พท.ออกอาการอ้างกลัวบัตรเสีย
ผวาบัตร2ใบคนละเบอร์
ดิ้นสู้แหลกขอไปใช้เบอร์เดียว
รบ.ชี้นายกฯลงพื้นที่เรื่องปกติ
ติงฝ่ายค้านอย่าหวาดระแวง
“เพื่อไทย”ออกอาการหวั่นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบคนละเบอร์ ทำประชาชนสับสนบัตรเสียพุ่งดิ้นสู้ขอไปใช้เบอร์เดียว ด้านการหาเสียงสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.วันหยุดคึกคัก “ชัชชาติ”ลง 5 ตลาด ชูแนวคิด “ทำกรุงเทพฯ ให้ถูกลง”พัฒนาลดค่าครองชีพ ดันตลาดให้กลับมาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ด้าน “อัศวิน” ควง ผู้สมัคร สก.ลงเรือหาเสียงเขตประเวศ ชูนโยบายพัฒนาคลองประเวศบุรีรมย์ ฟื้นการเดินทางทางน้ำ พปชร.เจอศึกหนัก โอดป้ายหาเสียงถูกทำลาย โยนทิ้ง วอนปชช.พบเห็นการทำลาย-ป้ายจุดไหนไม่เหมาะสมแจ้งผู้สมัครได้ทันที
เมื่อวันที่ 2 เมษายน 25656 น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากในที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบ (พ.ร.ป.)รัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มีมติให้บัตรเลือกตั้ง หมายเลขผู้สมัคร ส.ส.กับหมายเลขพรรคการเมืองใช้เป็นคนละหมายเลข ซึ่งเป็นการกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งในปี2550
โดยที่ผ่านมาประเทศไทยเคยมีบทเรียนมาแล้วว่าสร้างผลเสียมากมาย เพราะทำให้ประชาชนเกิดความสับสน เกิดความยุ่งยากและซับซ้อนขึ้น จนอาจทำให้การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งของประชาชน ไม่เป็นไปเจตนารมณ์ของประชาชนและยังมีโอกาสที่จะทำให้ประชาชนลงคะแนนเสียงผิดโดยไม่ตั้งใจ โอกาสที่จะมีบัตรเสีย ก็มีมากขึ้นตามไปด้วย และยังทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอลง จากการที่ ส.ส.เขตจะต้องทำการสื่อสารหาเสียงในพื้นที่ไป พร้อมกับการรณรงค์หาเสียงของพรรค ซึ่งอาจจะทำให้ระบอบประชาธิปไตยของไทยอ่อนแอลงตามไปด้วยเช่นกัน
ทำใจพร้อมเลือกตั้งในทุกกติกา
“รู้สึกแปลกใจที่ผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการจัดการระบบเลือกตั้ง ไม่ได้เรียนรู้จากบทเรียนในการเลือกตั้งปี2550 ไม่นำเอาผลการวิจัยที่คณะกรรมการการเลือกตั้งร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทำการศึกษาวิจัยเรื่องระบบการเลือกตั้ง พบว่าการเลือกตั้งแบบบัตร2ใบ แต่ใช้คนละเบอร์ทำให้เกิดปัญหาและสร้างความสับสน จนในที่สุดเสียงเป็นเอกฉันท์ให้กลับไปใช้ระบบบัตรเบอร์เดียวในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2554 และยืนยันว่าการเลือกตั้งทั่วไปซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่คนทั้งประเทศได้แสดงสิทธิที่มีอยู่อย่างเท่าเทียมของตนเองในรอบหลายปีที่ประชาชนอยากให้เกิดขึ้นในเร็ววัน ควรจะเป็นการเลือกตั้งที่มีระบบที่จะช่วยสะท้อนความต้องการของประชาชนมากที่สุด พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมในการเลือกตั้งทุกกติกาที่ต้องตอบสนองต่อเจตจำนงของประชาชนเป็นที่ตั้ง”น.ส.อรุณีกล่าว
แนะรับข้อเสนอพท.ดิ้นใช้เบอร์เดียว
รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า ทั้งนี้การใช้บัตรเลือกตั้งสองใบคนละเบอร์ ทำให้ประชาชนเสียมากกว่าได้ประโยชน์ ทางออกเดียวที่จะช่วยให้เกิดการสับสนน้อยที่สุดและไม่ทำผิดรัฐธรรมนูญคือข้อเสนอของพรรคเพื่อไทยที่ให้กกต.เปิดรับสมัครส.ส.แบบแบ่งเขตก่อนแต่ยังไม่ประกาศหมายเลขผู้สมัครหลังจากนั้นให้รับสมัครเลือกแบบบัญชีรายชื่อให้พรรคจับเบอร์แล้วค่อยประกาศให้ใช้เบอร์เดียวกันทั้งสองแบบจะเป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด
ชี้นายกฯลงพบปชช.เป็นเรื่องปกติ
ด้านน.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเป็นเรื่องปกติที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่พบปะประชาชนเพื่อสัมผัสปัญหาที่แท้จริง แล้วนำมาปรับปรุงแก้ไขมาตรการต่างๆ ให้ตอบโจทย์ประชาชนทุกกลุ่มให้มาก เป็นหัวใจสำคัญของการบริหาร ขณะที่ประชาชนได้มีโอกาสสัมผัสใกล้ชิดนายกฯสอบถามวิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อเข้าใจและรับรู้ข้อมูลต่างๆที่ถูกต้อง จากมาตรการที่ นายกฯผลักดันเพื่อพี่น้องประชาชน
ชี้รบ.ทำกรุงเทพฯเปลี่ยนโฉมไปมาก
พร้อมยังได้ติดตามความคืบหน้าของโครงการต่างๆที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตตามนโยบายของรัฐบาล เช่น การปรับปรุงคูคลองต่างๆไม่ว่าจะเป็นคลองโอ่งอ่างที่ได้รับรางวัลต้นแบบในการปรับปรุงภูมิทัศน์ในเขตเมืองของเอเชีย ประจำปี63ปัจจุบันได้กลายเป็นแลนด์มาร์คท่องเที่ยวของกรุงเทพฯโครงการบ้านริมคลอง คลองลาดพร้าว-เปรมประชากร คลองผดุงกรุงเกษม การแก้ไขปัญหาการจราจร โครงการเรือไฟฟ้าเส้นทางคลองผดุงกรุงเกษม เรือไฟฟ้าคลองแสนแสบ โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และส่วนต่อขยายสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต
โครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรองสายสีทอง ระยะที่1สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี-สถานีคลองสาน โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแยกพุทธาวาส ตัดถนนจรัญสนิทวงศ์ โครงการก่อสร้างต่อเชื่อมถนนกาญจนาภิเษก-พุทธทมณฑลสาย2 พร้อมยังผลักดันโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมทั้งอุโมงค์ระบายน้ำหนองบอน ธนาคารน้ำใต้ดิน ใต้วงเวียนบางเขนและใต้ถนนอโศกดินแดง สะท้อนความใส่ใจและมุ่งมั่นแก้ไขปัญหา จนพี่น้องชาวกรุงเทพฯสัมผัสได้จริงว่ากรุงเทพฯ เปลี่ยนโฉมพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในหลายมิติ
ติงฝ่ายค้านอย่าระแวง/ขวางพัฒนากทม.
“ฝ่ายการเมือง ไม่ควรหวาดระแวง หรือสร้างเงื่อนไขเพื่อจำกัดสิทธิในการบริหารงานของผู้นำประเทศ ในทางตรงกันข้ามควรสนับสนุนให้นายกฯ ลงพื้นที่ หากเห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง เหนือประโยชน์ทางการเมือง เพราะขณะที่นายกฯ มุ่งแก้ไขปัญหา ฝ่ายค้านไม่ควรขัดแข้งขัดขาการพบปะประชาชนและการพัฒนาประเทศ ซึ่งจะสร้างความเบื่อหน่ายให้กับประชาชน”น.ส.ทิพานัน กล่าว
‘สุทิน’บี้นายกฯแจงให้ชัดลงพื้นที่ถี่
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.)ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน กล่าวกรณีพล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่พบปะประชาชนในเขตกรุงเทพฯถี่ช่วงนี้พร้อมประกาศให้เลือกผู้ว่าฯกทม.ที่เป็นนักปฏิบัติว่า หากมองในแง่ดีพล.อ.ประยุทธ์ สามารถลงพื้นที่ได้ทั่วประเทศและทุกเวลาที่จำเป็น แต่มันมีเรื่องผิดปกติอยู่ว่าทำไมต้องลงพื้นที่กรุงเทพฯ ถี่ในช่วงนี้ ทำไมต้องแนะนำเรื่องการเลือกตั้ง ซึ่งคำพูดไปสอดคล้องกับคำโฆษณาของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. บางคนพอดี ไม่น่าเป็นเรื่องบังเอิญ สังคมได้ยินแล้วไม่สบายใจว่า นายกฯ มีเจตนาอะไร
ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวขัดจริยธรรมความเป็นผู้นำอย่างชัดเจน เอาตำแหน่งนายกฯไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม เข้าข่ายผิดกฎหมายการเลือกตั้งได้ นายกฯต้องอธิบายเหตุผลอย่างละเอียดเพื่อให้สังคมรับทราบ ขณะที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ซึ่งมีหน้าที่รักษากติกาการเลือกตั้ง ต้องมีความกล้าที่จะว่ากล่าวตักเตือนและลงโทษนายกฯ
“ชัชชาติ”ฟิตจัดช่วงเช้าลงลุยตลาด
ขณะที่ ช่วงเช้า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 8 ลงพื้นที่หาเสียง ที่ตลาดประชานิเวศน์ 1 ตลาด อ.ต.ก. และเจเจมอลล์ เขตจตุจักร พบปะผู้ค้าและประชาชนที่เดินทางมาจ่ายตลาดโดยได้รับเสียงตอบรับอย่างคึกคัก พร้อมรับฟังปัญหาพื้นที่เขตจตุจักรผ่านเครือข่าย“สภากาแฟ เพื่อนชัชชาติ”และจากผู้ค้าและประชาชน ทราบปัญหาหลายด้านอาทิ น้ำท่วมขังรอระบาย การจราจร และขนส่งมวลชน ตลอดจนปัญหาด้านเศรษฐกิจปากท้อง ที่จำเป็นต้องแก้ไขเร่งด่วน
โดยนายชัชชาติ ชูแนวคิด“ทำกรุงเทพฯให้ถูกลง”ว่าปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญที่ กทม.ต้องมีบทบาทช่วยเหลือประชาชนในยามยากลำบาก ปัจจุบันกทม.มีตลาดในการดูแลทั้งสิ้น13แห่งรวมจำนวนแผงค้ากระจายในเขตต่างๆ กว่า 20,000 แผงค้า ดังนั้น กทม. สามารถพัฒนาตลาดให้เป็นพื้นที่สร้างโอกาสทางการค้าให้คนกรุงเทพฯ ได้ เช่น ขยายเวลาเปิด-ปิดตลาด เปิดแผงค้าเพิ่มเติม ประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จัก ตลอดจนพัฒนาแอปพลิเคชันส่งสินค้าถึงบ้าน เพื่อลดภาระค่าเดินทางของผู้บริโภค นอกจากนี้ กทม. ยังสามารถลดค่าเช่าแผงค้า จนกว่าสภาพเศรษฐกิจจะฟื้นตัว เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ค้า ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้าถูกลง เป็นการลดค่าครองชีพของประชาชนต่อไป
เดินตะลุยหาเสียงลงพื้นที่ 5ตลาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้นายชัชชาติได้ลงพื้นที่หาเสียงและพูดคุยรับฟังปัญหาจากประชาชนรวมทั้งสิ้น 5 ตลาด ช่วงเช้า ที่ตลาดประชานิเวศน์1,ตลาด อ.ต.ก.และเจเจมอลล์ เขตจตุจักร ในช่วงบ่ายหารือกับผู้ค้าในเจเจมอลล์ และตลาดนัดจตุจักรถึงการปรับตัวในภาวะเศรษฐกิจซบเซา ตลอดจนการสร้างโอกาสพัฒนาตลาดให้กลับมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของ กทม.อีกครั้งและปิดท้ายเส้นทางหาเสียงที่ เท ฟลีมาร์เก็ต สวนหลวงสแควร์ เขตปทุมวันเพื่อสำรวจแนวทางขายสินค้าของกลุ่มคนรุ่นใหม่
‘อัศวิน’ควงส.ก.หาเสียงเขตประเวศ
วันเดียวกัน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.หมายเลข 6 พร้อม นายอภิชาติจรัสโภคา ผู้สมัคร ส.ก.กลุ่มรักษ์กรุงเทพ เขตประเวศลงพื้นที่หาเสียง ที่วัดกระทุ่มเสือปลา เขตประเวศ กรุงเทพฯโดยมีชาวบ้านในชุมชนรอบวัดมารอต้อนรับมอบดอกกุหลาบให้กำลังใจและได้เข้านมัสการพระครูโสพณ เจ้าอาวาสวัดกระทุ่มเสือปลา สักการะศาลเจ้าพ่อเสือและพูดคุยกับอิหม่ามจากมัสยิดอัสสอาดะห์ ทับช้างปากคลอง จากนั้ พล.ต.อ.อัศวินได้ลงเรือที่ท่าน้ำวัดกระทุ่มเสือปลา เพื่อล่องไปตามคลองประเวศบุรีรมย์หาเสียงกับประชาชนสองฝั่งคลอง เพื่อเยี่ยมประชาชน พร้อมมาขอพรที่วัด ลงเรือดูโครงการที่ได้เคยทำมาแล้วตอนเป็นผู้ว่าฯกทม. การทำความสะอาดคูคลอง โครงการคลองสวยน้ำใส ซึ่งคลองประเวศบุรีรมย์ เป็นคลองที่มีความยาวมาก จึงต้องการมาสานต่อโดยเฉพาะการสัญจรทางน้ำ
ชูฟื้นคลองประเวศฯเดินทางทางน้ำ
พล.ต.อ.อัศวินระบุว่าต้องการมาดูความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ว่าสิ่งที่ทำไปแล้วเป็นอย่างไร ที่สำคัญ คือ มาขอคะแนนจากประชาชน จากการลงพื้นที่ยังได้รับฟังการการสะท้อนปัญหาความเดือดร้อนที่ทางชุมชนแจ้งมา ซึ่งมีการเก็บข้อมูลเอาไว้ว่าชุมชนอยากให้พัฒนาอะไรเพิ่มเติม ถ้าในอนาคตมีนักท่องเที่ยวเข้ามา ก็จะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ หรือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางนิเวศน์และที่ผ่านมาตนเคยรื้อฟื้นประเพณีแข่งเรือในคลองประเวศบุรีรมย์เป็นวิถีชีวิตคนกับน้ำที่สนุกสนานตั้งแต่โบราณก็จะพยายามมาต่อยอดไปเรื่อยๆ.
“ศิธา”” ลงพื้นที่พบผู้ค้าตลาด อ.ต.ก.
วันเดียวกันคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคไทยสร้างไทย เบอร์ 11 และนายวิศาล กองเงิน ผู้สมัคร ส.ก. เขตจตุจักร เบอร์ 6 ลงพื้นที่ตลาด อ.ต.ก. เพื่อแนะนำผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. และผู้สมัคร ส.ก. จากพรรคไทยสร้างไทย กับพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของภายในตลาด ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
น.ต.ศิธา กล่าวว่า การเลือกลงพื้นที่ตลาด อ.ต.ก. วันนี้ เพราะเป็นหนึ่งในตัวอย่างของการบริหารจัดการตลาดที่ดี ซึ่งพรรคมีนโยบายสนับสนุนสุขอนามัยในตลาด การนำสินค้าที่มีคุณภาพมาจำหน่าย ความสะดวกสบายในการเดินทาง และมีนโยบายสนับสนุนกองทุน Nano SME ช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้า โดยใช้เครดิตของประชาชน มุ่งไปที่ธุรกิจหาบเร่ แผงลอย ให้นำเงินไปประกอบอาชีพ ไม่ให้เป็นหนี้ NPL โดยผู้ว่าฯ กทม. สามารถใช้กลไกหน่วยงานในสังกัด เพื่อประสานกับเอกชน ให้ชุมชนคัดกรองคนที่มีเครดิต เพื่อปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำกว่าร้อยละ 1 ซึ่งจะทำให้เกิดเงินหมุนเวียนเมื่อมีการค้าขายในระบบ ทั้งนี้ จะพัฒนาตลาดอื่นๆ ในพื้นที่ กทม.ให้มีความสะอาด สะดวก ให้เทียบเท่าหรือดีกว่าตลาด อ.ต.ก.
น.ต.ศิธา กล่าวถึงแผนลงพื้นที่หลังจากนี้ว่า ตนทำงานเป็นทีม และจะลงพื้นที่พร้อมกับผู้สมัคร ส.ก. โดยจะใช้เวลา 50 วันให้คุ้มค่า แม้จะเป็นพรรคที่สร้างใหม่ แต่มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และคลุกคลีกับปัญหาของประชาชน ทำงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และย้ำว่าตนไม่กังวล แม้จะเปิดตัวล่าช้ากว่าผู้สมัครคนอื่น แต่มีข้อได้เปรียบในเรื่องของประชาสัมพันธ์ และเมื่อพูดคุยประชาชนจะรู้ว่าเรารู้ปัญหาและมีแนวทางแก้ไข ตนแข่งกับตนเอง แข่งกับเวลา โดยเนื้องานทั้งหมดเชื่อมั่นว่า อีก 50 วันที่เหลือ ประชาชนจะเข้าใจและให้คะแนนพรรคไทยสร้างไทย ในการเป็นตัวแทนของชาว กทม.
สำหรับเรื่องกลุ่มเป้าหมายนั้น ตนมองว่าไม่ได้เลือกว่าคนกลุ่มไหน แต่ทุกคน ทุกกลุ่ม ที่เป็นคน กทม. จะเป็นคะแนนเสียงให้ จะนำเสนอนโยบายของพรรค ซึ่งจะเป็นผลดีกับคนทุกกลุ่ม อย่างผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรก หากมีเปิดกว้าง และสนใจในวิทยาการสมัยใหม่ จึงคิดว่าไม่ว่าคนรุ่นไหนก็ไม่แตกต่างกัน ซึ่งผู้สมัครของพรรคไทยสร้างไทยก็มีหลากหลายรุ่น ทั้งคนรุ่นใหม่ และคนมีอายุ สิ่งที่ไทยสร้างไทยทำก็คือ เราจะส่งมอบประเทศไทยที่ดีที่สุดให้กับลูกหลาน โดยทำตัวเป็นนั่งร้าน ที่จะประคับประคองช่วยทำให้คนรุ่นใหม่เข้าใจการเมือง รู้ในลักษณะของความเป็นไทย และร่วมกันพัฒนาประเทศชาติ
พปชร. กำชับ ส.ก. ติดป้ายหาเสียง
น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ รองโฆษกศูนย์การเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐเปิดเผยว่า“ทางพรรคพลังประชารัฐ มีนโยบายเรื่องการติดป้ายหาเสียง โดยเน้นย้ำกับผู้สมัคร ส.ก. ทุกเขต ให้ใส่ใจเรื่องการติดป้าย ให้เป็นไปตามระเบียบการติดป้ายหาเสียงอย่างถูกต้องถูกกฎหมาย ที่สำคัญต้องไม่สร้างความเดือดร้อน ให้พี่น้องประชาชน ซึ่งทางผู้สมัครส.ก.ทุกคนให้ความสำคัญและใส่ใจเรื่องนี้อย่างเต็มที่ โดยกำชับบริษัทหรือทีมงาน ติดป้าย ไม่ให้กีดขวางคนเดินเท้า การจราจร ไม่ทำลายต้นไม้และทรัพย์สินของทางราชการ โดยการลงพื้นที่ตรวจป้ายและแก้ไขด้วยตัวเอง เมื่อพบเจอความผิดพลาดก็รับแก้ไขอย่างทันท่วงทีเพราะเข้าใจถึงความรู้สึกของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี
เจอศึกหนักทำลายป้าย/วอนพบแจ้งด่วน
“แต่ที่ผ่านมา เพียงไม่กี่วันหลังรับสมัครเลือกตั้ง ส.ก.ต่างเจอศึกหนักเนื่องจากป้าย ถูกทำลาย ถูกถอดแล้วนำไปโยนทิ้ง ไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งที่ติดป้ายตามระเบียบการติดป้ายอย่างถูกต้องทุกประการ จึงวอนขอความเห็นใจ อย่าทำลาย รื้อทิ้งกันเลยและสุดท้ายหากพี่น้องประชาชน พบป้ายของพรรคที่ถูกทำลาย ชำรุด หรือ กีดขวางการสัญจรให้รีบแจ้งเข้ามาโดยด่วน ทางพรรคจะรีบจัดการแก้ไข หากมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม สามารถส่งเข้ามาได้ทุกช่องทาง เพราะทุกเสียงของพี่น้องประชาชนคือสิ่งที่พรรคพลังประชารัฐให้ความสำคัญอย่างที่สุด”น.ส.บุณณดา ย้ำ
พปชร.ดีเดย์ลุยหาเสียง 5เมษา
ทั้งนี้ น.ส.บุณณดา รองโฆษกศูนย์การเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการวางแผนลงพื้นที่หาเสียงของส.ก.ว่า หลังการประชุมใหญ่ประจำปีของพรรคพลังประชารัฐในวันที่ 3 เมษายน ที่ จ.นครราชสีมา และวันที่ 4 เมษายน จะมีประชุมทีมของส.ก. แล้ว จะจัดโปรแกรมการลงพื้นที่ นำโดยนายอภิชัย เตชะอุบล ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเลือกตั้งส.ก.จะเริ่มลงพื้นที่ตั้งแต่วันที่5เมษายน เป็นต้นไป
เตรียมลงแบบแพ็คเกจพร้อมกัน
โดยผู้สมัคร ส.ก.ในแต่ละเขต เริ่มวางโปรแกรมของตัวเอง เพราะจะรู้โซนไหนเป็นจุดเด่นจุดด้อย โดยนายอภิชัยจะลงไปย้ำในจุดเด่น ทั้งนี้ ในการลงพื้นที่ทุกเขตของนายอภิชัย อาจจะมีการจัดลงพื้นที่พร้อมกันหลายเขต ช่นพื้นที่ทางฝั่งธนบุรี เขตบางกอกใหญ่ เขตคลองสาน และธนบุรี ที่จะมีเรื่องวัฒนธรรม เศรษฐกิจชุมชน อาจจะมีแผนโปรโมทเป็นแหล่งท่องเที่ยวในอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี