‘ประยุทธ์’เยือนใต้-อ้อนคนหาดใหญ่

‘เอาตัว-หัวใจ’มาฝาก

วอนคนสร้างขัดแย้งเบาลงหน่อย

ชาวบ้านตะโกนสู้ๆ/นั่งนายกฯต่อ

‘ชลน่าน’ถก26เม.ย.เคาะซักฟอก

โวเจรจา30สส.โค่นล้มรัฐบาล

“บิ๊กตู่”อ้อนคนหาดใหญ่ เอาตัว-หัวใจมาฝาก ชี้เรื่องอนาคตได้นายกฯแบบไหนอยู่ที่ปชช.เลือกสส.ลั่นยังมีคนชอบสร้างความขัดแย้ง วอนเบาๆลงหน่อยต่างชาติชื่นชมไทย เหน็บใครรวยอยากอยู่นอกประเทศก็ไป“หมอชลน่าน”แย้ม 26 เมษายนชัดเคาะบุคคล-ประเด็นซักฟอก ชี้สถานการณ์พรรคร่วมอ่อนไหว ส่งสัญญาณรัฐบาลอยู่ได้ไม่นาน
“เรืองไกร” ร้องกกต.สอบ“ชลน่าน”ฝ่าฝืนพ.ร.ป.พรรคการเมือง ปมคำพูด“พรรคสว.ลากตั้ง”

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่25เมษายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางถึงท่าอากาศยานกองบิน56 จ.สงขลา โดยมีสส.ภาคใต้มารอต้อนรับและเข้าพบประมาณ 30นาที ที่ห้องรับรองสนามบิน พร้อมถ่ายภาพหมู่ร่วมกับนายกฯ โดยส่วนใหญ่เป็นสส.จากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อาทิ นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง สส.นครศรีธรรมราช เขต2 นายวันชัย ปริญญาศิริ ส.ส.สงขลา เขต 1 นายศาตรา ศรีปาน สส.สงขลา เขต2 นายพยม พรหมเพชร ส.ส.สงขลา เขต3 เป็นต้น

ก่อนที่นายกฯจะเดินทางต่อด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ดสีขาว หมายเลขทะเบียน ขน777สงขลา ไปยังจุดแรกในการตรวจติดตามโครงการพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 การแก้ไขปัญหาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ ในการจัดทำโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ปรับปรุงคลองภูมินาถดำริ (คลองร.1) อำเภอหาดใหญ่ โดยนายกฯสั่งให้นำข้อเสนอของ สส.มาพิจารณาแก้ไขปัญหาบริหารจัดการน้ำในพื้นที่

เยี่ยมตลาดกิมหยง-ชาวบ้านลั่นให้สู้ๆ

จากนั้นนายกฯเดินทางไปตลาดกิมหยง เพื่อทักทายพ่อค้าแม่ค้าและประชาชน โดยมีชาวบ้านตะโกนให้กำลังใจสู้ๆนายกฯอยู่ต่อและขอให้นายกฯรักษาสุขภาพด้วย นายกฯยังอุดหนุนขนมลอดช่องและยังได้กล่าวให้กำลังใจพ่อค้าแม่ค้าว่า ขอให้เข้มแข็ง ขอให้ต่อสู้ กำลังใจที่ดีจะช่วยให้ก้าวผ่านสถานการณ์ต่างๆไปได้ ทั้งนี้ พ่อค้าแม่ค้าและประชาชน ยังเข้ารุมล้อมขอนายกฯถ่ายภาพเป็นที่ระลึก พร้อมขอจับมือ ซึ่งนายกฯระบุว่า ไม่ได้สถานการณ์ตอนนี้ไม่ปลอดภัยโควิด จึงเปลี่ยนจากการให้จับมือเป็นการใช้ข้อศอกสัมผัสแทน นายกฯยังสักการะองค์เทพเจ้าที่มูลนิธิท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง พร้อมเสี่ยงเซียมซีโดยหยิบขึ้นมาได้ 3 หมายเลข คือ 38,52และ45

รบ.ทำทุกทางให้อยู่รอด-มีพอกินพอใช้

จากนั้น นายกฯกล่าวกับประชาชนว่า วันนี้นายกฯเอาตัวและหัวใจมาฝาก ที่ผ่านมาเรารู้อยู่แล้วว่าเจอปัญหาหลายๆอย่างด้วยกัน ทั้งโควิดและสงครามความขัดแย้งที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ รัฐบาลพยายามทำทุกวิถีทางให้พวกเราอยู่ได้ ให้เราอยู่รอด คำว่าอยู่รอดคือ ให้มีพอกินพอใช้ไปก่อน เพราะต้องใช้ค่าใช้จ่ายหลายอย่างโดยเฉพาะค่าอุปโภคบริโภคที่สูงขึ้น ทั้งเรื่องพลังงาน น้ำมัน ปัญหามันมาพร้อมกันหมด นั่นคือสิ่งที่ทำให้นายกฯอยู่ตรงนี้เพื่อแก้ปัญหา ทุกโครงการภาคใต้ตนติดตามมาโดยตลอด รวมถึงเรื่องงบประมาณ ทั้งนี้เกิดขึ้นโดยตนเป็นคนกำหนดนโยบาย และสิ่งที่กำหนดโดยประชาชนต้องการ โดยการรับฟังความคิดเห็นขึ้นมาผ่านสส.และนายกฯนำมาประมวลดูว่า โครงการไหนทำได้ก่อน ฉะนั้นรัฐบาลจะทำได้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับนายกฯที่กำหนดนโยบายและตรวจสอบ ซึ่งยืนยันว่าตนตรวจสอบทุกอย่าง ข้อมูลที่ขึ้นมาจากส.ส.ต้องนำมาพิจารณากลั่นกรอง ไม่เลือกปฏิบัติเพราะประชาชนเป็นผู้เรียกร้องและเป็นผู้เดือดร้อน

เลือกสส.ให้ดีชี้เหมือนเลือกนายกฯ

นายกฯกล่าวอีกว่า เวลาใครมาหาเสียงจะให้โน่นให้นี่ แค่เงินที่ดูแลแรงงาน เช่น คนละพันกี่หมื่นล้านแล้ว เราจึงต้องเร่งสร้างรายได้ให้ประเทศ เศรษฐกิจฐานราก อะไรที่ตนทำให้ได้จะทำให้จบให้ได้ ให้สิ้นสุดให้ได้ ตนก็รับฟังจากสส.ของเรา ตัวแทนของพวกเรา จังหวะนี้ประชาชนได้ปรบมือชอบใจ พร้อมตะโกนว่า นายกฯสู้ๆ จากนั้นนายกฯพูดต่อว่า วันนี้มีความสุข นายกฯไม่มีความสุขหลายวันแล้ว เพราะมีหลายปัญหา มีแต่ปัญหาๆเข้ามา จึงอยากจะแก้ให้เสร็จทุกอย่าง จังหวะนี้มีชาวบ้านตะโกนว่า“ลุงหล่อมากคะวันนี้”นายกฯตอบกลับว่า“หรอ วันนี้กลับไปไม่ทานข้าวแล้ว”พร้อมบอกว่า แก่จะแย่แล้ว ขณะชาวบ้านตะโกนอีกว่า รักลุงตู่ สู้ๆนายกฯจึงตอบกลับไปว่า“รักจังฮู้ไหม”

นายกฯกล่าวว่า องค์การระดับโลกที่มาพบตนเขาชื่นชมประเทศไทยที่เป็นสังคมพหุวัฒนธรรม เพราะเราอยู่ร่วมกันอย่างนี้ ตนปลื้มมาก เพราะฉะนั้นเราต้องรักสามัคคีกันให้ได้ มีสถาบันหลัก ส่วนเรื่องการเมืองมันก็ยุ่งอยู่อย่างนี้ ตนไม่รู้ว่าใครจะเป็นนายกฯที่ดี เป็นผู้นำที่ดี เป็นเรื่องของอนาคต ก็ลองดูแล้วกัน เพราะการเลือกสส.ก็เป็นการเลือกนายกฯ เพราะนายกฯมาจากสส.เลือก มีใครเกลียดนายกฯหรือยัง นายกฯก็เบื่อตัวเองเหมือนกัน ตื่นมาไม่เคยคิดเรื่องอื่นเลย คิดแต่ว่าจะทำอย่างไรต่อ เช้านี้มีอะไร กลางคืนกลับไปบ้านต่อมีอะไร ตื่นมากลางดึกเห็นงานที่ค้างอยู่ก็นอนไม่หลับอีก แต่วันนี้จะนอนหลับแล้วล่ะ

ชาวบ้านปรบมือเชียร์หนุนเป็นนายกฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวะนี้มีสส.พูดขึ้นมาว่า ใครอยากให้ลุงตู่เป็นนายกฯปรบมือหน่อย ชาวบ้านจึงปรบมือเกลียวกราว นายกฯจึงกล่าวว่า เดี๋ยวพรรคอื่นตกใจ วันนี้มีพรรคร่วมรัฐบาลมาด้วยกัน พรรคภูมิใจไทยก็มา นายกฯเป็นผู้กำหนดนโยบายและเป็นผู้ที่นำโครงการแผนทั้งหมดเข้าพิจารณาในครม.เรื่องสส.เสนอขึ้นไป ไม่ว่าจะพรรคไหนเสนอเข้ามาเข้ากระทรวง ก็ต้องทำแผนงานขึ้นมาตามขั้นตอนเพื่อเสนอเข้าครม.เพราะฉะนั้นสำคัญที่สุดคือ นายกฯนี่แหละ สำคัญรองลงมาคือ รัฐมนตรี เลือกให้ดี ขณะที่ประชาชนตะโกนขึ้นมาว่า “เลือกลุงตู่”นายกฯจึงตอบว่า“ตกลงเลือกลุงตู่จะไม่ให้ผมไป จะเลือกผมอยู่คนเดียวหรอ ประชาธิปไตยก็ว่าไป”พร้อมกล่าวอีกว่า แล้วใครที่ทะเลาะกันอยู่ที่ไหน ก็ไม่ต้องตามไป บ้านเราเยอะพอแล้ว สงครามก็ฟังไว้ดูไว้ เราต้องรักษาสมดุล

คนสร้างความขัดแย้ง-เบาๆลงหน่อย

ในช่วงท้ายนายกฯกล่าวว่า ที่สำคัญวันนี้มีคนบางคนชอบสร้างความขัดแย้ง เบาๆลงหน่อย บอกลูกหลานพอแล้ว เด็กรุ่นใหม่จะคิดอีกแบบ คิดแบบคอมพิวเตอร์ที่คิดเร็ว แล้วทำไม่ได้ ต้องทำให้ได้ ผสมผสานกัน ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ คนต่างประเทศอยากมาอยู่ประเทศไทยหมด อาหารอร่อย คนใจดี อากาศก็สบายๆ ลองไปอยู่ต่างประเทศตอนนี้ หนาวตาย เพราะไม่เคยอยู่ ภาษีกี่เท่า พลังงานแพงต้องเปิดแอร์เปิดฮีตเตอร์ แต่คนรวยๆก็ช่างเขาเถอะ อยากไปก็ไป แต่นี่คือแผ่นดินเกิดที่นี่ หากินที่นี่ ตายที่นี่ นี่คือแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ของเรา

‘ชลน่าน’คาด26เม.ย.สรุปวันยื่นซักฟอก

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา151 ว่า วันที่ 26เมษายน หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะประชุมผ่านระบบซูมเพื่อกำหนดประเด็นการอภิปรายและติดตามความก้าวหน้า เชื่อว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องเนื้อหาที่จะอภิปราย รวมถึงได้ข้อสรุปว่าจะอธิบายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล หรืออภิปรายรัฐมนตรีทั้งคณะ โดยปัจจัยหนึ่งที่ต้องพิจารณาประกอบการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือการพิจารณาร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566คาดว่าจะเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อพิจารณาในวันที่ 1-2มิถุนายน หากกฎหมายลูกไม่ผ่านรัฐบาลก็ต้องไป โดยไม่ต้องยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัจจัยที่จะส่งกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล คือ อายุการดำรงตำแหน่งนายกฯของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะครบ8ปีวันที่ 24ส.ค.65 ส่วนเหตุผลที่เรานำกฎหมายลูกมาเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดช่วงเวลายื่นอภิปราย เพราะเราต้องการให้กฎหมายทั้ง 2ฉบับประกาศใช้ก่อนจะมีการอภิปรายและลงมติไม่ไว้วางใจ ไม่เช่นนั้นหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ประเทศจะถึงทางตันไปต่อไม่ได้

แย้มดึงสส.30เสียงรบ.หนุนฝ่ายค้าน

เมื่อถามว่า มีโอกาสที่สส.จะลงมติไม่รับร่างพรบ.งบประมาณปี66หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า มีโอกาสเป็นไปได้ทางการเมือง แต่นั่นความหมายว่าพรรคร่วมรัฐบาลคิดว่าไปไม่รอดจริงๆ เมื่อถามว่าการดีลสส.30เสียงจากฝ่ายรัฐบาลให้มาอยู่ฝ่ายค้าน เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ มีความเป็นไปได้หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ข้อมูลที่ใช้ในการอภิปรายเป็นตัวโน้มแนวสส.30เสียง มาร่วมลงคะแนนไม่ไว้วางใจนายกฯและรัฐมนตรี ส่วนจะประสานบุคคลหรือพรรคการเมืองต่างๆหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ดำเนินการ หากมีความจำเป็นต้องพูดคุยกันเพื่อบ้านเมืองก็เป็นวิธีการที่ไม่เสียหายอะไร

สส.ย้ายมุ้ง-ไม่ส่งเลือกซ่อม-อยู่ไม่นาน

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าแสดงว่ามีโอกาสพูดคุยกับพรรคเศรษฐกิจไทยของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในมิติทางการเมืองเราต้องพยายามอยู่แล้ว เราไม่ปฏิเสธ ไม่ว่าจะเป็นสส.ฝ่ายค้านและสส.ฝ่ายรัฐบาล แต่หลายพรรคต้องรักษามารยาททางการเมือง เพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล หากออกมาทำอะไรโจ่งแจ้งก็จะกระทบกับการทำงานได้ เมื่อถามว่า มีโอกาสเกิดแผนล้ม พล.อ.ประยุทธ์ อีกครั้งหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตอบไม่ได้ เพราะเราไม่ได้อยู่ฝั่งรัฐบาล แต่สถานการณ์ทางการเมืองค่อนข้างอ่อนไหว เพราะมันเกิดปรากฎการณ์พรรคการเมืองปล่อยให้สส.ลาออก หรือย้ายพรรค เลือกตั้งซ่อมก็ไม่ส่ง มันเป็นสัญญาณเสมือนว่ารัฐบาลนี้อยู่ไม่ยาว

ยัน‘อุ๊งอิ้ง’แคนดิเดตนายกฯไม่แปลก

น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม.และโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวยืนยันว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมและหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นที่ยอมรับของผู้ใหญ่ในพรรค พท.และคนในพรรค เพราะเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ เป็นบุคคลที่ประชาชนยอมรับ ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกแต่อย่างใดหากจะเป็นแคนคิเดตนายกฯ ดีกว่านายกฯที่ถูกยัดเยียดมา ประชาชนไม่ได้เลือก ไม่ได้รับการยอมรับ จนทำให้ประเทศไทยเสียหายอย่างทุกวันนี้

‘เรืองไกร’จี้สอบ‘ชลน่าน’ฝ่าฝืนพรป.ฯ

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กล่าวว่า เฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย ได้ลงข้อความของ นายชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่กล่าวในวันประชุมใหญ่ของพรรคเมื่อวันที่ 24เมษายน โดยมีข้อความและรูปภาพประกอบ นายเรืองไกร กล่าวว่า ข้อความในเฟซบุ๊กระบุไว้บางส่วนบางตอนดังนี้ “เพราะมี สว.250คน ที่พร้อมจะโหวตให้กับผู้มีอำนาจที่เลือกพวกเขาเข้ามา ดังนั้นจึงต้องเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์ให้ได้เก้าอี้ สส.ในสภาให้เกิน 250ที่นั่ง ให้ชนะพรรค สว.ลากตั้ง’ข้อความคำว่า “พรรค สว.ลากตั้ง”จึงอาจเป็นการดำเนินการไม่ว่าโดยวิธีใดให้เข้าใจว่า สว.250 คนเป็นพรรคการเมือง ที่อาจฝ่าฝืน พรป.พรรคการเมือง ม.111 ซึ่งบัญญัติไว้ส่วนหนึ่งว่า ผู้ใดดำเนินการไม่ว่าด้วยวิธีใดให้เข้าใจว่าเป็นพรรคการเมืองโดยมิได้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนดห้าปี ถ้อยคำที่กล่าวว่า พรรค สว.ลากตั้ง จึงเป็นเหตุที่ต้องขอให้ กกต.ตรวจสอบว่าข้อความดังกล่าวถือเป็นการดำเนินการใดที่เข้าข่ายฝ่าฝืน พรป.พรรคการเมือง ม.111 หรือไม่ โดยได้ส่งหนังสือไปทางไปรษณีย์EMSแล้ว เมื่อเช้าวันนี้