"กรณ์"จี้"จุรินทร์"สั่งคุมค่าการกลั่น ชี้อำนาจมีในมือ ทำน้ำมันลดได้ถึง 4 บาทต่อลิตร แนะ รบ.ออก พ.ร.ก.หลัง"สุพัฒน์พงษ์"ดีลแบ่งกำไรโรงกลั่น 3 เดือนปากเปล่า ถามปัญหาน้ำมันแพงยืดเยื้อเกิน 3 เดือนจะทำอย่างไร
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2565 ที่พรรคกล้า นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวกรณีกระทรวงพลังงาน ประกาศมาตรการเกี่ยวกับราคาน้ำมันแพง แต่ราคาหน้าปั๊มน้ำมันยังไม่ลดลง ว่า เป็นตัวยืนยันและสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลยังไม่มีนโยบายที่ยิงตรงไปยังประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อน ในเรื่องราคาน้ำมันแพงวิธีแก้ คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ รมว.พาณิชย์ มีอำนาจและหน้าที่โดยตรงตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ ซึ่งได้กำหนดให้มีคณะกรรมการคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ซึ่งมีนายจุรินทร์ เป็นประธานโดยตำแหน่ง โดยในกฎหมายดังกล่าวได้กำหนดให้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว และน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสินค้าควบคุม
"เมื่อประกาศเป็นสินค้าควบคุม คำถามคือ มาตรการอยู่ที่ไหน ทำไมยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนกำหนดค่าการกลั่น ทำไมกระทรวงพาณิชย์ ไม่ใช้อำนาจที่มีกำกับอัตราค่าการกลั่นที่ไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน นี่คือสาเหตุที่ราคาหน้าปั๊มยังไม่ปรับลดลง ดังนั้น จึงขอฝากให้นายจุรินทร์รีบกลับมาแก้ไขเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนรออยู่ ถ้ารัฐมนตรีใช้อำนาจที่มี พรรคกล้าบอกเลยว่าภายในอาทิตย์นี้ราคาหน้าปั๊ม สามารถปรับลดลงได้เลย 4 บาท ต่อลิตร โดยมาจากค่าการกลั่น" นายกรณ์ ระบุ
หัวหน้าพรรคกล้า ยังกล่าวถึงที่มาของน้ำมันสามารถลดลงได้ 4 บาท ว่า ค่าการกลั่นน้ำมัน ไตรมาสแรกของปี 65 ตัวเลขกำไรโดยรวม 6 โรงกลั่น อยู่ที่ประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาท ถือว่าสูง เพราะนักวิเคระห์คาดการณ์ว่า ทั้งปีจะมีกำไรอยู่ที่ 6.8 - 6.9 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม ไตรมาสแรก ค่าการกลั่นขึ้นมาเฉลี่ยอยู่ที่ 1.91 บาทต่อลิตร ระหว่างทางมาจนถึงเดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บางวันที่เข้าไปคำนวณ เพิ่มขึ้นไปเป็น 8 บาท เท่ากับว่าขณะนี้ค่าการกลั่นเฉลี่ยอยู่ที่ 5.8 บาท และสิ้นเดือน มิ.ย.อาจถึง 6 บาท เพราะฉะนั้น 4 บาทที่พูดถึง เมื่อเปรียบเทียบกับราคาหน้าปั๊มที่สูง เพราะค่าการกลั่นสูงเฉลี่ย 5.80 บาทต่อลิตร และหากไปหักลบกับราคาเฉลี่ยของไตรมาสแรก ก็จะชัดเจนว่าราคาน้ำมันจะลดลงทันที 4 บาท ต่อลิตร ฉะนั้น นี่คือความสำคัญของค่าการกลั่นน้ำมัน
นายกรณ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ นายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ รมว.พลังงาน ไปเจรจาขอนำกำไรโรงกลั่น 8 พันล้านต่อเดือน เริ่มต้นเดือน ก.ค.ไปอุดหนุนให้กองทุนน้ำมันนั้น เป็นเพียงข้อตกลงปากเปล่า ดังนั้น ต้องออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อเป็นหลักประกัน นอกจากนี้ ยังมีปัญหาว่าไม่ตอบโจทย์หากปัญหาน้ำมันยืดเยื้อเกิน 3 เดือน ถามว่าจะทำอย่างไรต่อไป หรือจะกลับไปเจรจาต่อกับโรงกลั่นน้ำมันอีกครั้ง
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี