5.ก.พ.ได้พิจารณาเรื่องนี้แล้วมีความเห็นโดยสรุปว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้นี้ได้ออกจากราชการไปเกินกว่า 3 ปีแล้ว ส่วนราชการก็ไม่สามารถดำเนินการทางวินัยกับผู้นั้นได้ตามนัยมาตรา 100 วรรคหนึ่ง ส่วนราชการจะต้องยุติเรื่องโดยไม่ต้องดำเนินการทำคำสั่งลงโทษและเป็นกรณีไม่ต้องส่งเรื่องให้ อ.ก.พ.กรมพิจารณาตามมาตรา 97 วรรคสองแต่เพื่อประโยชน์ในการบริหารทรัพยากรบุคคลให้รายงานอ.ก.พ.กรมของส่วนราชการเพื่อทราบนอกจากนั้นเมื่อเป็นกรณีที่ต้องยุติการดำเนินการทางวินัยก็ไม่อยู่ในเงื่อนไขที่จะต้องรายงานอ.ก.พ.กระทรวง เพื่อพิจารณาตามมาตรา 103แต่ประการใด พร้อมกันนั้น ก.พ.มีข้อสังเกตว่า การดำเนินการทางวินัยเรื่องนี้ดำเนินการล่าช้ามาก เห็นควรที่จะต้องดำเนินการให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์แห่งความเป็นธรรม
6.เรื่องนี้ สามารถติดตามได้จากหนังสือตอบข้อหารือของสำนักงานก.พ.ตามหนังสือสำนักงานก.พ.ที่ นร 1011/ล2358 ลงวันที่ 22 ธันวาคม 2563...คอลัมน์นี้ มองลึกลงไปแล้วอาจมีปัญหาในการดำเนินการของคณะกรรมการสอบสวนที่มิได้สนใจปัญหาเรื่องระยะเวลาในการดำเนินการทางวินัยที่ได้กำหนดระยะเวลาดำเนินการไว้อย่างแน่ชัดแล้ว ไม่เหมือนเดิม ส่วนราชการเจ้าสังกัดควรศึกษาไว้เป็นตัวอย่างอุทาหรณ์นะครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี