‘บิ๊กตู่’โชว์วิชั่นกลางเวทีอาเซียน-สหรัฐ
พาชาติไปข้างหน้า
ยันไทยแข็งแกร่งขอเป็นมิตรกับทุกฝ่าย
ต่อยอดเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปก
เร่งมือแก้ปัญหาอย่าด้อยค่ากัน
‘อุ๊งอิ้ง’ปลุกเสื้อแดงเขย่ารัฐบาล
ตอกย้ำชัยชนะแบบแลนด์สไลด์
ปิดฉากการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐสมัยพิเศษแล้ว “นายกฯบิ๊กตู่”โชว์วิสัยทัศน์กลางที่ประชุมยืนยันความแข็งแกร่งของไทยยกอีอีซีทันสมัย สาธารณสุขขั้นเยี่ยม พร้อมเป็นมิตรกับทุกฝ่ายในการพัฒนาภูมิภาค พร้อมต่อยอดเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปกย้ำชัดมุ่งแก้ปัญหาในประเทศ ชี้รักสามัคคีทำชาติเดินไปข้างหน้าได้ “อุ๊งอิ๊ง” นำทัพเพื่อไทยบุกปากน้ำ คนเสื้อแดงเสื้อแดงทวงคืนอำนาจเขย่ารัฐบาล
เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.45 น. (ตามเวลาท้องถิ่น สหรัฐอเมริกา) วันที่ 13 พ.ค. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังภารกิจในการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา แสดงความพอใจต่อการเดินทางเข้าร่วมการประชุมว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นโอกาสครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับสหรัฐฯ และสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ มีมามาอย่างยาวนาน และความร่วมมือมีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการแลกเปลี่ยนระดับสูง การทำงานร่วมกันบนพื้นฐานผลประโยชน์ร่วม ทั้งทางการทหาร เศรษฐกิจ ความมั่นคง การค้า การลงทุน รัฐบาลไทยและสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีท่าทีที่สำคัญร่วมกัน ทั้งเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ พลังงาน เทคโนโลยีสะอาด การรับมือการแพร่ระบาดโควิด-19 และโรคอุบัติใหม่ ทั้งมิติสาธารณสุข เพราะต้องการสร้างห่วงโซ่ที่เข้มแข็งในประเทศไทย เพื่อลดผลกระทบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ของไทย ตลอดจนการพัฒนาที่ยั่งยืน
การเดินทางมาครั้งนี้ได้มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับนายโจ ไบเดน และผู้นำระดับสูงของสหรัฐฯ และภาคธุรกิจเอกชนสหรัฐฯ ที่จะได้ร่วมกันขับเคลื่อนฟื้นฟูการเจริญเติบโตของภูมิภาค พร้อมเชิญชวนให้มาร่วมลงทุนในไทย เพื่อให้เกิดการกระจายตัวของห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน โดยเตรียมที่จะดูแลกฎกติกา สิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจ โอกาสนี้ได้เชิญสหรัฐฯ และผู้นำชาติอาเซียน เข้าร่วมการประชุมเอเปคที่ไทยเป็นเจ้าภาพในเดือน พ.ย.65 นี้ ส่วนใหญ่ตอบรับแต่ต้องรอการยืนยันอย่างเป็นทางการ
สามัคคีประเทศชาติเดินหน้า
ในการประชุมครั้งนี้ ไทยยังผลักดันขอให้สหรัฐฯ และผู้นำอาเซียนปรับเปลี่ยนเรื่องของการมุ่งเอาชนะ มาเน้นดูแลเรื่องมนุษยธรรมด้วย ซึ่งครอบคลุมทุกเรื่อง ไม่เฉพาะเรื่องของสงครามเท่านั้น และบทบาทของไทยในภูมิภาคจะเน้นลดความขัดแย้ง ลดการเผชิญหน้า และพร้อมจะเอื้อกับทุกประเทศในการฟื้นตัวของเศรฐกิจ นอกจากนี้ไทยยังเสนอไปยังประเทศมหาอำนาจทั้งหลายว่าต้องหาแนวทางอย่างไรเพื่อให้โลกเกิดความสงบสุขและดูแลประชากรโลกให้มีความสุขและปลอดภัย โดยส่วนตัวเชื่อว่าปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้จะสามารถยุติได้ในเร็วๆ นี้
นายกฯ ยังกล่าวว่า ส่วนเรื่องปัญหาพลังงาน ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อหลายประเทศ จนทำให้จีดีพีปรับตัวลดลง ซึ่งรัฐบาลได้เข้าไปดูแลทุกภาคส่วนอย่างดี แต่หากจะให้การช่วยเหลือส่วนใดส่วนหนึ่งมากเกินไป ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อภาคส่วนอื่นได้ ดังนั้นทุกฝ่ายต้องมองไปข้างหน้า และไทยเองได้ขอความร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการผลิตและใช้พลังงานดิจิทัล EV เพื่อแก้วิกฤติพลังงาน ปัญหาสินค้าขาดแคลน และความยากจน ซึ่งกลุ่มบุคคลที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือผู้มีรายได้น้อย พร้อมขออย่าด้อยค่ากันและกันในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพราะหากมีความรักความสามัคคีก็จะทำให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าได้
อาเซียน-สหรัฐผนึกกันหลายด้าน
ก่อนหน้านี้นายธนกร วังบุญคงชนะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าเมื่อวันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2565 เวลา11.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา ณ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา กรุงวอชิงตัน สหรัฐฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมกล่าวถ้อยแถลงในการหารือระหว่างอาหารกลางวัน(Working Lunch) ระหว่างผู้นำอาเซียนกับ นางคามาลา เดวี แฮร์ริส (The Honorable Kamala Devi Harris)รองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ในประเด็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์อาเซียน–สหรัฐอเมริกา
โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณรองประธานาธิบดีที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นงานเลี้ยงอาหารกลางวันในวันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีในการหารือกำหนดทิศทางความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นพ้องกับรองประธานาธิบดีว่า“ประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่21จะถูกจารึกขึ้นในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก”โดยอาเซียน-สหรัฐฯต้องร่วมมือกันอย่างแข็งขันเพื่อก้าวผ่านความท้าทายใหม่ในหลายประการ
การรับมือและฟื้นฟูจากโควิด-19 และการส่งเสริมความมั่นคงด้านสาธารณสุขในระยะยาว เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่าสหรัฐฯสามารถขยายความร่วมมือกับอาเซียนในด้านการวิจัย การพัฒนายาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็น การขยายฐานการผลิตวัคซีนในภูมิภาค รวมถึงการพัฒนาการแพทย์สมัยใหม่ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านสาธารณสุขและเพิ่มขีดความสามารถด้านนวัตกรรมให้กับภูมิภาคโดยไทยมี “ศูนย์จีโนมิกส์”ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC)ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนาระบบสาธารณสุขไทยให้มีประสิทธิภาพและความแม่นยำมากขึ้น
เน้นพัฒนาความเจริญยั่งยืนในภูมิภาค
การพัฒนาทุนมนุษย์ จะช่วยสร้างความเข้มแข็งและภูมิคุ้มกันให้กับภูมิภาคโดยเฉพาะในยุค 4IRซึ่งเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในทุกมิติโดยสหรัฐฯสามารถเข้ามาลงทุนและช่วยพัฒนา รวมถึงสนับสนุนผู้ประกอบการดิจิทัลสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการ MSMEs ในอาเซียนได้ ในขณะเดียวกันไทยก็มีพื้นที่ Thailand Digital Valleyใน EECiด้วย
ความร่วมมือทางทะเล จะเป็นประโยชน์ต่ออาเซียน-สหรัฐฯซึ่งเชื่อมโยงกันด้วยมหาสมุทรแปซิฟิก การบริหารจัดการสถานการณ์ทางทะเลให้มีความมั่นคง ปลอดภัย และตั้งอยู่บนกฎกติกาจะทำให้ทุกฝ่ายสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลได้อย่างยั่งยืน ไทยจึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือทางทะเลในภูมิภาคมาโดยตลอดโดยเฉพาะการต่อต้านการประมง IUUนอกจากนี้ไทยจริงจังในการบังคับใช้กฎหมาย โดยผลักดันให้มีการจัดตั้งเครือข่ายอาเซียนเพื่อการต่อต้านการประมง IUUเพื่อเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูลและหารือการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยสหรัฐฯสามารถมีบทบาทในการแบ่งปันแนวปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานสากล และถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวังการทำประมง IUUให้แก่อาเซียนซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมประมงที่ยั่งยืนของภูมิภาค และช่วยฟื้นคืนความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อมให้แก่มหาสมุทร
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่าความร่วมมือเหล่านี้ ล้วนเป็นความร่วมมือที่สร้างสรรค์โดยจะนำมาซึ่งการพัฒนาและความเจริญเติบโตที่ยั่งยืนในภูมิภาค จึงหวังว่า อาเซียนและสหรัฐฯ จะมุ่งมั่นขับเคลื่อนความร่วมมืออย่างจริงจัง เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ให้ก้าวสู่ยุคใหม่อย่างมั่นคงต่อไป
ในประเด็นเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ต่อมาเวลา 13.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอเมริกา ณ กระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.สหรัฐฯพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมร่วมกล่าวถ้อยแถลงในการหารือระหว่างผู้นำอาเซียนกับ นางคามาลา เดวี แฮร์ริส รองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาและและผู้แทนระดับสูงสหรัฐฯ ได้แก่ นายจอห์น เคอร์รี (John Kerry) ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ และผู้อำนวยการสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ ในประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน
เน้นการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วนอย่างจริงจัง
นายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีที่ได้มีโอกาสร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อย้ำความมุ่งมั่นร่วมกันของอาเซียนกับสหรัฐฯในการดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นภารกิจที่ต้องร่วมกันทำให้สำเร็จเพื่อโลกใบนี้และอนาคตของลูกหลานของทุกคน โดยอาเซียนเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีความเปราะบางสูงต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงต้องพยายามอย่างเต็มที่ในการส่งเสริมความร่วมมือเพื่อนำไปสู่การมีสภาพภูมิอากาศที่ยั่งยืนและชุมชนที่มีภูมิต้านทาน โดยกำหนดเป้าหมายร่วมกันต่างๆอาทิ การเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน เป็นร้อยละ23ภายในปี ค.ศ.2025และเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงถึงการสนับสนุนความมุ่งมั่นของภูมิภาคและของโลกในเรื่องดังกล่าว ไทยได้ประกาศเป้าหมายในการประชุม COP26 ที่เมืองกลาสโกว์ จะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปีค.ศ.2050และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี ค.ศ.2065หรือก่อนหน้านั้นซึ่งจะพลิกโฉมประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างแท้จริง
นอกจากนี้การบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างจริงจังทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาคและโลกเพื่อให้สามารถดำเนินการและบรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยไทยยินดีที่ได้รับทราบเจตนารมณ์อันมุ่งมั่นของสหรัฐฯในการดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งจะขยายความร่วมมือกับอาเซียนในเรื่องนี้
นายกฯเสนอความร่วมมือ3ประเด็น
ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เสนอความร่วมมือใน 3 ประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1.การเสริมสร้างขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะเรื่องพลังงานทดแทน พลังงานสะอาด และเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและการบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้า การกักเก็บคาร์บอนและนามาใช้ประโยชน์ พลังงานอัจฉริยะ และเมืองคาร์บอนต่ำ ซึ่งสหรัฐฯ มีศักยภาพที่จะเข้ามาขยายการลงทุนและถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีในสาขาดังกล่าวโดยไทยมี EEC ที่เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจของสหรัฐฯเข้ามาร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ ซึ่งรวมถึงการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ที่ไทยมีเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนให้ได้ร้อยละ30ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดภายในปีค.ศ.2030 รวมทั้ง มุ่งมั่นปรับปรุงความปลอดภัยด้านคมนาคมสร้างถนนที่มีคุณภาพสูง
2. การสนับสนุนด้านการเงิน ให้ภาคเอกชน ผู้ประกอบการและประชาชน เข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อนำมาใช้สนับสนุนการดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยกองทุนหรือกลไกทางการเงินสีเขียวจึงเป็นเครื่องมือสำคัญ ซึ่งสหรัฐฯมีแผนการเงินระหว่างประเทศด้านสภาพภูมิอากาศที่จะสนับสนุนการสร้าง“อาเซียนสีเขียว”ได้ อาทิการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว กองทุนการเงินสีเขียวของอาเซียนและตราสารหนี้สีเขียวของประเทศต่างๆรวมถึงไทยซึ่งมีการออกทั้งตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อมและตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน
เน้นย้ำการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน
3.การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนโดยสนับสนุนให้ภาครัฐ ประชาสังคม เอกชน และประชาชนร่วมมือกันปรับกระบวนทัศน์และพัฒนาเศรษฐกิจที่ไม่ทำลายระบบนิเวศ โดยไทยได้นำโมเดลเศรษฐกิจ BCG มาใช้ในการส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างสมดุล และเป็นหนทางในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและ ผลักดันประเทศสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ BCG เป็นแนวคิดพื้นฐานของการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคของไทยในปีนี้ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หลังโควิด-19 ที่เปิดกว้าง เชื่อมโยง สมดุลและยั่งยืนแบบองค์รวม ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่สหรัฐฯให้ความสำคัญและสามารถต่อยอดในฐานะเจ้าภาพการประชุมเอเปคในปีหน้าได้
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการขยายพื้นที่ป่าไม้ การปลูกพืชมีค่าเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรซึ่งนายกรัฐมนตรีระบุว่า“เราหมดเวลาสำหรับความล้มเหลวแล้ว”ซึ่งความกล้าหาญ ความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยว การหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ และความร่วมมือร่วมใจแบบไม่แบ่งฝักฝ่าย จะเป็นหลักประกันสำคัญถึงความอยู่รอดของโลกและคนรุ่นหลังต่อไป
ผู้นำอาเซียนร่วมหารือ ปธน.สหรัฐฯ
จากนั้นเวลา 15.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอเมริกา ณ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เข้าร่วมการประชุมหารือระหว่างผู้นำอาเซียนกับนายโจไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมฯ
โดย นายกฯกล่าวขอบคุณประธานาธิบดีสหรัฐฯสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่นที่ทำเนียบขาวเมื่อคืนนี้ พร้อมกล่าวว่าการที่ผู้นำอาเซียนเดินทางมาสหรัฐฯ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดฯสมัยพิเศษ นับเป็นโอกาสในความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯ ที่ดำเนินมายาวนานถึง 45ปี จึงควรใช้โอกาสนี้เฉลิมฉลองวาระพิเศษ และร่วมกันกำหนดทิศทางการดำเนินความสัมพันธ์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น
ชูพัฒนาภูมิภาคมีสันติภาพมั่นคงยั่งยืน
โดยท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เปราะบาง มีปัจจัยความท้าทายที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นทั้งด้านสาธารณสุข ห่วงโซ่อุปทาน ภาวะเงินเฟ้อ วิกฤตพลังงานและความตึงเครียดระหว่างประเทศ ล้วนส่งผลกระทบต่อความพยายามในการฟื้นตัวจากโควิด-19 โดยเฉพาะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าที่ประชุมฯควรร่วมกัน“มองไปข้างหน้า”และเดินหน้าไปสู่“ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน”โดยเป้าหมายสำคัญที่สุด คือ การพัฒนาภูมิภาคที่มีสันติภาพ ความเข้มแข็ง พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง เพื่อก้าวต่อไปสู่ยุค Next Normal ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ดันร่วมเสริมสร้างภูมิภาคที่สงบสุข
พร้อมกันนี้ นายกฯเสนอให้อาเซียนกับสหรัฐฯมุ่งสร้าง “ภูมิทัศน์ใหม่”ให้ภูมิภาคและโลกใน 3 เรื่องดังนี้ หนึ่ง“ภูมิทัศน์ด้านความมั่นคงที่เอื้อต่อการฟื้นตัวและการเติบโตอย่างยั่งยืน”โดยสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อมีสถาปัตยกรรมในภูมิภาคที่เข้มแข็ง บรรยากาศของความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน นายกฯยินดีที่ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกฉบับใหม่ของสหรัฐฯให้ความสำคัญกับอาเซียน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินยุทธศาสตร์ดังกล่าว ตลอดจนข้อริเริ่มอื่นๆอาทิAUKUSและกลุ่มภาคีQuad จะเป็นไปในทิศทางที่สร้างสรรค์ สนับสนุนความเป็นแกนกลางของอาเซียน และมุมมองอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิก
นายกรัฐมนตรีหวังว่าผู้เล่นสำคัญต่างๆรวมถึงประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯซึ่งเป็นมิตรประเทศและหุ้นส่วนที่สำคัญของอาเซียนมาอย่างยาวนานจะทำงานร่วมกันเพื่อหาทางออกต่อความท้าทายที่เปราะบางและซับซ้อนได้อย่างเหมาะสมและสร้างสรรค์ให้แก่ประชาคมโลกโดยอาเซียนพร้อมจะมีบทบาทในฐานะเวทีหลักของภูมิภาคที่จะเชื่อมโยงผู้เล่นทุกคนเข้าด้วยกันเพื่อสร้างภูมิรัฐศาสตร์ที่สงบสุข
เน้นร่วมเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัล
สอง“ภูมิทัศน์ด้านเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัลและห่วงโซ่อุปทานที่เข้มแข็ง”นับตั้งแต่การระบาดของโรคโควิด-19อาเซียนมีผู้บริโภคดิจิทัลรายใหม่เพิ่มขึ้นถึง60ล้านคนซึ่งบ่งชี้ว่าอาเซียนจะเติบโตสู่การเป็นตลาดดิจิทัลที่สำคัญของโลกในอีกไม่ช้าไทยสนับสนุนการขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างอาเซียน-สหรัฐฯในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในภูมิภาคผ่านกลไกของ USDFC โดยมุ่งเน้นให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและ ใช้ประโยชน์ได้ ตลอดจนร่วมกันเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลให้แก่แรงงานและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่ม MSMEs และสตาร์ทอัพ เพื่อให้สามารถแข่งขันในเศรษฐกิจดิจิทัลได้
ยกไทยมีอีอีซีที่ทันสมัยในภูมิภาคนี้
นอกจากนี้โรคโควิด-19ได้ตอกย้ำถึงความสำคัญของการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานที่เข้มแข็ง โดยในระยะเร่งด่วนนายกฯเสนอให้อาเซียนและสหรัฐฯเร่งหารือช่องทางในการเชื่อมโยงระบบASEAN Single Window เข้ากับระบบนำเข้า-ส่งออกของสหรัฐฯเพื่อให้การเคลื่อนย้ายสินค้าเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าจำเป็นและในระยะยาว เชื่อมั่นว่าอาเซียนมีศักยภาพในการเป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐฯได้โดยเฉพาะสาขายานยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมการแพทย์และเวชภัณฑ์ และเทคโนโลยีชีวภาพ
ทั้งนี้ ไทยมีเขต EECซึ่งมีการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล่านี้และโลจิสติกส์ที่ทันสมัย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างขีดความสามารถให้กับภูมิภาคด้วย
ย้ำเติบโตทางศก.ควบคู่รักษาสิ่งแวดล้อม
สาม“ภูมิทัศน์เพื่อการดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีพลังมากขึ้น”โดยไทยเห็นว่าทุกประเทศต้องร่วมกันขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมความมั่นคงของมนุษย์ ในส่วนของไทยใช้โมเดลเศรษฐกิจBCGเป็นแนวทางและผลักดันให้เป็นแนวคิดพื้นฐานในการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยในปีนี้ภายใต้หัวข้อหลัก“OPEN.CONNECT.BALANCE.”ซึ่งสอดคล้องกับสหรัฐฯที่ให้ความสำคัญและสามารถสนับสนุนข้อริเริ่มBuild Back Better Worldได้เป็นอย่างดี
สำหรับเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไทยได้แสดงความมุ่งมั่นที่ COP26ว่าจะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปีค.ศ.2050และจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี ค.ศ. 2065 หรือก่อนหน้านั้นซึ่งหากอาเซียนกับสหรัฐฯเพิ่มพูนความร่วมมือในการลงทุนและแบ่งปันเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ โครงสร้างพื้นฐานสีเขียว และพลังงานสะอาด ตลอดจนการสนับสนุนทางการเงินที่ยั่งยืน ประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงไทยก็จะสามารถบรรลุเป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น
ชวน‘ไบเดน’ร่วมเอเปคที่กทม.ปลายปีนี้
นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าแนวทางที่ได้เสนอมาทั้งหมดนี้ จะช่วยผลักดันให้ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างอาเซียนกับสหรัฐฯก้าวไปสู่บทใหม่และเป็นการพิสูจน์ว่าความร่วมมือของอาเซียนและสหรัฐฯจะยังมีความสำคัญและมีส่วนในการส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคต่อไป พร้อมยังยินดีที่จะให้การต้อนรับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเข้าร่วมการประชุมผู้นาเขตเศรษฐกิจเอเปคที่กรุงเทพฯในช่วงปลายปีนี้
ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ เวลา18.00น.ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ นายกฯพร้อมคณะเดินทางออกจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกาไปยังท่าอากาศนานาชาติอินชอน กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลีเพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศไทย โดยจะเดินทางถึงประเทศไทยในช่วงเช้าของวันที่ 15 พ.ค. 2565
แถลงร่วมมือสำคัญอาเซียน-สหรัฐ 7 ด้าน
อนึ่งในการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯสมัยพิเศษครั้งนี้ ผู้นำอาเซียนและสหรัฐฯได้รับรองแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม(Joint Vision Statement)แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันขับเคลื่อนความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน โดยเน้นย้ำความสำคัญของการทำงานร่วมกัน เพื่อมุ่งไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์แบบรอบด้านระหว่างอาเซียนกับสหรัฐฯการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมแห่งสันติภาพในภูมิภาคและการสนับสนุนความเป็นแกนกลางของอาเซียน
โดยมีแนวทางการดำเนินความร่วมมือที่สำคัญดังนี้1.การส่งเสริมความร่วมมือด้านสาธารณสุข ผ่านความร่วมมือต่างๆ 2.การส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เท่าเทียม เข้มแข็ง และยั่งยืน 3.การส่งเสริมความร่วมมือทางทะเล 4.การพัฒนาทุนมนุษย์ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและครอบคลุม 5.การส่งเสริมการพัฒนาในอนุภูมิภาค 6.การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและการส่งเสริมนวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียน
7.การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 8.ความร่วมมือในประเด็นภูมิภาคและระหว่างประเทศ
‘อุ๊งอิ๊ง’นำทัพ‘เพื่อไทย’บุกปากน้ำ
ที่ห้างสรรพสินค้า อิมพีเรียล สำโรง สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.)มีการจัดงาน‘ครอบครัวเพื่อไทย สมุทรปราการ’ นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรค พท.ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชศรีมา เลขาธิการพรรค น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พร้อมทั้งน.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อและนายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
โดยน.ส.แพทองธารขึ้นกล่าวเปิดเวทีปาฐกถาว่ากว่า10ปีที่ผ่านมา การเมืองที่ไม่สร้างสรรค์ของประเทศไทย ได้ทำลายครอบครัวไปมากมายพี่น้องประชาชนหลายสิบล้านคนต้องสูญเสียชีวิต สูญเสียกำลังใจ เจ็บปวดแต่ตนเชื่อมั่นว่าทุกคนยังมีความหวังเพราะพรรคเพื่อไทยยังมีพี่น้องคนเสื้อแดง พี่น้องคนเสื้อแดง มีพรรคเพื่อไทย เป็นครอบครัวคนเสื้อแดง ครอบครัวเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าอุดมการณ์ของพรรคไม่เคยเปลี่ยนแปลง จากพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน สู่เพื่อไทยคือต้องการให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องกลับไปมีศักดิ์ศรีอีกครั้ง
ปลุกเสื้อแดงกลับบ้านร่วมแลนด์สไลด์
“ในวันนี้แม้ทุกอย่างจะดูเหมือนไม่มีทางออก แต่เชื่อมั่นว่าทางออกเดียวคือพรรคเพื่อไทยกลับมาชนะการเลือกตั้ง ได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง ประเทศชาติจะกลับมาเจริญอีกครั้ง ขอเชิญชวนให้พี่น้องเสื้อแดง กลับบ้าน มาร่วมกันกับพรรคเพื่อไทยในการเปลี่ยนแปลงประเทศ ด้วยการทวงคืนอำนาจรัฐ เพื่อให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย เราไม่เคยทิ้งกันไปไหน ขอบคุณพี่น้องเสื้อแดงที่เป็นความเข้มแข็ง เราผ่านอะไรมาด้วยกันมากมายและพรรคเพื่อไทยคงไม่มาถึงทุกวันนี้ หากไม่ได้รับพลังจากพี่น้องเสื้อแดงทุกคนขอบคุณนะคะที่ไม่เคยทิ้งกันไปไหน กลับบ้านเรากันค่ะ”น.ส.แพทองธาร กล่าวย้ำทิ้งท้าย
เด็กพท.’ลั่นนักสู้’เสื้อแดง’ฆ่าไม่ตาย
ขณะที่ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าในฐานะคนเสื้อแดงโดยจิตวิญญาณและลูกสาวของแกนนำคนเสื้อแดงโดยสายเลือดที่สานต่ออุดมการณ์และภารกิจการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต่อจากพ่อ นายนิสิต สินธุไพร แกนนำคนเสื้อแดง เป็นจุดเริ่มต้นของ ชีวิตลูกสาวแกนนำคนเสื้อแดงของตน สำหรับพรรคเพื่อไทยไม่ใช่แค่เพียงสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับคนเสื้อแดงแต่พรรคเพื่อไทยได้ร่วมเป็นร่วมตายกับพี่น้องเสื้อแดง ยืนหยัดต่อสู้กับเผด็จการมากว่า20ปี ไม่มีนักการเมืองพรรคใดที่ถูกยัดเยียดคดี ถูกยึดทรัพย์ ถูกจองจำ ถูกทำให้ขาดอิสรภาพจากการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมากเท่ากับคนของพรรคเพื่อไทยและเพื่อไทยยังคงยืนอยู่จุดเดิม ไม่หวั่นไหว ไม่เปลี่ยนแปลง
วอนฝ่ายปชต.ผนึกกำลังเพื่อชัยชนะ
“วันนี้ดิฉันยืนอยู่ตรงนี้ในฐานะคนเสื้อแดงในฐานะลูกสาวแกนนำคนเสื้อแดง เพื่อบอกกับคนที่ฆ่าและคนที่สั่งฆ่าพี่น้องเสื้อแดงว่า‘คนเสื้อแดงฆ่าไม่ตาย’ไม่มีอำนาจใดจะสามารถต้านทานกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลงของประชาชนได้ ขอเรียกร้องให้ฝ่ายประชาธิปไตยจับมือกันให้แน่น แสวงจุดร่วม- สงวนจุดต่างเพื่อชัยชนะของประชาชนและฝ่ายประชาธิปไตย”น.ส.จิราพร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี