เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่เมื่อวานนี้ (5 พ.ค.) พรรคไทยสร้างไทย นำโดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ได้แถลงข่าวเปิดตัวต้อนรับ นายจอนนี่ แอนโฟเน่ เข้าเป็นสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย โดยนายจอนนี่ ขออาสาเข้ามาทำงานแก้ปัญหาความทุกข์ยากที่ประชาชนได้รับตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยอาสาเป็นผู้รับใช้ประชาชนในเขตมีนบุรี คันนายาว คลองสามวา นั้น (ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สวมเสื้อ'ไทยสร้างไทย'! 'จอนนี่ แอนโฟเน่'ลง ส.ส.กทม. ขออาสารับใช้ปชช.)
ล่าสุด จอนนี่ แอนโฟเน่ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า #จอนนี่กลับใจ ใช่ครับ “ผมขอโทษ”
ผมร่วมชุมนุมใน ปี 2556 ถึงปี 2557
ผมเป็นหนึ่งในผู้ร่วมชุมนุมจริง เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถบิดเบือนได้
และผมขอน้อมรับทุกความคิดเห็นจากทุกท่าน
การชุมนุมในครั้งนั้น ผมก้าวขาออกจากบ้านเอง
ไม่มีใครบังคับ ก้าวขาออกไปด้วยความที่คิดของผมเอง
ด้วยการเสพสื่อSocial ว่า....
" พรบ.นิรโทษกรรมเหมาเข่ง จะเป็นการล้างบางคนผิดทุกกรณี
ซึ่งรวมไปถึงการทุจริต งบประมาณแผ่นดิน"
วันนั้นผมไม่เคยรู้เลยว่าจะมีการรัฐประหาร
ไม่เคยมีสัญญาณใดๆเกิดขึ้น เราเพียงออกไปเพื่อจะคัดค้าน พรบ.ดังกล่าว แล้วคิดแค่ว่าจะจบแค่นี้... แต่การชุมนุมไม่จบเพียงเท่านั้น
จนในที่สุด "ลุงมาทำรัฐประหาร"
และได้ลากจูงประเทศมาสู่จุดวิกฤตขนาดนี้
สร้างหนี้สินให้กับลูกหลานมากมายขนาดนี้
"ใช่ครับ การถูกเกลียด ถูกด่า ถูกขุดคุ้ย หรือไม่ถูกให้อภัย
เป็นราคาที่ผมต้องจ่ายโดยที่ผมไม่สามารถปฏิเสธได้"
สิ่งแรกที่ผมทำได้ คือการ "#ขอโทษ"
เพื่อลดความผิดพลาดของผมในอดีต แทนการเรียกร้องให้ทุกคนอภัย
#ผมขอโทษ ผมขอยอมรับความผิดพลาดที่เคยเป็นส่วนหนึ่ง ในการร่วมเคลื่อนไหวทางการเมือง จนเป็นนำมาสู่ #การยึดอำนาจรัฐประหาร ซึ่งผมก็มีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารมาโดยตลอด
การออกมาในวันนี้ของผมก็เพื่อ "ปัจจุบัน" และ "อนาคต" ผมเองไม่สามารถลบอดีตได้ สิ่งที่ผมทำได้ก็แค่กลับไปทำความเข้าใจอดีตและความผิดพลาดของตัวเอง เพื่อเป็นพลังในการเรียกร้องความยุติธรรม เป็นแรงให้กับผมในการกลับมาชดใช้สิ่งที่เคยทำไว้กับ #ประเทศที่ผมรัก
วันนี้ที่ผมออกมาพูดไม่ใช่เพราะว่าถูก #ทัวร์ลง
ผมร่วมงานกับพรรคไทยสร้างไทยมากกว่า 1 ปีแล้วครับ
ตั้งแต่ช่วงที่มีการระบาดของโควิดก็ได้ลงพื้นที่ส่งผู้ป่วย
แจกของช่วยเหลือ ประสานเตียงผู้ป่วย
แต่ที่ผมต้องออกมาพูดวันนี้ ก็เพราะสิ่งที่ผมทำในอดีต กลายเป็นทำให้ผมต้องถูกผลักไปอยู่อีกข้างโดยปริยาย ผมเป็นคนที่ไม่เอารัฐประหาร ไม่เอา #ระบอบลุง ไม่เอา #นิรโทษกรรม
"ผมก็ไม่รู้ว่าคนแบบผมจะถูกจัดไปอยู่ในพวกไหน"
แต่วันนี้ครับผมได้มีโอกาสพูด ผมก็อยากจะฝากไปถึงใครก็ตามที่วันนี้
เค้าได้เห็นความเลวร้ายของผลพวงจากการรัฐประหาร
เค้าได้เห็นว่าลุงกู้เงินจนเราต้องชดใช้กันชั่วลูกชั่วหลาน
เค้าได้เห็นว่าการรัฐประหารไม่ได้นำมาซึ่งความสุขสงบ
เหมือนที่ลุงเอาไปเป็นข้ออ้าง
เค้าได้เห็นว่าวันนี้ยังไม่มี #รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน
แต่เรามีรัฐธรรมนูญฉบับที่พิลึกกึกกือที่สุด
เค้าได้เห็นเหมือนกันกับผมที่การบริหารจัดการโควิดผิดพลาดล้มเหลวจนทำให้ประชาชนต้องถึงแก่ชีวิต
เค้าได้เห็นเหมือนกันกับผม ที่เศรษฐกิจแย่
จนคนตัวเล็กตัวน้อยต้องกู้หนี้ยืมสินต้องยอมจ่ายดอกเบี้ยมหาโหด ฯ
ออกมาจากซอกหลืบเถอะครับ!
ออกมาจากข้างหลังตู้เย็นเถอะครับ!
ไม่ต้องลบโปรไฟล์ ไม่ต้องไล่ลบรูปอีกแล้วครับ!
เราแก้ไขอดีตไม่ได้แต่เราสามารถนำข้อผิดพลาดในอดีตมาเรียนรู้ได้
เราแก้ไขอดีตไม่ได้แต่เราสามารถทำให้ประเทศมันดีได้
เพราะเรายังคงรักประเทศนี้เหมือนกัน
ออกมาช่วยกันทำให้ประเทศมันดี มาช่วยกันผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเพื่อวางฐานรากของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข สร้างประเทศที่ดีที่สุดเพื่อส่งมอบอนาคตประเทศให้กับลูกหลานของเราเถอะครับ
อย่ากลัวที่จะออกมาเผชิญหน้ากับความจริงครับ
เพราะวันนึงเราอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับไปแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีต
การเห็นต่างทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ แต่การขัดแย้งกันอย่างรุนแรง แบ่งฝักแบ่งฝ่ายได้พิสูจน์แล้วว่าทำให้บ้านเมืองมีปัญหา เป็นผลให้สภาพเศรษฐกิจของประเทศเกิดวิกฤติ กระทบกับความเป็นอยู่ของประชาชนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ผมเห็นว่าความขัดแย้งของคนในชาติควรยุติลง เพื่อมาร่วมกันแก้ปัญหาวิกฤติของชาติ จึงเข้าร่วมกับพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งมีนโยบายชัดเจนในเรื่องการยุติความขัดแย้ง รับฟังความเห็นต่าง และหันมาช่วยกันสร้างเศรษฐกิจไทย
ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เข้าใจผมและส่งความห่วงใยมาทุกช่องทาง
ผมขอขอบคุณพี่น้อง พรรคไทยสร้างไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan ที่ได้ให้โอกาสผมได้เข้ามารับใช้พี่น้องประชาชน เพื่อแก้ไขเรื่องผิดพลาดในอดีตของผม ซึ่งการกระทำในอดีตไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคไทยสร้างไทยเลย
ผมขอให้เวลาและการทำงานเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ความตั้งใจและอุดมการณ์ครั้งใหม่ของผม
ผมขอยืนยันว่า การพิสูจน์ตัวตน บนเส้นทางประชาธิปไตย เป็นเรื่องยากที่จะได้รับความเชื่อมั่น "ความเชื่อใจ" ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ที่ชัดเจนที่สุด และเป็นก้าวแรกที่จะเดินบนสนามประชาธิปไตยได้อย่างสง่างาม คือการพิสูจน์ตัวเองผ่าน การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ให้พี่น้องประชาชนเป็นผู้ตัดสินครับ และผมตั้งใจแก้ไขในสิ่งที่เคยผิดพลาดให้ดีที่สุดครับ
ขอบคุณครับ
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี