‘ช่อ พรรณิการ์’เฮ! ตำรวจถอนคำสั่งระงับพาสปอร์ต บ่นเหนื่อยใจมากเป็นนักการเมืองประเทศนี้ ถูกปฏิบัติเหมือนเป็นอาชญากร
21 เมษายน 2565 น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า เดินทางไปยัง สน.พญาไท เพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงสาเหตุการออกคำสั่งเพิกถอนหนังสือเดินทาง จากกรณีที่ สน.พญาไท มีหนังสือ ที่ ตช 0015 (บก.น.1) 4/478 ลงวันที่ 19 เมษายน 2564 เรื่องขอให้เพิกถอนหนังสือเดินทางของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ , นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ น.ส.พรรณิการ์ ลงนามโดย พ.ต.ท.บารมี วงษ์อินตา รองผกก.(สอบสวน) สน.พญาไท ระบุว่าทั้งสามเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 จึงขอให้เพิกถอนหนังสือเดินทาง ทั้งที่คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ ยังไม่มีคำสั่งศาลห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบทาง สน.พญาไท ใช้เหตุการเพิกถอนหนังสือเดินทางว่านายธนาธร , นายปิยบุตร และตน เป็นผู้ต้องหาคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ซึ่งตนขอยืนยันว่าคดีนี้ทางอัยการยังไม่สั่งฟ้อง เพราะฉะนั้นยังไม่มีคำสั่งศาลห้ามเดินทางออกนอกประเทศอย่างแน่นอน อีกทั้งยังไม่แน่ว่าอัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่ แต่ตำรวจกลับมีคำสั่งเพิกถอนหนังสือเดินทาง วันนี้จึงเดินทางมาเพื่อพูดคุยและทำความเข้าใจในแนวปฏิบัติของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้
“เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมาก เพราะช่วง 2-3 ปีนี้ ผู้ที่โดนคดีความมั่นคง คดีการเมือง ประมาณ 1,800 คน ถ้ามีใครไปแจ้งความเอาไว้ ช่ออยากถามว่า ทุกคนจะต้องโดนเพิกถอนหนังสือเดินทางแบบนี้หรือไม่ ซึ่งสิทธิเสรีภาพในการเดินทางของบุคคลเหล่านี้อยู่ที่ไหน ไม่แน่ใจว่านี่คือแนวทางปฏิบัติของทางเจ้าหน้าที่หรือไม่เพราะเราไม่ใช่คนกลุ่มแรกที่โดนในลักษณะแบบนี้ ก่อนหน้านี้นักเคลื่อนไหว นักกิจกรรม 11 คน รวมถึงแรปเปอร์วง Rap Against Dictatorship ก็โดนเพิกถอนพาสปอร์ตแบบเดียวกัน เราตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการเลือกปฏิบัติกับผู้ที่เห็นต่าง ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลหรือไม่ เพราดูเหมือนจะถูกปฏิบัติแบบเพิ่มเส้นเพิ่มลูกชิ้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแตกต่างจากคดีทั่วไปเป็นอย่างมาก” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวอีกว่า หลังจากที่ได้เข้าพูดคุย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เหตุผลว่าแนวปฏิบัติดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานในคดีความมั่นคง เพราะหากไม่ทำตามนี้เกรงว่าจะเป็นการบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ และทางเจ้าหน้าส่งเรื่องไปเป็นเพียงหนังสือขอความร่วมมือเพียงเท่านั้น ซึ่งดุลพินิจในการจะเพิกถอนการทำหนังสือเดินทางเป็นของอธิบดีกรมการกงสุลว่าจะมีดุลพินิจอย่างไร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ยืนยันกับตนอีกว่าจะทำหนังสือไปทางกรมการกงสุลภายในเที่ยงวันนี้ เพื่อยกเลิกหนังสือขอความร่วมมือดังกล่าว ซึ่งอย่างไรก็ตามอยู่ที่อธิบดีกรมการกงสุลว่าจะดำเนินการหรือไม่
น.ส.พรรณิการ์ ระบุว่า ในเมื่อทุกวันนี้คดีความมั่นคง กลายเป็นคดีทางการเมืองของผู้ที่เห็นต่างกับรัฐบาลทั้งสิ้น เราเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่กลัวบกพร่องต่อการปฏิบัติหน้าที่ แต่ทางเจ้าหน้าที่เข้าใจประชาชนหรือไม่ เพราะแนวทางปฏิบัติแบบนี้เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งมันเกินกว่าเหตุเป็นอย่างมาก วันนี้รู้สึกเหนื่อยใจเป็นอย่างมาก เพราะการเป็นนักการเมืองในประเทศนี้ถูกปฏิบัติเหมือนเป็นอาชญากร
“เราต้องพิสูจน์ตัวเองขนาดไหนว่าเราไม่ใช่อาชญากร เหนื่อยใจมากเป็นนักการเมืองประเทศนี้ สุดท้ายเหมือนเป็นอาชญากรถูกติดตามตัวโดยเจ้าหน้าที่รัฐ โดนตามถึงบ้าน โดนถอนพาสปอร์ต ให้ศาลตัดสินก่อนถึงมาตัดสินพวกเรา ส่วนการต่อหนังสือเดินทาง ถ้าตำรวจทำเรื่องไปแล้วก็จะไปตรวจสอบว่าสามารถต่อได้วันไหน ซึ่งเป็นดุลพินิจอธิบดีกรมการกงสุล แต่ถ้าไม่ยอมต่อให้คงต้องมีการร้องไปยังศาลปกครอง” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี