เปิดฉากเลือดสาดคาสภาฯ! ‘บิ๊กตู่’ขึงขังแต่เช้า แซะ‘พรรคการเมือง’ที่ยังไม่เป็นรัฐบาลเจ็บจี๊ด หาเสียงผิดเวที แจงยิบสารพัดประเด็น ด้าน‘ฝ่ายค้าน’ร้อนตัวทนไม่ไหวลุกโต้พาดพิง ‘พิธา’ผุดวาทกรรมสวนนี่คือ‘เวทีพิทักษ์ภาษีประชาชน’ ขณะที่‘ชลน่าน’แย็บฝากคนเขียนโพยอย่าใส่อารมณ์ให้นายกฯ
1 มิ.ย.2565 เวลา 10.50 น. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 วงเงิน3.185ล้านล้านบาท เป็นวันที่2 ตอนหนึ่งว่า ตนรับฟังมาตลอด ก็ขอบคุณสมาชิกทั้งหลาย ตนเข้าใจดี และคิดว่าทุกคนมุ่งหวังให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าเติบโต แต่เช้านี้ตนก็งงๆอยู่เหมือนกันว่าเรากำลังพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ66 หรือจะไปพิจารณางบฯของพรรคการเมืองใหม่ซึ่งยังไม่ได้เป็นรัฐบาลในเวลานี้ อย่าใช้โอกาสนี้ในหาเสียง ผิดเวทีนะ
นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนการจัดเก็บรายได้ของรัฐ วันนี้เรามีการผ่อนคลาย ผ่อนผัน ยืดอายุ ลดดอกเบี้ยมากมาย ดังนั้นรายได้ที่กลับมาก็เก็บได้น้อยลง เพราะสถานการณ์โควิด สงครามการค้า สงครามความขัดแย้งในภูมิภาคอื่นๆ เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องยอมรับ แต่สิ่งที่รัฐบาลทำไว้ล่วงหน้า ได้ทำหลายอย่างเพื่อทำให้จีดีพีสูง ถ้าหาเงินไม่ได้ มันก็จ่ายไม่ได้ เราถึงต้องจ่ายแบบพุ่งเป้า เราต้องดูคนที่เดือดร้อนมากที่สุดตามข้อมูลที่เรามีทั้งหมด ถึงต้องมีนโยบายการแก้ปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้ารายครัวเรือน ที่กำลังเดินหน้าอยู่ นอกจากนี้ เรายังไม่ได้มีการเพิ่มอัตราภาษีขึ้นเลย เพราะรู้ว่ายังเก็บไม่ได้ เพราะรู้ว่าไทยยังไม่เข้มแข็งเพียงพอ
“นี่คือการแก้ปัญหาแบบยั่งยืน สิ่งแรกที่สำคัญในสถานการณ์วันนี้ที่เราต้องมองร่วมกันคือเราจะทำยังไงให้ทุกคนอยู่รอด แน่นอนต้องมีความลำบาก รัฐบาลก็ลำบาก ไม่ใช่สบายใจ มีความสุข ไม่ใช่เลย คิดทุกวัน ทุกคนทำงานเต็มที่ หลายอย่างที่ปรากฏเป็นผลสำเร็จก็มีอยู่ ถ้าจะพูดกันแต่เพียงว่าไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย ผมคิดว่ามันไม่เป็นธรรมมากนัก เดี๋ยวประชาชนจะไม่เข้าใจ” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ที่บอกว่ารัฐบาลไม่ทำอะไรเลย งบฯปี66 ไม่ให้ความสำคัญ นายศรัณย์ รู้หรือไม่ว่าเราให้ความสำคัญกับการลงทุนต่างๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ไม่ใช่พูดดิจิทัล ออนไลน์ แล้วเกิดขึ้นมาในอากาศ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว มันต้องทำโครงสร้างจนสำเร็จนำมาใช้แก้ปัญหาด้านต่างๆ ไม่ใช่นึกจะทำอะไรก็ได้หมดทุกอย่าง เราต้องอยู่กันด้วยระเบียบ ข้อบังคับ กฎกติกา กฎหมาย ที่ต้องปรับปรุงแก้ไขปฏิรูปกฎหมาย สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต่อแผ่นดิน และประชาชน ขอให้ช่วยกันให้ผ่านไปเร็วๆ อย่ามัวแต่ขัดแย้งกันอยู่
นายกฯ กล่าวว่า ขณะที่การลดจำนวนการบรรจุข้าราชการลง ต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยก่อน ถึงจะดำเนินการได้ ซึ่งอยู่ในแผนของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(กพ.)อยู่แล้ว แต่ถ้ายังไม่พร้อมแล้วลดการบรรจุข้าราชการลง แล้วใครจะทำงานให้ ตนให้นโยบายไปแล้ว ทุกกระทรวงจะต้องลดประมาณการบรรจุข้าราชการใหม่ลงทุกปี อย่างไรก็ตาม เราต้องใช้เทคโนโลยี ดิจิทัล ออนไลน์ให้ประชาชนเข้าถึงการบริการภาครัฐเร็วที่สุด ต้องคิดแบบนี้ ถ้าบอกว่าต้องจ่ายเท่านี้เท่านั้น ลองคูณตัวเลขดูเท่าไหร่ หาเงินได้หรือไม่ตอนนี้ รวมถึงที่บอกว่ารัฐบาลไม่มีทางอื่นนอกจากรีดภาษี ตนรีดใครหรือยัง
“ท่านไม่พูดถึงเลยโครงการต่างๆที่เรากำลังทำให้เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ พูดแต่ไอ้นี่ก็ไม่มี ไอ้นั่นก็ไม่ทำ เวลาพูดก็ไม่ฟัง แล้วหาทางโจมตีให้มากที่สุด ผมจำเป็นต้องชี้แจง ไม่งั้นประชาชนก็ตามไปหมด ให้เขาเลือก ให้เขาเข้าใจ เวลาท่านได้เป็นรัฐบาลก็ต้องทำแบบผม ทำยังไงให้ประชาชนร่วมมือ ผมไม่โทษใคร แต่หลายอย่างต้องร่วมมือ อะไรที่ยังไม่ดี ผมก็นำไปพิจารณา ผมไม่ปฏิเสธโครงการที่รับเข้ามา เมื่อหน่วยงานข้างล่างเสนอมา รัฐบาลต้องตรวจสอบ คัดกรอง ไม่เช่นนั้นติดคุก ท่านต้องทำให้ประชาชนรวมตัวกันให้ได้ รวมตัวกันสร้างสรรค์ ไม่ใช่รวมตัวแล้วแตกแยก ไม่มีใครบริหารได้ ท่ามกลางความขัดแย้ง” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ในเรื่องหนี้ครัวเรือน มันต้องเพิ่มขึ้น และเดือดร้อนแน่นอน แล้วคิดว่าตนจะไม่รู้สึกหรือ ตนไม่เห็นใจคนเป็นหนี้หรือ ตนไม่เห็นใจคนจนหรือ หลายโครงการทุ่มเทลงไปให้ประชาชนเข้าถึง แต่ยังทำไม่ได้ตามที่ต้องการ เนื่องจากงบประมาณที่ยังจำกัด รวมถึงต้องรู้ฐานข้อมูลคนจนด้วย แล้วให้ขึ้นมาตามลำดับ นโยบายเราคืออยู่รอด ปลอดภัย พอเพียง และยั่งยืน ถ้าจะรื้อทั้งหมด ถ้าท่านมีโอกาสท่านทำเถอะ ลองทำก็แล้วกัน ตนไม่อยากย้อนไปที่เก่า ตนทำงานกับข้าราชการมา8ปี รู้อะไรเยอะแยะมากมาย ว่าที่ผ่านมามันเป็นยังไง ถูกครอบงำ ถูกสั่งการหรือไม่ เคยปรึกษาข้าราชการ เคยดูแผนสภาพัฒนฯหรือไม่ เคยดูแผนยุทธศาสตร์หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังชี้แจงในอีกหลายประเด็นที่ถูกอภิปรายพาดพิงในงบประมาณที่ไม่ตอบโจทย์และไม่ไขแก้ปัญหาประชาชน และดูมีท่าทีที่ขึงขังตลอดการอภิปรายประมาณ40นาที ก่อนทิ้งท้ายว่า “ผมพอแค่นี้ หากจะให้ผมพูด สามารถพูดได้ทั้งวัน เพราะผมทำเอง ทำกับมือ ใช้คณะทำงานเป็นร้อย มีคณะทำงานจากข้างล่าง ไม่ใช่คิดคนเดียว หรือคิดสิบคน ยังไม่ต้องประท้วงผมตอนนี้ ขอบคุณ สวัสดีครับ” และได้ลุกออกจากห้องประชุมทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังพล.อ.ประยุทธ์ ลุกขึ้นอภิปรายชี้แจงเสร็จ บรรดาพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้ลุกขึ้นใช้สิทธิพาดทันที อาทิ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ขอใช้สิทธิ์พาดพิงโดยนายพิธาระบุว่า จากกรณีที่นายกฯ มีการระบุว่าฝ่ายค้านได้ใช้เวทีในการอภิปรายงบประมาณฯ ในการหาเสียงของพรรคฝ่ายค้านใหม่ที่ยังไม่เป็นรัฐบาล ทั้งนี้เป็นเวทีที่พิทักษ์ภาษีของประชาชน ถ้าติอย่างเดียวแล้วไม่มีการนำเสนอสิ่งใหม่ ก็จะถูกกล่าวหาว่าเป็นเรื่องการเมือง ดังนั้นส.ส. จึงพยายามหาสิ่งใหม่มาเปรียบเทียบจากต่างประเทศ และวิธีการหารายได้ให้กับทางรัฐบาล จึงขอให้เข้าใจไว้ด้วย และไม่ต้องกลัวเมื่อถึงเวลาของพวกตนเมื่อไหร่ จะทำอย่างแน่นอน
ขณะที่นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ได้ลุกขึ้นสวนพล.อ.ประยุทธ์ อีกคนว่า หากท่านพูดแบบนี้ท่านกำลังกล่าวหาสภาอยู่ และหากตีความตามคำพูดของนายกฯเท่ากับว่าสภาผิดทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องงบลงทุนที่ตนอภิปรายเมื่อวานนี้ ซึ่งตนเทียบกับปี 2565 และ 2566 หากท่านหารายได้ไม่ได้ และเอาไปลงทุนท่านจะผิดพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังทันที ขณะที่หน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรเมื่อรัฐบาลของบมา สภาก็มีหน้าที่ตัดลด แต่เมื่อตัดลดแล้ว ก็นำไปเพิ่มให้กับโครงการที่ท่านขอมา แต่ที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยของบลงทุนเข้ามา
“ฝากเรียนท่านประธานไปบอกนายกฯ ไม่ควรแสดงภาวะอย่างนี้ในการโยนความผิดให้คนอื่น แม้กระทั่งหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติท่านยังล่วงเกินเลย ไม่เหมาะจริงๆครับที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย เวลาตอบในสภาด้วยความเคารพครับ ฝากท่านนายกไปบอกคนเขียนสคริปต์ให้ทางด้านหลังด้วยเวลาเขียนโพยอย่าใส่อารมณ์มาด้วย ทำให้ท่านนายกมีอารมณ์” นพ.ชลน่าน กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี